บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด
บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น
THE SECRET LIFE OF MARK TUAN
GOT7 Fan Fictions
Jackson x Mark
7
When the Idol Turns to Be A Fan of His Fan
แจ็คสัน หวัง แทบจะกระโดดตัวลอยตอนที่ได้รับข้อความจากคนที่อยากคุยด้วยมานาน ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ทัก Direct Message ในทวิตเตอร์ไปหา ในที่สุด มาร์ค ต้วน ก็ตอบกลับเขามา
คุณรู้จักผมเหรอ? คุณเป็นใครครับ?
17s
แน่นอนสิครับ ผมน่ะรู้จักคุณดีเลย
คุณที่บล็อกคาทกผมน่ะ
5s
อีกฝ่ายเงียบไปนาน นานจนแจ็คสันต้องลุกจากเตียงเดินวนรอบห้องพัก และมันคงน่าเวียนหัวจนผู้จัดการส่วนตัวของเขาต้องเอ่ยปาก “จะเดินอีกกี่รอบ ซ้อมสวนสนามหรือไง?” แจ็คสันเลยกลับมานั่งอยู่ที่เตียงอีกรอบ
สัมผัสนุ่ม ๆ ของเตียงกว้าง ๆ ในห้องพักหรู ณ โรงแรมใจกลางกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ทำให้แจ็คสันสบายใจขึ้นมาเลย ในเมื่อจะห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับมา
หรือมาร์คบล็อกทวิตเขาไปอีกคน?
ด้วยความวิตก แจ็คสันรีบกดเข้าไปดูหน้าแอคเคาท์ของมาร์ค แต่ก็ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใด มาร์คไม่ได้บล็อกทวิตเขา และยังไม่ได้ทวิตอะไรตั้งแต่ห้านาทีที่แล้ว
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แจ็คสันละสายตาจากมือถือไปมองผู้จัดการที่วุ่นวายกับแล็ปท็อปของตัวเองอยู่ และอิมแจบอมก็หันมามองเขาด้วย
“นายเปิดสิ” เขาชิงพูดก่อน เลยได้เห็นท่าทางหงุดหงิดจากคนเป็นผู้จัดการ ที่คงเซ็งเพราะโดนเขาขัดจังหวะทำงานนั่นแหละ
เหอะ หมั่นไส้
ความหมั่นไส้ของแจ็คสันที่มีต่ออิมแจบอมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวตั้งแต่วันที่เขาได้รู้ว่า อิมแจบอมมีแฟนชื่อปาร์คจินยอง ซึ่งเป็นเลขานุการของมาร์ค ต้วน
ย้อนนึกไปถึงวันนั้นแล้วอยากหัวเราะดัง ๆ
ประตูห้องพักเปิดออกอย่างแรงทั้งที่อิมแจบอมยังไม่ทันสัมผัสลูกบิดประตูสักนิด และเมื่อมันเปิดออกจนหมดก็เผยร่างของไอดอลหนุ่มที่มีสีหน้าแตกตื่นอย่างปิดไม่มิด
“อิมแจบอม!”
“…อะไร?”
แจบอมถึงกับผงะถอยไปเล็กน้อยเมื่อเจอท่าทางเหมือนจะสอบปากคำของคนอายุน้อยกว่า แจ็คสัน หวัง ลากเขาไปนั่งตรงโซฟากลางห้องในห้องพักส่วนตัวของตน (ที่ผู้จัดการอย่างเขาต้องมาอยู่ด้วย) ก่อนจะเริ่มคำถามที่ทำเอาตาขีด ๆ ของอิมแจบอมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“นายเป็นแฟนกับจูเนียร์เหรอ?”
“…นายรู้จักจูเนียร์?”
