#wrficnct – Run (Johnny/Jaehyun) {AU The Maze Runner}

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: NCT
Relationships: Johnny/Jaehyun
Warning: AU the Maze Runner
Note: วูบเก่ง

 

RUN

Wirunyupha

 


 

 

จอห์นนี่อยู่ในทุ่งมานาน อาจจะนานกว่าทุกคนในนี้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ

 

ตั้งแต่แรกเริ่มที่พวกเขาค่อย ๆ พัฒนาหาวิธีการเอาชีวิตรอดในทุ่งรกร้างที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ จอห์นนี่เห็นมันมาตลอด และเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่อาสาออกไปสำรวจหลังกำแพงนั่น ดินแดนอันซับซ้อนที่ต่อมาพวกเขาเรียกมันว่า ‘วงกต’ ตามลักษณะของมัน และตามกระดาษโน้ตที่ติดมาจาก ‘กล่อง’ ที่วิกเค็ดส่งขึ้นมาให้

 

จอห์นนี่จดจำช่วงเวลาที่สมาชิกแต่ละคนออกมาจากกล่องได้ค่อนข้างแม่นยำ หนึ่งในบรรดาคนที่เขาจดจำได้ดีที่สุดคือ เจย์

 

เจย์ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขา จอห์นนี่คาดเดาจากลักษณะภายนอก แต่มันก็ให้คำตอบไม่ได้ชัดเจนนัก น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีใครจดจำเรื่องราวก่อนจะมาถึงที่นี่ได้ เราต่างจำได้แค่ ‘ชื่อ’ ของตัวเอง (ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชื่อจริงเสียด้วยซ้ำ) แต่จอห์นนี่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันคือชื่อของเขาจริง ๆ

 

เจย์เป็นเด็กสดใสร่าเริง แม้ตอนแรกที่ออกมาจากกล่องจะมีท่าทีหวาดกลัว จอห์นนี่ยังจำเนื้อตัวที่สั่นระริกและคราบน้ำตาจาง ๆ บนผิวแก้มอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เป็นเขาเองที่ยื่นมือเข้าไปดึงอีกฝ่ายขึ้นจากกล่อง เผยโลกใบใหม่ให้อีกคนได้เห็น ตอนนั้นทีวายเป็นอีกคนที่ยืนข้างเขา และพาเจย์ไปดูแลต่อ

 

แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวเมื่อครึ่งปีก่อน ทุกวันนี้เจย์ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนวันแรก ๆ แล้ว กลับทำตัวเหมือนเป็นดวงอาทิตย์อีกดวงของชาวทุ่ง แผ่ความสดใสและทัศนคติแง่บวกจนจอห์นนี่สงสัยเหลือเกินว่าเจ้าตัวผลิตพลังบวกพวกนี้ได้มากแค่ไหน ในสถานที่ปิดที่แสนสิ้นหวังแห่งนี้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจย์ก็เป็น นักวิ่ง เหมือนกับเขา

 

“พร้อมยัง”

 

จอห์นนี่เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง มองร่างสูงโปร่งพอ ๆ กับเขาที่รัดสายคาดตรงอกให้พอดี เจย์หันมายิ้มให้เขาจนตาหยีเป็นเส้นโค้ง เห็นรอยบุ๋มที่แก้มชัดเจน

 

“พร้อมเสมอ”

 

“ออกตอนนี้คงไม่เจอโศกาเหมือนปกติ” เขาคาดคะเนเวลา จากสถิติที่รวบรวมมา ช่วงเวลาแบบนี้สัตว์ประหลาดพวกนั้นคงไม่เพ่นพ่านในวงกต “วันนี้สำรวจโซนนี้แล้วกัน” แล้วชี้ไปทางตะวันตก

 

เจย์พยักหน้ารับ รอครู่เดียวก็มีอีกสี่คนตามมาสมทบพวกเขา

 

