บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด
บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น
Rating: PG
Category: M/M
Fandom: NCT
Relationships: Johnny/Jaehyun
Note: Seven Days by TAKARAI Rihito AU
Seven Days
Wirunyupha
2
TUESDAY
ยังไม่ทันถึงห้องเรียน แจฮยอนก็รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงเรียน
แม้ก่อนหน้านี้เขามักจะตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว (แหม ฉายาเจ้าชายแจฮยอนนั่นก็ดึงดูดความสนใจคนได้เยอะนะ) แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทุกคนมองเขาเหมือนอยากวิ่งเข้ามาถามคำถามขนาดนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ความใครรู้ ซึ่งแจฮยอนก็ทำเป็นไม่เห็นบ้าง หรือหากบังเอิญสบตาก็จะหันไปยิ้มตอบอย่างสุภาพบ้าง
ถ้าให้เขาเดา ก็คงไม่พ้นเรื่องจอห์นนี่นั่นแหละ
เขาอาจจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์การเดตอาทิตย์ละคนของพี่จอห์นนี่ที่เป็นผู้ชาย
เอ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ถามแฮะว่าก่อนหน้านี้พี่จอห์นนี่เคยคบกับผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า
แจฮยอนคิดอะไรไร้สาระไปเรื่อย จนมาถึงหน้าห้องเรียน ด้วยความคิดเรื่อยเปื่อยเหล่านั้นเขาจึงทำเป็นไม่เห็นสายตาของคนรอบข้างได้ แต่พอมาถึงห้องเรียน แน่นอนว่าเขาย่อมเลี่ยงไม่ได้
“จอง แจฮยอน!” เป็นซูยองที่พุ่งเข้ามาคนแรก “มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมนายถึงไปเดตกับพี่ยองโฮได้!”
คำว่า พี่ยองโฮ จากปากของเพื่อนสาวทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย แต่พอนึกว่า ทุกคนที่คบกับพี่เขาก็คงเรียกแบบนี้ ยกเว้นเขาคนเดียวที่เรียกว่า พี่จอห์นนี่ แจฮยอนก็อมยิ้มกับตัวเอง
ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ
“ยิ้มบ้าอะไรเนี่ย แจฮยอน จะไม่บอกหรือไง”
เขายักไหล่ “ก็ทำเหมือนที่พวกเธอทำนั่นแหละ”
“นายชอบพี่ยองโฮเหรอ”
แจฮยอนไม่ตอบคำถามนั้น เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง จองอูกับโดยองยกมือทักทายตามปกติ และเขาก็ยกมือตอบ
“วันนี้ฉันจะรอดูนายโดนพวกผู้หญิงซักฟอก” โดยองว่า “ไม่ต้องถามเองก็ได้ รอฟังนายตอบคำถามของพวกนั้นก็จบ”
“ถ้าฉันไม่อยากตอบ ใครก็บังคับฉันตอบไม่ได้หรอกน่า” แจฮยอนตอบกลับยิ้ม ๆ มองโดยองกับจองอูที่มองหน้าเขาแล้วถอนหายใจ
ซูยองลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ กับเขาอย่างไม่ย่อท้อ ข้างหลังมีเพื่อนผู้หญิงยืนล้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างกัน
“อธิบายมาให้หมดเลยนะ แจฮยอน”
แจฮยอนเท้าคาง ทำปากยื่นแบบที่โดยองกับจองอูเห็นแล้วอยากเอามือบีบปาก
“ไม่มีอะไรจะอธิบายอะ”
“ได้ไง! นี่นายกลายเป็นแฟนอาทิตย์นี้ของพี่ยองโฮไปแล้วนะ จะไม่มีอะไรจริง ๆ เหรอ”
แจฮยอนมองเพื่อนที่ทำท่าอยากจะซักไซ้ทุกอย่างให้ขาวสะอาดหมดจดแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเงาร่างที่ประตูหน้าห้องเรียน พออีกฝ่ายเห็นเขาก็โบกมือให้ เขาเลยโบกมือตอบ ทุกคนเลยหันไปมองว่าเขาโบกมือให้ใคร
จะใครถ้าไม่ใช่พี่จอห์นนี่