คำถามที่ย้อนถามอย่างสงสัย แต่เพิ่มความมั่นใจให้แจ็คสันมากกว่าเดิม
ชัดเลย ชัดเลยว่าใช่
“เปล่า ฉันไม่ได้รู้จักเขา” แจ็คสันหรี่ตา ทำหน้าจริงจัง “แต่ฉันเดาว่าเขาเกี่ยวข้องกับมาร์ค ทีนี้นายจะตอบฉันมาตรง ๆ หรือต้องให้ฉันจัดการสืบเอง”
แจบอมถอนหายใจพรืด ยอมจำนนต่อทุกคำพูดนั้น เขาคาดเดาไว้แล้วว่าเวลานี้ต้องมาถึงสักวัน แต่ไม่นึกว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ก็นะ… แจ็คสันก็ไม่ใช่คนโง่
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้แจ็คสันฟัง ชายหนุ่มก็มีท่าทีสงบลงมาก และที่สำคัญ… ยิ้มกว้างฉีกถึงหูตลอดเวลา
“นายจะหยุดยิ้มแบบนั้นได้หรือยัง ดีใจอะไรนักหนา”
แจบอมอดแขวะไม่ได้ แทนที่แจ็คสันจะอารมณ์เสียที่เขามีความลับที่ใกล้ตัวอีกฝ่ายขนาดนี้ แต่กลับมาฉีกยิ้มเริงร่าเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอย่างนั้น
หรือจะรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
“ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ” แจ็คสันยิ้มจนตาหยี ตบไหล่ผู้จัดการคนเก่งเบา ๆ “ฉันนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีนายเป็นผู้จัดการ คุณอิมแจบอม”
“…อะไรวะ”
“แล้วพรุ่งนี้มาร์คจะไปไหนล่ะ นายรู้หรือเปล่า?”
แจบอมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ถามทำไม”
“…ก็อยากรู้เฉย ๆ”
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า”
“เหอะน่า อิมแจบอม ฉันกราบล่ะ” แจ็คสันพนมมือแทบจะไหว้คนตรงหน้า “ให้ทำอะไรก็ยอมอะ บอกทีเหอะว่าฉันจะเจอมาร์คอีกได้ยังไง”
“…นายเป็นอะไร”
คำถามที่จู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาทำเอาแจ็คสันชะงัก
“อะไร?”
“นายเป็นอะไร?”
“…หมายถึงอะไร?”
อิมแจบอมถอนหายใจแรง
“ที่คอยถามตลอดว่ามาร์คอยู่ไหน ทำอะไร อยากรู้ว่าเขาจะไปไหนน่ะ นายเป็นอะไร? รู้สึกยังไงกันแน่?”
“ฮะ…”
มีเพียงเสียงแปลก ๆ หลุดออกมาจากลำคอ ก่อนความเงียบจะเข้ามาแทนที่ แจบอมหัวเราะขึ้นจมูกก่อนพูดต่อ
“ถ้ายังไม่รู้ว่าอยากรู้ไปทำไม งั้นก็ไม่ต้องรู้ต่อไปนั่นแหละ”
ว่าแล้วก็ลุกเตรียมจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป และนั่นทำให้แจ็คสันต้องรีบคว้าแขนอีกคนไว้
“โอเค ได้ ๆ ฉันจะบอกแล้ว อย่าเพิ่งเดินหนีสิวะ”
แจบอมหรี่ตา เลิกคิ้วเป็นเชิงว่า “พูดสิ” และแจ็คสันสาบานว่าตาตี่ ๆ ที่มีไฝสองจุดตรงเปลือกตานั่นกวนประสาทจนอยากชกหน้าเลยทีเดียว
“ฉัน…” แจ็คสันสูดหายใจลึก ก้มมองพื้น ก่อนถอนหายใจอย่างจำยอม “…คิดว่าฉันชอบเขาว่ะ”
“ชอบ?”
“แบบว่า …สนใจ?”
“คงงั้น” ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขยี้ผมตัวเองอย่างคิดไม่ตก “ก็… นายจะนิยามความรู้สึกแบบนี้ยังไง นอกจากคำว่าชอบอะ มีภาษาเกาหลีคำอื่นด้วยเหรอ ฉันนึกไม่ออกแล้วจริง ๆ หรือต้องให้พูดเป็นภาษาอังกฤษ”
“เออ ๆ เข้าใจแล้ว” แจบอมตีมือที่จับแขนเขาไว้เบา ๆ “ชอบก็ชอบ เข้าใจ แต่นายต้องรู้สถานะตัวเองด้วยนะว่าตอนนี้นายเป็นใคร และการที่นายรู้สึกแบบนี้มันจะส่งผลยังไงกับใครบ้าง”
คำพูดนั้นทำเอาแจ็คสันนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ
“…แล้วฉันควรทำไงวะ?”