“ลูคัส แจมิน ยูตะ เจอุส พร้อมนะ”

 

ทั้งสี่คนพยักหน้า จอห์นนี่เหลือบมองเด็กตัวสูงผิวขาวจัดที่เพิ่งมาปรากฏตัวที่นี่ได้ไม่นาน

 

“เจอุส ครั้งแรกใช่ไหม มั่นใจนะ”

 

เจอุสพยักหน้ารับ ทั้งที่คิ้วยังขมวดอยู่นิดหน่อย

 

แต่พวกเขาไม่มีเวลาให้ลังเลนานนัก หากช้ากว่านี้จะถึงเวลาที่โศกาออกมาจริง ๆ

 

“ช่วยกันคัฟเวอร์แล้วกัน” เขาสั่งการอีกรอบ ก่อนจะเดินนำไปที่ประตู “ไปเถอะ”

 

การเข้าไปในวงกตแต่ละครั้งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สำหรับจอห์นนี่ที่วิ่งวนไปมาทุกโซนตลอดเวลาปีกว่าในสถานที่แห่งนี้ เขาแทบจะทำอิฐทุกก้อนบนผนังกำแพงได้ แต่อย่างไรก็ต้องออกไปสำรวจเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเสมอ

 

วงกตเป็นกำแพงสูงจนแทบมองไม่เห็นขอบด้านบน มีเถาวัลย์เลื้อยพันมาจากด้านบนอันมองไม่เห็นนั้นจนเหมือนมันหล่นมาจากฟ้า จอห์นนี่เคยคิดจะปีนเถาวัลย์ขึ้นไปเหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที บางทีเขาอาจจะต้องหาเวลาเหมาะ ๆ ทดลองสักครั้ง เผื่อมันจะเป็นอีกทางที่จะพาพวกเขาออกจากที่นี่ได้

 

พวกเขาวิ่งไปเรื่อยตามเส้นทางที่จอห์นนี่และเจย์จดจำได้ ในบรรดานักวิ่งหกคน เมื่อเรียงตามลำดับคนที่ออกสำรวจวงกตมานานที่สุด จะเป็นเขา ยูตะ เจย์ แจมิน ลูคัส และเจอุส ที่เพิ่งมาล่าสุด ถึงยูตะจะมาก่อนเจย์ แต่ก็เข้ามาวิ่งก่อนแค่สองอาทิตย์ ความทรงจำของทั้งสองจึงไม่ต่างกันมากนัก แต่ตอนหลังเจย์ดูจะจำได้แม่นกว่า

 

“ฉันทำแผนที่ทุกครั้งเหมือนกัน” เจย์เคยเล่าให้เขาฟัง “จะได้ช่วยนายทวน ว่าเราจำถูกใช่ไหม”

 

นับเป็นคู่หูที่ดี จอห์นคิดว่าเจย์เหมาะจะเป็นคนที่ช่วยเขาคิดแผนรองรับสถานการณ์มาก ถ้าไม่นับทีวายที่เหมือนหัวหน้าของพวกในทุ่งไปแล้ว

 

พอถึงจุดหนึ่งพวกเขาจึงหยุดพัก เจย์แบ่งสรรปันส่วนอาหารอย่างระมัดระวัง มีเขามองเงียบ ๆ และยูตะกับแจมินคอยสอดส่องระวังภัยอยู่

 

“วันนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” เจย์ว่า “เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ”

 

จอห์นนี่ก็หวังให้การเดินทางกลับเป็นไปได้ด้วยดี

 

แม้เขาจะสังหรณ์ใจแปลก ๆ ก็เถอะ

.

จอห์นนี่ไม่เคยเชื่อในลางสังหรณ์ตัวเอง แต่หลังจากสัญชาตญาณช่วยชีวิตเขามาหลายครั้ง เขาคิดว่ามันพึ่งพาได้ในบางสถานการณ์จริง ๆ

 

เช่น ตอนนี้

 

“วิ่ง!!!”