“ไม่ถามพี่เขาดูล่ะว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง” เขาท้าซูยอง แน่นอนว่าเธอรีบส่ายหน้าทันที
“พี่ยองโฮไม่คุยกับคนที่เลิกกันไปหรอก จะถือว่าเป็นคนเคยรู้จักก็เท่านั้น”
“…”
คำพูดนั้นทำเอาเขาอึ้งไป แต่ความคิดนั้นก็หยุดลงเมื่อคนที่หน้าประตูเอ่ยเรียกเขาขึ้นมา
“เจย์”
ทุกคนหันมามองเขา แต่แจฮยอนไม่ได้สนใจ
“เดี๋ยวมา” เขาบอกโดยองกับจองอูแล้วเดินออกไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาเข้าเรียน ไม่แปลกที่จะมีคนเดินเข้าเดินออกห้องต่าง ๆ ไปทั่ว แจฮยอนเบี่ยงตัวหลบให้เพื่อนเดินเข้าห้อง เขาเห็นยองโฮยืนพิงระเบียงทางเดินรอเขาอยู่
“มาหาเจย์แต่เช้าเลย”
“คิดถึง”
“แหวะ” แจฮยอนหัวเราะ “พูดมาเลยดีกว่าว่ามีอะไร”
“ช่วยเขินกันหน่อยก็ได้”
“จะเขินถ้ามันมีความรู้สึกร่วมด้วย ไม่ใช่พูดเพราะหน้าที่”
คนเป็นรุ่นพี่เลิกคิ้ว
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่ได้คิดถึงเจย์จริง ๆ”
แจฮยอนยักไหล่ “ตกลงพี่มีอะไรกันแน่”
“มาหาแฟนก่อนเข้าเรียนนี่แปลกเหรอ”
“ก็ไม่” แจฮยอนทบทวน ตอนเขาคบกับแฟนเก่าก็มีไปหาที่ห้องเรียนบ้าง “แต่พี่คงมีอะไรมากกว่าแค่มาหาเจย์เฉย ๆ มั้ง”
“เที่ยงนี้กินข้าวกับเพื่อนหรือเปล่า”
แจฮยอนพยักหน้า “พี่ล่ะ”
“ก็คงกับพวกยูตะ”
“งั้นเย็นนี้พี่ว่างไหม ไปดูหนังกัน”
ยองโฮเลิกคิ้ว “ชอบดูหนังแนวไหน”
“ดูได้หมดแหละ”
“สยองขวัญ?”
“ดู ๆ” แจฮยอนพยักหน้ารัว ๆ “เคยไปดูกับพวกโดยองแล้วรำคาญมันอะ โวยวายทั้งเรื่อง พี่คงไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม”
ยองโฮหัวเราะ “งั้นก็ดูด้วยกันวันนี้แหละ สบายใจได้ พี่ไม่กรี๊ดหรอก”
แจฮยอนท่าทางแปลกใจ “พี่ไม่มีเรียนพิเศษเหรอ จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ”
คนโดนถามส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ว่าจะไม่ต่อในเกาหลีก็เลยไม่ได้ต้องทุ่มเทแข่งกับคนอื่นขนาดนั้น”
คำตอบนั้นทำให้แจฮยอนแปลกใจ
“หมายความว่าไง พี่จะไปเรียนต่อเมืองนอกเหรอ”
“ชิคาโก้ไง”
“อ๋อ” แจฮยอนพยักหน้า “มีใครรู้ไหมเนี่ย”
“พ่อแม่ พวกยูตะ แล้วก็เจย์นั่นแหละ”
“แล้วแฟนคนก่อน ๆ?”
“ไม่เคยมีใครถามเลยต่างหาก พอพี่มีเวลาให้ก็ไม่ค่อยสงสัยกันหรอกว่าทำไมพี่ว่างเทียวรับเทียวส่งนัก”
แจฮยอนหัวเราะ ยองโฮเห็นแล้วยื่นมือมาดึงแก้มเขาเบา ๆ
“แล้วเจย์ไม่มีเรียนพิเศษหรือไง”
“มีวันพุธเย็น คณิตกับฟิสิกส์ นอกนั้นอ่านเองแหละ”
“ดีแล้ว เรียนมากก็เครียด” มือของยองโฮย้ายจากตรงแก้มขามาเป็นกลุ่มผมสีน้ำตาล “ตั้งใจเรียน เจอกันตอนเย็นที่ห้องชมรม เดี๋ยวพี่ส่งข้อความหา”
“ครับ” เจย์พยักหน้า ซึมซับสัมผัสนุ่มนวลบนศีรษะตัวเอง “ไว้เจอกัน”
–
“ต่อจากจิ้มแก้มก็เป็นโอบไหล่”
“แล้วก็ลูบแก้มลูบหัว”
คิมโดยองกับคิมจองอูมองเพื่อนตัวดีที่กลับเข้ามานั่งยิ้มร่าอยู่ข้าง ๆ แล้วอดพูดไม่ได้ แจฮยอนทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“เป็นแฟนกันจริง ๆ เหรอ นึกว่ามุก”
“ก็จริงน่ะสิ” แจฮยอนตอบรับ หยิบปากกามาควงเล่น “ไม่ใช่แฟนจะทำแบบนั้นเหรอ”
“คิดไงถึงไปขอรุ่นพี่ยองโฮคบ” จองอูถาม
ปากกาที่ควงอยู่หยุดค้าง แจฮยอนเอียงศีรษะไปมา ใคร่ครวญคำตอบที่ดีที่สุด
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้น่ะ”
“อยากรู้อะไร” โดยองถามต่อ
แจฮยอนถอนหายใจ