แจบอมยิ้มบาง “ให้เลิกชอบคงทำไม่ได้ แต่ถ้านายจะเข้าไปหาเขาเลยก็ไม่ได้เหมือนกัน เรื่องอย่างนี้ไว้ให้เป็นเรื่องของโชคชะตาดีกว่า”
ประโยคที่ไม่ต่างกับการบอกปัดแบบขอไปที ทำเอาแจ็คสันอดฟาดผู้จัดการสักทีไม่ได้
แล้วแจ็คสันก็พบว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก หรือไม่อย่างนั้นพระเจ้าคงรักเขาเอามาก ๆ เพราะวันถัดมาที่เขามีนัดที่ร้านทำผม เขาก็พบร่างคุ้นเคยของคนที่อยากเจอที่สุดนั่งอยู่ตรงโซฟาสำหรับรอคิว
มาร์ค ต้วน ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่อำพรางร่างบาง ๆ นั่งไขว่ห้างขณะที่มือข้างหนึ่งถือไอแพด และอีกข้างขยับแว่นกรอบสีดำบนสันจมูกให้เข้าที่ แล้วละมาเลื่อนหน้าจอเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในมือ แจ็คสันเห็นหัวเข่าขาว ๆ ที่เผยชัดเจนเพราะเจ้าของมันสวมกางเกงยีนส์สกินนี่ที่จงใจให้ขาดตรงช่วงเข่า ไนกี้สีดำขยับเล็กน้อยตอนที่เจ้าของร่างนั้นขยับท่านั่งให้ถนัดยิ่งขึ้น
ขณะที่พิจารณาแฟนคลับตัวเองอยู่หน้าเคาท์เตอร์ — ไม่ยอมเข้าไปติดต่อว่าจะทำผมตามที่นัดไว้สักที อีกใจก็คิดอยู่ว่าถ้ามาร์คเห็นเขาจะทำยังไง เขาจะเซอร์ไพรส์หรือทำเป็นบังเอิญเจอดี แม้ความจริงแล้วจะบังเอิญจริง ๆ ก็เถอะ — พนักงานร้านก็เข้ามาถามเขาอย่างไม่แน่ใจ
“…เอ่อ คุณหวังใช่ไหมคะ? ที่นัดไว้…”
“อ่า ครับ” แจ็คสันหันไปรับคำก่อนจะพยักหน้าแกน ๆ แอบเหลือบสายตาไปมองคนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับไอแพดแล้วก็สงสัย หน้าจอนั่นมันน่าสนใจกว่าเขานักหรือไงฮะ? นี่แจ็คสัน หวัง นะ
แต่เหมือนพระเจ้าจะเข้าใจความรู้สึกของเขา เลยส่งพนักงานคนเดียวกันไปทักคนที่นั่งจิ้มไอแพดอยู่
“คุณต้วนคะ ถึงคิวแล้วค่ะ” หล่อนพูดเป็นภาษาอังกฤษ
มาร์คเงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาสีเข้มใสแป๋ว ก่อนจะพยักหน้ารับ รีบร้อนเก็บแท็บเล็ตของตนใส่กระเป๋าเป้สีขาวใบใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจะเดินตามพนักงานในร้าน
ทันใดนั้นนัยน์ตาใส ๆ นั่นก็หันมาสบกับเขาพอดี
“…”
“…”
เงียบงันกันไปชั่วขณะ
มาร์คเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เหมือนพยายามสงวนท่าทีไม่ให้กระโตกกระตากมากจนเกินไป ขณะที่เขาหลุดยิ้มโง่ ๆ ให้อย่างไม่รู้จะทำอะไร มาร์คเลยเปลี่ยนมาเป็นกะพริบตาปริบ ๆ แล้วหันไปมองพนักงานที่ยืนยิ้มแป้นอยู่
“เดี๋ยวคุณต้วนกับคุณหวังเข้าไปพร้อมกันเลยค่ะ เตียงสระผมด้านในนะคะ”
ว่าจบคุณพนักงานก็เชิญเขากับมาร์คเข้าไปนอนอยู่บนเตียงสระผม ซึ่งบังเอิญตั้งอยู่ข้างกัน แจ็คสันมองมาร์คที่ทำท่าเหมือนทำอะไรไม่ถูกค่อย ๆ ปีนขึ้นเตียงสระอย่างขำ ๆ
ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอกันในสถานที่แบบนี้
“มาทำอะไรเหรอครับ มาร์ค”
แจ็คสันตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน ด้วยประโยคภาษาจีนสั้น ๆ ที่อีกฝ่ายย่อมต้องเข้าใจ ขณะที่ศีรษะสัมผัสความเย็นของน้ำและปลายนิ้วที่บรรจงนวดลงมาอย่างชวนให้หลับ
ขณะที่คนโดนถามเหมือนเพิ่งมีสติกลับมา เอ่ยตอบไปอย่างติด ๆ ขัด ๆ “…เอ่อ… มาตัดผมครับ”
“ตัดผม?”
