#wirunfic – 0703 (Jackson/Mark)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jackson Wang/Mark Tuan
Warning: สั้นมากจริง ๆ ค่อย ๆ อ่านนะคะ 555

 

 

0703

Wirunyupha


 

 

 

 

ท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่น เหมือนสีของน้ำล้างพู่กันตอนเรียนวิชาศิลปะสมัยประถม มาร์คเงยหน้ามองความอึมครึมนั้นจากใต้กันสาดที่ยื่นออกมากันฝนได้อย่างพอดิบพอดีของตรอกเล็ก ๆ หลังหอพักของพวกเขา เสียงสายฝนตกกระทบกันสาดเหนือศีรษะและพื้นถนนจนน้ำเจิ่งนองขึ้นมา ละอองฝนบางส่วนกระเซ็นมาโดนใบหน้าจนเขาเผลอหยีตา มันเย็นจัด และคนข้าง ๆ ก็เห็นปฏิกิริยาของเขา

“ฝนสาดเหรอ” แจ็คสันชะโงกหน้ามาถาม กลืนไอติมในมือลงคอไป “ขยับเข้ามาไหม”

“ไม่เป็นไร นิดหน่อย” เขาว่า “แค่มันเย็นน่ะ”

พูดจบแล้วเขาก็พิงตัวเองกับกำแพงด้านหลัง

แจ็คสันยืนอยู่ข้าง ๆ ไอติมในมือพร่องไปกว่าครึ่ง เหลือโคนไม่ถึงหนึ่งในสี่ มาร์คไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสภาพอากาศอย่างนี้มันชวนให้กินไอติมยังไง แต่เขาก็ว่าอะไรไม่ได้

เพราะเขาก็เพิ่งกินหมดไปเหมือนกัน

มันเหมือนธรรมเนียมอะไรสักอย่าง พอวันนี้มาถึง เขากับแจ็คสันจะซื้อไอติมมากินกันตอนที่ฝนตก สิ่งมหัศจรรย์คือฝนตกทุกปี ถ้าวันไหนไม่ตกพวกเขาคงนึกไม่ออกว่าควรทำยังไง

มันเป็นการสร้างเงื่อนไขแปลก ๆ ระหว่างเรา สร้างพันธะให้พวกเขาสองคนต้องเจอกันเพื่อมาทำกิจกรรมที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ

“เคยเบื่อคุกกี้แอนด์ครีมปะ” เขาถามขึ้นมา เมื่อเห็นแจ็คสันกัดปลายของโคนเข้าปากไปแล้ว

พอแจ็คสันกลืนมันลงคอ ก็หันมาส่ายหน้าให้เขา

“ก็ปกติไม่ได้กินไอติมบ่อย แต่ทุกครั้งที่กินก็จะเลือกแต่รสนี้ไง อร่อยจะตาย”

“ก็จริง”

เพราะเขาก็ชอบ

แจ็คสันขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ชิด เพราะอากาศรอบกายเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ความร้อนจากร่างกายของคนข้าง ๆ จึงชัดเจนจนมาร์คต้องหันไปมอง แจ็คสันมองตรงไปข้างหน้า จากมุมนี้เขาจึงเห็นด้านข้างของอีกฝ่ายชัดเจน เห็นขนตายาวเป็นแพ สันจมูกโด่งและปลายจมูกรั้น จนถึงริมฝีปากเชิด ๆ ที่มีคราบไอติมเลอะอยู่นิดหน่อย

อยากจูบ

รู้สึกแบบนั้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอก ทำแบบนั้นคงไม่เหมาะ ถึงจะอยู่ในมุมอับสายตาก็เถอะ

“มาร์ค”

แจ็คสันเรียกชื่อเขาขึ้นมา

“ว่า?”

“ปีหน้าก็ทำแบบนี้อีกนะ”

มาร์คกะพริบตาปริบ ๆ หลุดยิ้มออกมา

ในวันที่ฝนตกจนไอเย็นเยือกแผ่กระจายไปทั่ว คนข้างกายของมาร์คทำให้เขาอบอุ่นขึ้นมาได้ด้วยคำพูดสั้น ๆ แววตา รอยยิ้ม และจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปาก

ปีไหน ๆ ก็อยากจะให้เป็นแบบนี้

ตลอดไปได้ก็คงดี

 

 

 

Happy July the 3rd!

#0703 #MarksonDay #JarkDay

 

 

 

FIN

 

 

 


 

20180702

อัปรอเลย พรุ่งนี้ก็วันที่ 3 กรกฎาคมพอดี แต่ตอนอัปนี่ที่เกาหลีก็เข้าวันที่สามแล้วเนาะคะ ถึงพวกนางจะอยู่แคนาดากันก็เถอะ 555

Thank you for always being together.