“อยากรู้ว่า ถ้าเขาดีกับเราขนาดนั้น ตอนบอกเลิกกัน จะไม่รู้สึกอะไรเลยจริง ๆ เหรอ”
–
“แล้วเป็นไง กับน้องเจ้าชาย”
นากาโมโตะ ยูตะ ถามเพื่อนสนิททันทีที่พวกเขาจัดการอาหารเที่ยงเสร็จ
ในสายตาของยูตะแล้ว ซอ ยองโฮ เพื่อนสนิทของเขาเป็นพวกมีความคิดอ่านที่ล้ำชาวบ้านไปไกล ตามอะไรไม่ค่อยทัน คิดอะไรอยู่ในใจก็ไม่ค่อยบอก แต่เป็นคนดีคนหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนที่ดี และน่าจะเป็นแฟนที่ดี ฟังจากฟีดแบ็กของแฟนทั้งหลายของมัน
ยูตะอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่การเดตรายอาทิตย์ครั้งแรกของยองโฮ เขาจำสายตาแปลกใจของเพ่ือนสนิทได้ตอนที่รุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาขอคบโดยบอกว่า อีกอาทิตย์เดียวตนเองก็จะจบการศึกษาแล้ว ขอแค่ในอาทิตย์นี้ได้เป็นแฟนกับยองโฮสักครั้ง คงจะเป็นความทรงจำที่ดีของมัธยมปลาย แล้วไอ้ยองโฮก็ตกปากรับคำเสียดื้อ ๆ
หลังจากนั้น พอเปิดเทอมใหม่ก็เริ่มมีคนมาขอเดตยองโฮแค่อาทิตย์เดียวอีก ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นเงื่อนไขที่รู้กันดีว่า ซอยองโฮจะรับคำขอแรกของคนแรกในวันจันทร์ และบอกเลิกในวันจันทร์ถัดไป จนถึงตอนนี้ก็จะครบปีแล้วกับกิจกรรมพิลึก ๆ ของเพื่อนของเขาคนนี้
แน่นอนว่ายูตะเคยเห็นแฟนทุกคนของยองโฮ ตั้งแต่คนแรกจนถึงคนล่าสุดอย่างเบ จูฮยอน ตอนจูฮยอนมาขอยองโฮคบ พวกเขายังตกใจเลย ระดับจูฮยอนที่แค่กระดิกนิ้วเดียวผู้ชายทั้งโรงเรียนก็ยอมสยบ ลงทุนมาขอเป็นแฟนรายอาทิตย์ของเจ้ายองโฮ โลกมันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว
แต่เหนือกว่าเบ จูฮยอน ยังมี เจ้าชายแจฮยอน
จอง แจฮยอน เจ้าของสมญานามนั้น เป็นรุ่นน้องของพวกเขาสองปี ตั้งแต่เข้ามาเรียนก็โดดเด่นด้วยหน้าตาที่เหนือกว่าคนทั่วไป ส่วนสูงราวร้อยแปดสิบ และทักษะทางการเรียนและกีฬาที่ยอดเยี่ยม ตอนงานโรงเรียนก็เคยมาแสดงความสามารถทางการร้องเพลง เรียกได้ว่าเป็นคนที่ครบครันไปเสียทุกอย่าง มารยาทก็ดี การวางตัวก็เหมาะสม รู้เลยว่าที่บ้านสอนมาดี หนังสือพิมพ์โรงเรียนจึงให้สมญานาม เจ้าชายแจฮยอน แก่น้องคนนั้น
แม้แจฮยอนจะเป็นผู้ชายแบบที่ผู้ชายด้วยกันน่าจะอิจฉา แต่น่าแปลกที่ดูรุ่นน้องคนนี้จะไม่มีศัตรูเลย อาจเป็นเพราะรอยยิ้มสดใส หรือคำพูดคำจาน่าฟังก็เป็นได้ ยูตะเคยคุยกับอีกฝ่ายผ่าน ๆ ยังรู้สึกว่า เป็นคนที่ทำให้รู้สึกอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนรู้สึกดี ๆ กับน้อง
แต่ก็ไม่นึกว่าน้องเจ้าชายจะมาคบกับยองโฮไหม
เขามองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เงียบไปเหมือนลืมปากเอาไว้ที่บ้าน สายตาเหมือนจะเลื่อนลอย แต่พอมองตามไปก็เห็นว่ามันกำลังมองกลุ่มน้องเจ้าชายนั่นแหละ
“ไม่ตอบอีก คนนี้ดูไม่เหมือนคนอื่นนะ”
ยองโฮเบนสายตามาหาเขา
“อืม ไม่เหมือนเลย”
ยูตะไม่รู้ว่า คำว่า ‘ไม่เหมือน’ ของยองโฮหมายถึงยังไง และคิดว่าคงไม่มีทางรู้จากปากเพื่อนด้วย ซอยองโฮเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่เคยนินทาคนที่เดตด้วยให้ฟัง หรือจนเลิกกันไปแล้วก็จะไม่รื้อฟื้นให้อีกฝ่ายเสียหาย
พ่อพระสุด ๆ
“แต่แปลกชะมัดที่น้องเจ้าชายขอนายเดต” ยูตะพูด “ไม่นึกว่าเขาจะสนใจนายนะ”
ยองโฮยิ้มมุมปาก
“เขาไม่ได้ขอฉันเดต”
“…ฮะ?”