แจ็คสันนึกถึงหน้าม้าของมาร์คที่เริ่มยาวลงมาใกล้ถึงตาแล้ว “หน้าม้าเหรอครับ?”
“…ก็ด้วยครับ”
เสียงอีกฝ่ายดังแผ่วมาจากเตียงข้าง ๆ ก่อนจะเงียบไปให้คนฟังคิดต่อเอาเอง
นอกจากเสียงน้ำและเสียงดนตรีเบา ๆ ที่ดังคลออยู่ในร้าน แจ็คสันก็ไม่ได้ยินอะไรอีก เขาเผลอหลับไปและรู้สึกตัวอีกทีตอนที่พนักงานสะกิดให้ลุกไปนั่งหน้ากระจก ชายหนุ่มเดินอึน ๆ เหมือนคนยังไม่ตื่นไปทรุดตัวลงนั่ง พอมองกระจกก็สะดุ้ง เมื่อพบว่าเก้าอี้ถัดจากเขาคือมาร์คที่หันมามองเขาขำ ๆ
“ทำงานเหนื่อยนะครับ”
แจ็คสันหลุดยิ้ม “คุณก็ตามผมเหนื่อยเหมือนกันนะครับ”
มาร์คชะงัก ก่อนจะหลบสายตาเขาไปมองกระจก พอดีกับที่ช่างทำผมเดินเข้ามาพอดี
“ทำสีนะครับ คุณแจ็คสัน”
“ครับ”
เขาตอบรับไป หยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดู แต่ก็ไม่วายแอบส่องคนข้าง ๆ ผ่านทางกระจกอยู่ตลอดเวลา
มาร์คไม่ได้มองมาทางเขา หรือจะให้พูดแบบที่ย่อมรู้กันดีคือพยายามหลีกเลี่ยงจะสบตากับเขาโดยตรง แต่แจ็คสันก็แอบเห็นว่าอีกคนมองเขาผ่านทางกระจกเช่นกัน เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
น่ารักจังเลย
นี่ให้มองหน้ามาร์คทั้งวันก็ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับเขา
ผิวขาว ๆ ของมาร์คสะท้อนกับแสงไฟของร้าน ผมสีน้ำตาลถูกเล็มตัดเป็นทรงเข้ากับรูปหน้าเรียว ขณะที่แจ็คสันแทบลืมไปเลยว่าผมตัวเองกำลังกัดสีอยู่ เขาก็โพล่งขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ทำสีผมแบบผมไหม? มาร์ค”
“…ฮะ?”
มาร์ค ต้วน หันมามองอย่างงง ๆ ก่อนจะทำหน้าตกใจเหมือนสมองเพิ่งประมวลผลได้ “คุณหมายความว่ายังไง?”