 

ยูตะตะโกนมาจากด้านหลัง ทั้งที่ขาของพวกเขาต่างก็ก้าวให้ยาวที่สุด สับขาให้เร็วที่สุดเท่าที่กำลังขาจะอำนวย เลี้ยวซิกแซ็กไปตามเส้นทางอันคดเคี้ยวของวงกต

 

มีเสียงประหลาดไล่หลังมา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้โดยสัญชาตญาณ ความเย็นยะเยียบดุจไร้ชีวิตของจักรกลหน้าตาประหลาด — โศกา

 

จอห์นนี่ลดจังหวะให้แจมินกับเจอุสวิ่งนำขึ้นไปก่อน ซึ่งทั้งสองก็ดูจะเข้าใจท่าทางของเขาเป็นอย่างดี แจมินกลายเป็นคนนำทางขนาบข้างกับเจย์ มีเจอุสวิ่งไม่ห่างกันนัก ต่อจากนั้นเป็นลูคัส เขา และยูตะ

 

“ข้างหน้าก็ถึงประตูแล้ว!!”

 

เขาตะโกนบอก ทุกคนเร่งฝีเท้าเฮือกสุดท้ายตรงไปที่ประตูทางเข้าทุ่ง

 

แจมินกับเจอุสไปถึงก่อน เจย์ย่ำเท้ารออยู่หน้าทางเข้า ตามด้วยลูคัส และยูตะที่ใช้เฮือกสุดท้ายวิ่งจนแซงเขาขึ้นไปได้

 

โอเค ครบ…

 

“จอห์นนี่!!”

 

เจย์กรีดร้อง ใช้คำนั้นเลยแหละ ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะจอห์นนี่โดนอวัยวะอะไรสักอย่างของโศกาที่แหลมคมนั่นเกี่ยวเข้าที่ชายเสื้อด้านหลัง โชคดีที่มันไม่โดนตัวเขา ไม่อย่างนั้นเขาต้องตายแน่ ๆ แต่นั่นก็เพียงพอให้เขาเสียจังหวะแล้วล้ม

 

เจย์พุ่งออกมาจากตรงประตู ทุกคนกรีดร้องตามมาด้วยความตกใจแต่ไม่มีใครกล้าก้าวออกมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเหมือนกัน ไม่มีใครรับประกันว่าถ้าออกมาช่วยเขาแล้วจะไม่เอาชีวิตไปสังเวย

 

แต่เจย์ไม่กลัวเลยสักนิด

 

จอห์นนี่เห็นสีหน้ามุ่งมั่นของเจย์ อีกฝ่ายตรงมาคว้าแขนเขาไว้ ก่อนจะกระชับฝ่ามือลงบนมือของเขา

 

“วิ่ง!”

 

ไม่ต้องบอกเขาก็พร้อมจะวิ่งต่ออยู่แล้ว จอห์นนี่สับขาไม่คิดชีวิต จากที่ตามเจย์อยู่ ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่เขาเปลี่ยนมาวิ่งนำ มือข้างที่ประสานกับเจย์อยู่นั้นไม่กล้าปล่อยให้มันลื่นหลุดแม้แต่นิดเดียว

 

ตอนนั้นเองที่จอห์นนี่เข้าใจ การจับมือแล้ววิ่งไปพร้อมกับใครสักคน

 

“เร็ว!!!”

 

ยูตะตะโกนมาจากอีกฝั่งของประตู พวกเขารีบเร่งฝีเท้า จังหวะนั้นเองอะไรบางอย่างผ่านหน้าพวกเขาไป แต่จอห์นนี่ไม่ได้หันไปมอง

 

พวกเขามาถึงประตูโดยสวัสดิภาพ เมื่อเหลือบไปมองข้างหลัง ก็เห็นซากโศกาแอ้งแม้งหมดสภาพอยู่ที่พื้น

 

“เอ๊ะ?”