คราวนี้ยูตะงงกว่าเดิม
และไม่มีคำพูดอธิบายอะไรอีก ยองโฮบอกเขาว่าจะไปห้องชมรม แล้วพวกเขาก็แยกกัน
–
แจฮยอนเลื่อนประตูชมรมเปิด แสงแดดยามเย็นยังส่องสว่างอยู่ ยองโฮนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม
“พี่มาเร็วจัง” เขาทัก
“ห้องเรียนปีสามอยู่แค่นี้เอง”
พอได้ยินเช่นนั้น แจฮยอนถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองไม่รู้ว่าห้องเรียนของอีกฝ่ายอยู่ไหน
“คราวหน้าเจย์ไปหาพี่ที่ห้องบ้างดีกว่า” เขายิ้มกว้างขณะพูด “ไหน ๆ พี่ก็มาหาเจย์ที่ห้องแล้ว”
ยองโฮไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มรับ
“อ่านอะไรไหม”
“เล่มที่ยืมไปคราวก่อนยังอ่านไม่จบเลย” แจฮยอนบ่น “ไม่รู้จะอ่านตอนไหน กลับบ้านไปก็อ่านแต่หนังสือเรียน จะอ่านตอนกินข้าวก็โดนพ่อดุอีก”
“วันนี้เอาเล่มนั้นมาหรือเปล่า”
เขาพยักหน้ารับ
“งั้นก็อ่านตอนกินข้าวกันก็ได้ พี่ไม่ว่าหรอก”
แจฮยอนมุ่ยหน้า “ก็อยากคุยกับพี่มากกว่านี่”
“แล้วแต่เจย์เลยครับ”
คนโดนตามใจเบะปาก
“พี่ไม่ต้องตามใจเจย์มากหรอก ถ้าเจย์เอาหนังสือมาอ่าน แล้วพี่จะทำอะไรตอนนั้นอะ นั่งมองชามข้าวเหรอ”
คนฟังหลุดยิ้ม
“หรือพี่ก็มีอ่านของพี่อีกเล่ม”
“ขอโทษครับ พี่อยากคุยกับเจย์มากกว่า”
รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรุ่นน้อง “ดีมากครับ หนังสือน่ะอ่านตอนไหนก็ได้ แต่เราจะได้คุยกันแบบนี้ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละครับ”
โดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มกว้างเมื่อครู่ค่อย ๆ เจื่อนลงเมื่อแจฮยอนตระหนักถึงความหมายของสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป เขาไม่เห็นสีหน้าของยองโฮ และทำเพียงส่ายศีรษะไปมาไล่ความรู้สึกหน่วง ๆ ในใจ
“ไปกันเถอะครับ หิวแล้ว”
–
ยองโฮพาแจฮยอนมาถึงห้างสรรพสินค้าที่มีโรงภาพยนตร์อยู่ด้านใน พวกเขาจะได้ทำทุกอย่างเสร็จในที่เดียว เขาพาแจฮยอนไปซื้อตั๋วหนังก่อน รอบฉายของภาพยนตร์เริ่มประมาณหกโมงครึ่ง แน่นอนว่าแจฮยอนต้องกลับดึก
“เดี๋ยวเจย์บอกพ่อกับแม่ก่อนนะ”
พูดจบก็ก้มหน้าก้มตากดเข้าห้องแชตครอบครัว ยองโฮมองภาพนั้นเงียบ ๆ จนแจฮยอนเงยหน้ามามองเขาอีกครั้ง
“ไปหาข้าวกินกันเถอะครับ”
“เจย์อยากกินอะไรครับ”
แจฮยอนนิ่งคิด ที่นี่มีร้านอาหารเยอะมาก ไม่รู้ว่าควรเข้าร้านไหนเลย
“พี่จอห์นนี่อยากกินร้านไหน คราวนี้ให้พี่เลือกบ้าง เมื่อวานตามใจเจย์ไปแล้ว”
คนฟังเลิกคิ้ว “พี่อยากกินพาสต้า”
“งั้นไปกินกัน”
แจฮยอนเป็นคนว่าง่าย (มาก ๆ) เรื่องกิน พอพวกเขาตกลงร้านอาหารกันเสร็จ ยองโฮก็เดินนำพาน้องมาถึงร้านอาหาร เพราะยังไม่ใช่เวลาอาหารเย็น คนในร้านจึงไม่เยอะมาก พวกเขาได้ที่นั่งติดหน้าต่างร้าน พอเมนูมาถึงแจฮยอนก็สั่งเมนูที่อยากกินทันทีเหมือนคิดมาจากบ้าน ส่วนยองโฮต้องไล่สายตาดูรายการอาหารทั้งหมดก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะกินอะไร
“พี่จอห์นนี่มาที่นี่บ่อยหรือเปล่า”
แจฮยอนถามขึ้น ยองโฮมองหน้าคนถามแล้วส่ายหน้า
“นาน ๆ ทีน่ะ คนเยอะ พี่ไม่ค่อยชอบที่คนพลุกพล่านเท่าไหร่”
“ก็จริง” แจฮยอนหัวเราะ “ที่นี่เจ๋งมากเลย เจย์ชอบมากับเพื่อน มีห้องสมุดที่ใหญ่มาก ๆ แล้วก็มีคาเฟ่ไอดอลใกล้ ๆ ด้วย บางวันก็มีบัสกิ้งเจ๋ง ๆ ให้ดู เคยมาดูของวงดนตรีหนึ่งแล้วประทับใจมาก เล่นโคตรดี”