ประโยคสนทนาภาษาจีนระหว่างพวกเขาสองคนไม่เรียกความสนใจจากช่างทำผมที่กำลังเริ่มละเลงสีผมให้แจ็คสันนัก ขณะที่ช่างอีกคนก็ยังคงบรรจงเล็มผมสั้น ๆ ของมาร์คต่อไป
“หมายความว่า ผมจะทำสีผมใหม่ คุณลองทำบ้างไหม?”
มาร์คกะพริบตาปริบ ๆ เห็นแพขนตาไหวไปมา “…ทำได้เหรอ?”
“อ้าว ใครห้ามคุณล่ะ”
“ไม่ ๆ ไม่ได้หมายความแบบนั้น” มาร์ครีบร้อนปฏิเสธ ทั้งที่ต้องพยายามเกร็งศีรษะไม่ให้ขยับเขยื้อนเพราะกลัวช่างตัดผิด “คือผมหมายความว่า ไม่แปลกเหรอ ที่เห็นคนอื่นทำสีผมตามคุณ? ถึงจะเป็นแฟนคลับก็เถอะ”
“ไม่นี่ ดีเสียอีก”
“ดียังไง?”
“อย่างนี้แสดงว่าผมมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองไง”
มาร์คมองหน้าเขาผ่านกระจกก่อนจะถอนหายใจ
“บางทีผมก็รู้สึกว่าคุณนี่ช่างมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน”
“แล้วชอบไหมครับ?”
“…”
มาร์คไม่ตอบ แต่ส่งสัญญาณให้ช่างตัดผมละมือจากกรรไกร แล้วยื่นแถบสีผมให้ดู พร้อมกับชี้ ๆ สีผมที่ตัวเองจะทำ
“คุณมีอิทธิพลกับผมมากแค่ไหนก็ไม่รู้สิ…” มาร์คพึมพำหลังจากที่ช่างพยักหน้ารับรู้และเดินออกไปเตรียมสีผม “แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมยอมนั่งเครื่องเป็นชั่วโมงเพื่อมาดูคุณแสดงไม่กี่นาทีแล้วกัน”
แจ็คสันรู้สึกเลยว่าตัวเองยิ้มกว้างแก้มแทบฉีก
ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่ออีกคนเสมองไปทางอื่นแล้วพึมพำเสียงเบา
“…ชอบไม่ชอบดูแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วล่ะครับ”
ผลสุดท้ายของวันนั้นคือแจ็คสัน หวัง ได้ผมสีบลอนด์ทองสว่างสดใสกลับไปบริษัท ขณะที่ของมาร์คกลายเป็นเฉดสีเทาเงินซึ่งดันเข้ากับดวงหน้าหวานอย่างประหลาด แจ็คสันต้องพยายามห้ามใจตัวเองอย่างมากไม่ให้มันเต้นรัวกระหน่ำบ้าคลั่งกับท่าทางน่ารัก ๆ ของมาร์คที่กำลังหน้ามุ่ยเพราะสีผมตัวเองผิดจากที่คาดไว้
“ผมนึกว่าคุณจะทำออกเทากว่านี้ ดันทองสว่างเชียว”
“แบบนี้ก็ดีนะ” แจ็คสันว่า “เป็นสีทองกับสีเงินไง คู่กัน ๆ”
มาร์คขมวดคิ้ว “แล้วแต่คุณเลย”
“เฮ่ คุณเป็นแฟนคลับผมไม่ใช่หรือไง สนใจกันมากกว่านี้หน่อยสิ”
ได้ปฏิกิริยาคว่ำปากกลับมาทันที
“บางทีผมก็สงสัยว่าตอนนี้ผมกับคุณเป็นแฟนคลับกับไอดอลหรือสถานะคนที่มีพ่อเป็นเพื่อนกันกันแน่ วางตัวลำบากนะ คุณแจ็คสัน”
แจ็คสันเพียงแค่ยักไหล่กับคำพูดนั้น และไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป
พวกเขาจ่ายเงินค่าทำผมและเตรียมจะออกจากร้าน แจ็คสันสังเกตเห็นว่ามาร์คกลับมามีทีท่าห่างเหินอีกแล้ว ทำให้เขานึกถึงวันที่โดนบล็อกคาทกขึ้นมาทันที
“มาร์ค”
คนโดนเรียกชื่อหันมามองพร้อมสายตามีคำถาม
“เมื่อไหร่จะอันบล็อกคาทกผมเหรอ?”