 

พวกเขามองหน้ากัน ก่อนที่ทุกสายตาจะเหลือบไปมองเด็กใหม่ของทีม

 

เจอุสยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขา “ฉมวกก็ใช้ได้ในเวลาแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”

 

จอห์นนี่หันกลับไปมองซากโศกาอีกครั้ง

 

ครั้งเดียวเข้าจุดตาย

 

ดูเหมือนพวกเขาจะมีทางรอดใหม่แล้วแฮะ

.

นักวิ่งพากันเดินลากขากลับไปที่ที่พัก จอห์นนี่ถอนหายใจเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ หัวใจค่อยเต้นช้าลงจากที่เมื่อครู่อะดรีนาลินพลุ่งพล่าน เขาเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ยืนหอบหายใจ ผิวแก้มขาวแดงจัด

 

และมือยังคงประสานกันไว้

 

“นั่งก่อนเถอะ เจย์”

 

เขาทรุดตัวลงนั่งให้เจย์ล้มตัวลงมาตาม เจย์หายใจแรง หยดเหงื่อไหลอาบใบหน้า เส้นผมเปียกชุ่ม เปลือกตาขาวปิดแน่น

 

“เจย์ โอเคไหม”

 

“…อืม”

 

อีกฝ่ายตอบรับ ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น

 

“นายโอเคไหม จอห์นนี่”

 

“หมายถึง?”

 

“นายคือคนโดนโศกาเกี่ยวเสื้อแล้วเกือบโดนมันฆ่านะ ไม่ใช่ฉัน”

 

เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย

 

จอห์นนี่เอี้ยวตัวให้เจย์ดูด้านหลัง “มีแผลไหม”

 

“…ไม่มี”

 

“แล้วไป”

 

“แต่ไปให้โดยองช่วยดูก็ดี แผลที่ล้มเจ็บหรือเปล่า”

 

เจย์มองเขาด้วยท่าทางกังวล

 

จอห์นนี่ส่ายหน้า พยายามฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย “ฉันไม่ได้ล้มครั้งแรกนะ เจย์ ไม่ต้องห่วงหรอก”

 

เจย์ยังคงจดจ้องใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรูลมหายใจแรง ๆ แล้วเอนใบหน้ามาซบไหล่เขาอย่างอ่อนล้า

 

“…”

 

จอห์นนี่ไม่รู้จะพูดอะไร มือของพวกเขายังคงกอบกุมกันและกันไว้

 

“ห้ามตายนะ จอห์นนี่”

 

เจย์พึมพำขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

 

ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม จอห์นนี่มองเสี้ยวหน้าที่สะท้อนประกายสีทองของแจฮยอนแล้วตอบรับคำพูดนั้นด้วยการกระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นกว่าเดิม

 

“นายก็เหมือนกัน”

 

FIN


 

20180822

 

วูบทุกวันเลยน้า ยกความดีความชอบให้คุณ @butterfly_angel ผู้จุดประกายนะค้า เยิฟ

#wrficnct

2 Comments

  1. ฉันรักเธอจริงๆนะวิรัล เหมือนได้ดู the maze อีกรอบ (แต่ไม่มีฉากน้ำตาเพราะจบในตอนแค่นี้พอเนอะ) เนี่ย การจับมือแล้ววิ่งเพราะอะไรไม่รู้มันดีจริงๆ ก็แค่จับมือแล้วออกตัววิ่งไปด้วยกันก็พอ /ชอบภาษาเธอเหมือนเดิมเพิ่มเติมมากขึ้นไปอีกนิด

    Reply

    1. แง ขอบคุณณณ นี่ไม่ได้เกลาเลย ;-; ขอบคุณมาก ๆๆๆ ถ้าเธอไม่พูดฉันก็ไม่ได้เขียน 555555

      Reply

Leave a comment