ท่าทางตื่นเต้นทำให้ยองโฮนึกสนใจ
“เจย์ชอบดนตรีเหรอ ชอบอะไรบ้าง”
แจฮยอนกอดอก ทำท่าคิด “เจย์ชอบร้องเพลง ชอบเต้นด้วย จริง ๆ เจย์เคยหัดเล่นเปียโนแต่ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เลยไปลองกีตาร์ ดูจะเข้าท่ากว่า ตอนงานโรงเรียนก็เลยดีดกีตาร์กับร้องเพลงโชว์ ไม่รู้พี่ได้ดูไหม”
น่าเสียดายที่ยองโฮไม่ได้ร่วมงานโรงเรียนที่ผ่านมา เขาจึงส่ายหน้า
“งั้นเดี๋ยวเจย์เล่นให้ดู วันไหนแวะไปบ้านเจย์ จะอวด”
ยองโฮอมยิ้ม “ชวนแฟนเข้าบ้านเหรอ ร้ายใช่เล่นนะเรา”
แจฮยอนตาโต “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย พี่นี่คิดแต่เรื่องอย่างว่าเหรอ”
คนโดนต่อว่าหัวเราะ
“ว่าแต่ พี่จอห์นนี่ชอบดนตรีหรือเปล่าครับ”
คนเป็นฝ่ายโดนถามกลับพยักหน้ารับ “พี่เล่นเปียโน แล้วก็ร้องเพลง ตอนอยู่ชิคาโก้พี่ร้องประสานเสียงที่โบสถ์ด้วยนะ”
“เจ๋ง” แจฮยอนตาเป็นประกาย “อยากฟังพี่ร้องเลย”
“วันอาทิตย์ไปโบสถ์กัน ดีไหม”
“เท่อะ เดตที่โบสถ์ ไป ๆๆๆ”
ความตื่นเต้นของแจฮยอนทำเอายองโฮอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟ พวกเขาจึงได้ฤกษ์จัดการกับมื้อเย็นของวัน
ใช้เวลาไม่กี่นาที พาสต้าของสองคนก็หายวับไปจากจาน แจฮยอนเลยชวนยองโฮเดินรอบ ๆ ห้างสรรพสินค้า แล้วก็มาจบลงที่ห้องสมุดเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด
“ทำไมพวกเราชอบเดินเข้าร้านหนังสือหรือห้องสมุดกัน” แจฮยอนตั้งข้อสังเกต
“ไม่งั้นเราสองคนคงไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกัน”
“ก็จริง”
รุ่นน้องตัวสูงเห็นด้วย ก่อนที่พวกเขาจะเดินสำรวจหนังสือรอบ ๆ อย่างสนใจ
หนังสือที่นี่มีทั้งหนังสือเกาหลีและหนังสือภาษาต่างประเทศ แจฮยอนอวดให้ยองโฮลองฟังสำเนียงภาษาอังกฤษที่ทิ้งไปนานของตนโดยการหยิบหนังสือสักเล่มมาอ่านออกเสียง รุ่นพี่หนุ่มฟังอย่างตั้งใจ พอโดนคะยั้นคะยอให้อ่านบ้าง แจฮยอนก็อึ้งไปกับสำเนียงของยองโฮ
“พี่เหมือนพวกศาสตราจารย์ในหนังอเมริกัน ไม่ก็นักข่าว CNN เลยอะ”
“นั่นชมใช่ไหม”
“ชมสิ ดูน่าเชื่อถืออะ สำเนียงฟังเพลินมาก”
หน้าตาชื่นชมอย่างจริงใจทำเอายองโฮรู้สึกเขิน ๆ ขึ้นมา
“นึกว่าจะบอกว่าพี่น่าเบื่อเสียอีก”
“ไม่หรอก ถ้าพี่น่าเบื่อ เจย์ก็คงเบื่อพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ชวนมาดูหนังด้วยวันนี้หรอก”
คนฟังยิ้ม เขาไม่รู้ว่าแจฮยอนจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นคนน่ารักจากภายในเลย
เดินดูหนังสือกันไปเรื่อยเปื่อย แจฮยอนได้รู้เพิ่มว่า ยองโฮไม่ได้แค่พูดภาษาอังกฤษคล่องแบบเจ้าของภาษา แต่ยังเรียนภาษาอื่น ๆ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และสเปนอีกด้วย พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ่งทึ่งจนอ้าปากค้าง
“พี่…เก่งเกินไปแล้ว”
“อะไรล่ะ” ยองโฮชักเขินจริง ๆ แล้ว “เจย์ก็เรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยไม่ใช่หรือไง”
“แต่นั่นมันเรียนในชั่วโมงเรียน ไม่ได้สนใจเรียนเองแบบพี่นี่นา” แจฮยอนถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง “สุดยอดอะ ผมไม่รู้จะพูดคำว่าอะไรเลย”
“เลิกชมพี่ได้แล้ว เขินนะเนี่ย”
“ก็มันน่าทึ่งนี่นา” ว่าแล้วก็สาดสายตาที่เต็มไปด้วยประกายชื่นชมมาให้เขาอีกรอบ “พูดได้หลายภาษา แถมจะไปเรียนต่อต่างประเทศอีก ดูอนาคตไกลเหลือเกิน เราห่างกันแค่สองปีเองนะพี่”