มาร์คชะงักไป ก่อนจะเสมองไปทางอื่น พลางเกาแก้มเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก
“…เอ่อ” เสียงเบาหวิวดังออกจากริมฝีปากอิ่ม “…ผมว่า ให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้วนะ”
แจ็คสันขมวดคิ้ว
“หมายความว่ายังไง?”
มาร์คไม่ตอบอะไร เพียงแค่ส่ายศีรษะเล็กน้อยเหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ และมันทำให้แจ็คสันรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทันที
“มาร์ค ทำไมคุณต้องพยายามตีตัวห่างจากผมตลอดเลย”
คราวนี้มาร์คหันมาหาเขาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“คุณไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอ?”
แจ็คสันขมวดคิ้วมากกว่าเดิม เขาเห็นมาร์คถอนหายใจใส่
“คุณลองกลับไปถามผู้จัดการอิมดูก็ได้นะ”
“คุณคิดว่าผมไม่เคยถามเขาเหรอ เจบีบอกผมแล้ว เรื่องคุณกับเลขาฯ ของคุณด้วย”
มาร์คเบิกตากว้าง “อะไรนะ? คุณรู้แล้วเหรอ?”
พอเห็นแจ็คสันพยักหน้า ดวงหน้าขาวก็ดูจะเผือดสีลงไปเล็กน้อย และนั่นทำให้แจ็คสันพลอยวิตกไปด้วย
“…ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น?”
“เอ่อ เปล่าครับ” มาร์คส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
“คุณก็เอาแต่พูดว่าไม่มีอะไร ๆ ทำไมคุณไม่บอกผมมาตรง ๆ ว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ จะเก็บไว้ทำไม”
จู่ ๆ แจ็คสันก็โพล่งขึ้นมา ทำเอามาร์คเหวอไป ความเงียบก่อตัวขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนมาร์คจะขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ
“ทำไมผมต้องบอกคุณ?”
เป็นแจ็คสันเองที่ตอบไม่ได้
มาร์คเองก็เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้อีกคนได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ก่อนไปก็ยังอุตส่าห์บอกเขาว่า ‘เจอกันที่ไทยนะครับ’ ก่อนจะจากไป
เป็นการจากกันที่แย่ที่สุดเลย
พอนึกย้อนมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าเรื่องที่เขาสอบปากคำอิมแจบอมจนสารภาพออกมาหมดไม่ตลกเสียแล้ว หลังจากนั้นแจ็คสันก็เห็นมาร์คอีกแค่สองสามครั้งในช่วงโปรโมทเพลง เพราะงานแฟนไซน์ครั้งนี้มาร์คไม่ได้มา แจ็คสันกระวนกระวายเป็นบ้าอยู่คนเดียวจนผู้จัดการอิมคนเก่งมาบอกเขา
“คุณต้วนติดเซ็นสัญญาที่ชิคาโก้ นายจะให้เขาทิ้งเงินเป็นสิบล้านร้อยล้านเพื่อมาหานายเหรอ เห็นแก่ตัวมากไปไหม แจ็คสัน”
พูดขนาดนี้ก็เอาไม้มาตีแสกหน้าเขาน่าจะดีกว่าไหม อิมแจบอม
แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายอยู่กับการเตรียมแฟนมีตติ้งที่ไทย พอดีกับมีโปรเจคต์ใหม่เป็นรายการสั้น ๆ ที่จะปล่อยหลังจากแฟนมีตฯ ประมาณสองอาทิตย์ ชื่อรายการว่า ‘หวังทีวี’
“เป็นรายการที่คล้าย ๆ เบื้องหลังงานต่าง ๆ ของนาย หรือไม่ก็เวลาเดินทางไปไหนงี้ ไว้ให้แฟนคลับได้ตามจะได้หายคิดถึง” ชเวยองแจ พีดีของรายการบรีฟเขามาสั้น ๆ “เดี๋ยวรายละเอียดจะบอกอีกที ส่วนเทปแรกจะถ่ายที่ไทย ก่อนแฟนมีตฯ จะเริ่ม”
“หมายความว่าผมต้องไปไทยก่อนกำหนดการจริง?” แจ็คสันถาม และพอได้รับคำยืนยันว่าเป็นตามนั้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้
สุดท้ายเขาก็มานอนเล่นอยู่ในโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานครก่อนวันแฟนมีตติ้ง กดเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ เพราะยังนอนไม่หลับ แม้หน้าต่างกระจกใสบานใหญ่จะเผยให้เห็นภาพมุมสูงของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงสียามค่ำคืน แต่แจ็คสันก็ให้ความสนใจโทรศัพท์ในมือมากกว่า กระทั่งมีเสียงเคาะประตูที่เขาไล่อิมแจบอมให้ไปเปิดนั่นแหละ
“พี่แจบอม พี่แจ็คสัน”
เสียงเรียกชื่อที่ทำให้เขาต้องลุกจากเตียงมาดูชัด ๆ ว่าใคร พอเห็นก็เลิกคิ้ว
“ว่าไง? ยูคยอม”
คิมยูคยอม เป็นช่างภาพที่ติดตามพวกเขามาด้วย รายการนี้ใช้ช่างภาพแค่คนเดียวซึ่งนับว่ามหัศจรรย์มาก และมหัศจรรย์ยิ่งกว่าตรงที่ยูคยอมยังเป็นแค่เด็กเพิ่งจบไฮสกูล แต่เพราะฝีมือการถ่ายภาพดีจริง ๆ และชเวยองแจแนะนำให้มาทำงาน พวกเขาเลยวางใจ
“พี่ยองแจบอกว่า พรุ่งนี้จะถ่ายช่วงเย็น ๆ นะครับ เพราะงั้นก่อนหน้าเวลาถ่ายก็ฟรีครับ พี่จะไปไหนกันก็ได้ ส่วนพี่ยองแจบอกว่าจะไปคุยงานที่อื่นครับ เจอกันสี่โมงเย็น”
แจ็คสันพยักหน้ารับรู้ “แล้ว… นายต้องมาบอกฉันด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
ยูคยอมหัวเราะ “พี่รู้ทันอีกแล้ว คือผมแค่จะขอไปด้วยถ้าพี่จะไปไหน เพราะผมไม่มีเพื่อนเลยอะ ถ้าไปจะได้ถ่ายรูปให้ด้วย พวกแฟนไซต์พี่คงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าพี่มาแล้ว”
แจ็คสันพูดขำ ๆ “ไม่รู้หรอก เออ ๆ ไปด้วยก็ดี ไปหลาย ๆ คนสนุกดี ส่วนจะไปไหนเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ยูคยอมออกจากห้องไปแล้ว ขณะที่อิมแจบอมที่เมื่อครู่หายไปไหนไม่รู้เดินกลับเข้ามาอีกรอบ
“จูเนียร์บอกว่า มีเพื่อนคนไทยอยู่ที่นี่ อยากให้แนะนำที่เที่ยวที่ไหนก็ถามได้”
แจ็คสันทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘รับทราบ’ พอดีกับที่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เลยบอกแค่ว่า “นายจัดการเลย” แล้วละความสนใจจากผู้จัดการกลับไปหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือ
ยังไม่มีเบอร์มาร์คเหรอ? เบอร์นี้เลย แต่เป็นเบอร์ที่แอลเอนะ
แจ็คสันยิ้มกว้าง เข้าทางพ่อมันดีแบบนี้เอง ก่อนจะกดเซฟเบอร์อีกคนไว้ในเครื่อง แล้วแจ้งเตือนจากทวิตเตอร์ก็ดังต่อมา เป็นข้อความจากคนที่เงียบไปนาน
คุณนี่มัน…
8s
ข้อความสั้น ๆ แต่ทำเอายิ้มแก้มแทบแตก แจ็คสันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มก่อนจะส่งข้อความสุดท้ายของวันไปให้
แล้วเจอกันนะครับ
มาร์ค
5s