“เจย์ก็ค่อย ๆ วางแผนก็ได้” ยองโฮพูดยิ้ม ๆ “ของอย่างนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป”
แจฮยอนบุ้ยปาก “พอดีตอนนั้นเราคงเลิกกันก่อนแล้ว”
“…”
“…”
ยองโฮยื่นมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลนั้นเบา ๆ กำจัดความเงียบน่าอึดอัดที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันเมื่อแจฮยอนพูดถึงเรื่องของอาทิตย์หน้า
ชั่วขณะนั้น ยองโฮรู้สึกไม่อยากให้อาทิตย์หน้ามาถึงเลย
–
เมื่อใกล้ถึงเวลาภาพยนตร์ฉาย พวกเขาแวะซื้อป๊อบคอร์นกับโคล่าเข้าไปกินในโรง แจฮยอนให้สิทธิ์ในการเลือกรสชาติป๊อบคอร์นกับยองโฮ เพราะตัวเองกินได้หมด แล้วพวกเขาก็เข้ามาในโรงเตรียมพร้อมดูหนังสยองขวัญที่เทรลเลอร์ขยี้นักหนาว่า นักวิจารณ์ให้ความน่ากลัวเต็มสิบ
ตลอดการดูหนัง แจฮยอนไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอะไร แต่จะมีตกใจบ้างบางครั้ง ซึ่งพอตกใจทีก็สะดุ้งยกมือมาจับแขนยองโฮที รุ่นพี่จึงเลือกประสานมือข้างหนึ่งของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนไว้ พอตกใจรอบถัดมา แจฮยอนจึงเปลี่ยนไปเป็นกระชับมือข้างที่ประสานกันอยู่นั้นแทน
น่าแปลกที่มันไม่ได้รู้สึกประหลาดหรือชวนให้กระอักกระอ่วนอะไรเลย
แจฮยอนเติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนเกาหลีที่ไม่ได้เคร่งครัดวัฒนธรรมอะไรนัก แต่ก็ไม่เคยมีความคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเดตกับผู้ชายด้วยกัน เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายปกป้องคนอื่น และมือของผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าก็ย่อมนุ่มนิ่มน่าสัมผัสมากกว่าอยู่แล้ว แต่ความคิดนั้นเปลี่ยนไปเมื่อได้อยู่กับยองโฮ ถึงจะแค่วันกว่า ๆ แต่ความรู้สึกที่มีมือที่ใหญ่กว่าเขานิดหน่อยสอดประสานอยู่นี่ กลับทำให้เขาอบอุ่นแปลก ๆ
เขาเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่จดจ่ออยู่กับจอภาพยนตร์ เผลอประสานมือแน่นขึ้นจนยองโฮหันมามองอย่างสงสัย
แต่แจฮยอนทำเพียงยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มตอบ
–
แจฮยอนเดินบิดขี้เกียจออกมาจากโรงภาพยนตร์ มียองโฮเดินตามอยู่ด้านหลัง พอได้ยืดกล้ามเนื้อจนพอใจเขาก็หันกลับมาหารุ่นพี่ตัวสูง
“พี่ว่าเป็นไง”
“ก็ดี แต่เนื้อเรื่องเฉย ๆ”
“เห็นด้วย” แจฮยอนพยักหน้ารับ “ตอนที่น่ากลัวมีนิดเดียวเอง”
“แต่เด็กแถวนี้ก็สะดุ้งบ่อย”
“อย่าแซวสิพี่”
ยองโฮหัวเราะ “กลับกันเถอะ ดึกแล้ว”
นาฬิกาบอกเวลาใกล้สามทุ่ม แจฮยอนหน้าตาตื่น
“งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยไหมครับ”
“เดี๋ยวพี่ส่งไปที่สถานี”
“แต่…”
“ใกล้แค่นี้เอง ให้ไปเถอะน่า”
แจฮยอนพยักหน้ารับ
พวกเขาสองคนรีบเดินออกจากห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ปิด ตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ระหว่างทางไม่มีคำพูดสนทนามากนัก แต่แล้วยองโฮก็พูดขึ้นมา
“พรุ่งนี้ไปไหนกันดี”
แจฮยอนทำท่าคิด “…นึกไม่ออกอะพี่ นอกจากกินข้าวที่ร้านอะไรสักร้าน นอกนั้นก็นึกไม่ออก”
“ตอนเย็นก็ไปห้องชมรมอยู่แล้ว
แล้วคนเป็นน้องทำท่านึกออก
“ที่บอกว่าจะเล่นกีตาร์ให้ฟังไง พรุ่งนี้มาบ้านเจย์ก็ได้นะ”
ยองโฮแทบสะดุดล้ม
“…เอาจริง?”
“พี่ไม่เคยไปบ้านแฟนคนอื่นหรือไง”
คนมากประสบการณ์ยักไหล่
“เคยสิ แต่ไม่ได้ไปฟังเขาเล่นกีตาร์ร้องเพลง”
“แล้วไปทำไมอะ”
“…จะให้พี่พูดจริง ๆ เหรอ”
แจฮยอนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ คลายออกเมื่อเข้าใจ ใบหน้าค่อย ๆ เห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ยองโฮไปบ้านแฟนแต่ละคน
“…พี่ไปถึงขั้นนั้นกับแฟนคนอื่นเลยเหรอ”
จู่ ๆ ยองโฮก็รู้สึกว่าไม่น่าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย
เขาไม่ตอบ ทำท่าจะเดินหนี แต่แจฮยอนก้าวมาดักหน้าไว้ก่อน
“ทำไมพี่ไม่ตอบล่ะ บอกมาเถอะ เจย์อยากรู้”
“…ทำไมถึงได้อยากรู้อะไรแบบนี้ตลอดเลย”
“สรุปว่าถึงขั้นไหนครับ”
ยองโฮถอนหายใจ เกาท้ายทอยตัวเองอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“…ก็อย่างที่เจย์คิดแหละ แต่ไม่กับทุกคนนะ ถ้าเขาไม่พูดพี่ก็ไม่ทำ”
แจฮยอนอ้าปากค้าง “…ป้องกันใช่ไหมครับ”
“ไม่งั้นป่านนี้เจย์เห็นพี่อุ้มลูกไปแล้วล่ะ”
เห็นหน้าเจื่อน ๆ ของรุ่นพี่แล้วแจฮยอนไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี เขาถอนหายใจ ก่อนจะมองรุ่นพี่ขำ ๆ
“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกมั้งครับ เจย์ไม่อะไรหรอก แต่ที่ชวนไปบ้านนี่ชวนไปฟังเพลงจริง ๆ ที่บ้านมีเปียโนด้วยนะ อยากฟังพี่เล่น”
“…อืม”
“หรือพี่คิดจะทำอย่างอื่นด้วย”
“เจย์” ยองโฮทำเสียงเข้ม “เดี๋ยวเถอะ”
แจฮยอนยักไหล่ “อะไรล่ะ ไหนว่าถ้าแฟนขอก็ให้ นี่ถ้าผมบอกพี่ให้จูบผมพี่ก็จะทำเหรอ”
เกิดความเงียบระลอกใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว ยองโฮมองหน้าเขาแล้วเสยผมอย่างคนทำตัวไม่ถูก
“ก็ถ้าเจย์พูดแบบนั้น…”
แจฮยอนเงียบ เม้มปากอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะดึงรุ่นพี่ข้างกายให้เร่งฝีเท้าตามตัวเองมา ยองโฮทำหน้าเหลอหลา และยิ่งงงหนักขึ้นไปอีกเมื่อแจฮยอนพาเขามาถึงห้องน้ำสาธารณะ
“เจย์จะเข้าห้องน้ำเหรอ”
แจฮยอนไม่ตอบ แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ
“พี่จอห์นนี่”
“ครับ”
“ถ้าเจย์บอกว่าอยากให้พี่จูบ มันคือความต้องการของเจย์ฝ่ายเดียว เจย์ไม่โอเคถ้าพี่ไม่อยากจูบเจย์แต่ต้องมาจูบเพียงเพราะเจย์บอกแบบนั้น”
คนฟังอึ้งไป
เขามองสายตาจริงจังของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“แล้วก็ ไม่ต้องรอให้เจย์บอกว่าอยากจูบหรืออะไร ถ้าพี่อยากจูบเจย์ พี่จะทำก็ได้ เราเป็นแฟนกัน จูบกันได้ใช่ไหม”
สีหน้าจริงจัง ประกายในแววตาที่เจือความสงสัยอยู่บ้าง และริมฝีปากที่รัวคำพูดออกมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
ยองโฮจดจ้องใบหน้านั้นนิ่ง ประมวลความคิดกับคำพูดของรุ่นน้องที่แสนจะอ่านยากตรงหน้า แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ
“เจย์”
“ครับ”
“ที่พูดมานั่นแน่ใจใช่ไหม”
แจฮยอนยังไม่ทันถามว่าอะไร ยองโฮก็เอื้อมมือไปล็อกประตูห้องน้ำสาธารณะ
“พี่…”
“แป๊บเดียว”
สิ้นคำพูดนั้น ยองโฮก็โน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปาก
แจฮยอนเบิกตากว้าง แต่นอกจากความตกใจก็ไม่ได้มีความคิดจะผลักไสออกเลย ยองโฮใช้มือสองข้างจับใบหน้าเขาไว้ ริมฝีปากของเขาโดนแทะเล็มไปมาเหมือนเป็นขนมอะไรสักอย่าง และยองโฮก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น อีกฝ่ายวนเวียนอยู่กับริมฝีปากเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
“…”
“…”
แจฮยอนช้อนตามองคนที่ยังคงจดจ้องใบหน้าของเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป รู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจนอยากเอาหน้าไปจุ่มน้ำ
ยองโฮยังไม่ปล่อยมือจากหน้าของเขาเลย
“…จูบได้ใช่ไหม”
แจฮยอนกะพริบตาปริบ ๆ พอประมวลผลคำถามนั้นเสร็จก็หลุดขำ
“พี่จูบไปแล้ว”
“อ่า…” ยองโฮถอนมือจากใบหน้าเขาไปกุมหน้าตัวเองแทน
ภาพนั้นทำเอาแจฮยอนอยากหัวเราะ
“เจย์ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่ตอนนี้ต้องกลับบ้านแล้วนะพี่จอห์นนี่” เขาดึงมืออีกฝ่ายออกจากใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือ “ถ้าช้ากว่านี้รถไฟจะหมดนะ”
ยองโฮพยักหน้ารับ เอื้อมมือไปปลดล็อก พอทำท่าจะเดินออกไป แจฮยอนก็รั้งมือไว้ก่อน
“ครับ?”
“ขอโทษนะครับ” แจฮยอนเอ่ยยิ้ม ๆ “ที่ไม่ได้จูบตอบเลย”
“…”
ยองโฮไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี
–
ยองโฮเปิดประตูเข้ามาในบ้านของตัวเองตอนสามทุ่มครึ่ง บ้านของเขาเป็นคอนโดที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก คุณพ่อซื้อไว้ให้ตอนเขากลับมาอยู่เกาหลี ทุกวันนี้คนที่อยู่ก็มีแค่เขากับญาติที่นาน ๆ จะแวะมานอนที ส่วนพ่อแม่กลับชิคาโก้ไปรอเขาแล้ว
พอวางข้าวของทุกอย่างและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง เขายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง พอสัมผัสโดนริมฝีปาก ก็หวนนึกถึงรุ่นน้องคนนั้นขึ้นมา
จอง แจฮยอน
“แล้วก็ ไม่ต้องรอให้เจย์บอกว่าอยากจูบหรืออะไร ถ้าพี่อยากจูบเจย์ พี่จะทำก็ได้ เราเป็นแฟนกัน จูบกันได้ใช่ไหม”
ประโยคนั้นยังดังอยู่ในหัว ท่าทางการพูดของอีกฝ่ายก็ยังตรึงอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าที่ทุกคนชื่นชม สายตาเด็ดเดี่ยว ประกายตาที่ตรงไปตรงมา และริมฝีปากสีแดงสดที่นุ่มนิ่มนั่น
ยองโฮหยิบหมอนใบหนึ่งมา เอามันปิดหน้า
ให้ตายเถอะ
ดูเหมือน จองแจฮยอนจะอันตรายกว่าที่เขาคิดไว้
วันที่สองของการเป็นแฟนกับ จอง แจฮยอน จบลงไปแบบนี้
TBC
20180524
พิมพ์บนรถทัวร์ตอนกลับบ้านจ้า กำลังมีไฟก็รีบ ๆ ปั่นนะคะ แต่ตอนนี้แบตคอมจะหมดแล้ว 555
ตอนนี้ดูเรื่องดำเนินไปไว แต่ไม่รู้ใครไวกว่ากัน ระหว่างคนจูบ กับคนลากเข้าห้องน้ำ /แค่ก ๆ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ เห็นหมดเลย อ่านหมดด้วย มีกำลังใจมาก (ไม่งั้นจะไม่พิมพ์ต่อแล้วลงรัว ๆ แบบนี้ 555) รออ่านความคิดเห็นของทุกคนนะคะ
(สองวันยังขนาดนี้ กว่าจะครบเจ็ดวันจะขนาดไหน lol)
#wrficnct