#wirunfic

 

#wirunfic – Paris In the Rain (Jackson/Mark)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jackson/Mark

 

Paris In the Rain

Wirunyupha

 


 

 

ฝนตก

มาร์คได้ยินเสียงหยาดฝนตกกระทบพื้นถนนด้านนอก แม้ห้องพักของเขาจะอยู่บนชั้นสี่ แต่เพราะหน้าต่างที่แง้มไว้นิดหน่อยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทำให้เสียงฝนดังชัดเจนในห้องที่มีเพียงเสียงหายใจของเขา ชายหนุ่มลืมตาขึ้น อากาศเย็นลงเกินกว่าที่เขาจะทนนอนต่อไปได้โดยไม่ลุกไปจัดการกับหน้าต่างบานนั้น มาร์คใช้ผ้าห่มห่อตัวเองแล้วเดินลากรองเท้าแตะสำหรับใส่ในห้องมาถึงข้างหน้าต่าง แม้แต่พื้นพรมยังรู้สึกชื้นนิด ๆ น่ากลัวว่าละอองฝนจะสาดเข้ามาบ้าง

นัยน์ตาเรียวรีมองผ่านหน้าต่างกระจกไปยังด้านนอกอาคาร จากห้องของเขามองเห็นหอไอเฟลสูงตระหง่านท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยปราย ท้องฟ้าสีเข้มทำให้สิ่งก่อสร้างนั้นดูทึบทึม แต่ก็ดูสวยงามอย่างพิกล พิจารณามันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ใช่ว่ามาร์คไม่อยากออกไปถ่ายรูปสวย ๆ กับเจ้าหอไอเฟลนั้น แต่เพราะอากาศแบบนี้ และที่สำคัญ…

ชายหนุ่มปิดหน้าต่างไม่ให้ความชื้นมีโอกาสเล็ดลอดเข้ามาอีก เขาพาตัวเองที่ยังมีผ้าห่มผืนหนาห่อตัวมาถึงโซนครัวของห้องพัก ชงกาแฟให้ตัวเองสักแก้วเผื่อจะรู้สึกหายง่วงขึ้นหน่อย

ขณะกำลังรินน้ำร้อนใส่ในถ้วยกาแฟใบเล็ก เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนเตียงก็ดังขึ้น

มาร์คกลับเข้ามาในห้อง หยิบมันขึ้นมาดูด้วยใจที่แอบคาดหวังนิดหน่อย

 

The meeting is over. I’m going to pick you up.

Shall we go out after the rain?

 

ประโยคสั้น ๆ สองประโยคที่ทำเอาใบหน้าซึ่งบึ้งตึงมาตั้งแต่เช้าจุดรอยยิ้มขึ้น มาร์คพิมพ์ตอบกลับไป ก่อนจะเดินกลับไปจัดการกาแฟในครัว

 

Sure!

Come pick me up!

 

 

 

_

หลังจากวุ่นวายกับการหาเสื้อผ้าใส่ออกไปข้างนอกอยู่หลายนาที สุดท้ายมาร์คก็จบที่เสื้อโอเวอร์ไซซ์แบบที่ตัวเองใส่ประจำ กางเกงยีนส์รัดรูปที่มีรอยขาดตรงเข่าและหน้าขา หมวกแก็ปหนึ่งใบ และรองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่ใส่ไปแทบจะทุกที่บนโลกนี้แล้ว

ตอนที่เขากำลังเซ็ตผม ก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร

แจ็คสันในชุดสูทเป็นทางการชะโงกหน้าเข้ามามองหาเขาในห้อง พอเห็นเขาอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็ยิ้มกว้าง

“ไม่ต้องจัดผมแล้ว หล่อพอแล้วน่า”

“ขอนิดนึง”

“ใส่หมวกก็ไม่เป็นทรงแล้ว”

มาร์คเบ้หน้า แต่เถียงไม่ออก

แจ็คสันเดินไปแขวนเสื้อโค้ตที่ราว ก่อนจะมายืนซ้อนหลังเขา มาร์คมองเงาสะท้อนในกระจก เห็นแจ็คสันวางมือลงบนหลังคออย่างเคยชิน

“ประชุมเป็นไงบ้าง”

“ก็ดี” แจ็คสันยักไหล่ “ภาพรวมก็โอเค มีปัญหานิดหน่อย แต่มีมาริโอ้ไปด้วยก็ฉลุย”

เจ้าตัวพูดถึงเพื่อนที่ได้มาจากการไปทำงานที่มาเก๊าเมื่อปีก่อน มาร์คพยักหน้ารับ

“เปลี่ยนชุดไหม ออกไปหาอะไรกินกัน”

“ฝนยังไม่หยุดตกเลย”

“ก็เปลี่ยนชุดก่อน จะได้ไม่อึดอัด”

เขาอธิบาย แจ็คสันจึงยอมคลายเนกไทที่คอและถอดเสื้อสูทวางพาดไว้หลังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่

มาร์คลุกขึ้นมองหน้าคนตรงหน้าชัด ๆ แววตาแจ็คสันดูง่วงงุน ก็ไม่แปลก พวกเขาเพิ่งแลนดิ้งถึงปารีสได้ไม่กี่ชั่วโมง แจ็คสันก็ต้องรีบออกไปประชุมเลย นับชั่วโมงนอนยังไงก็ไม่พอ นอนบนเครื่องก็ไม่หายเหนื่อยหรอก

“นอนเถอะ พอตื่นขึ้นมาฝนน่าจะหยุดพอดี”

อีกฝ่ายพนักหน้ารับ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงเหมือนโดนสะกดจิต มาร์คตามไปคลุมผ้าห่มให้จนมิดคอ แจ็คสันนอนไม่พอ ถ้าเจออากาศเย็น ๆ ไปอีกอาจจะไม่สบายเอา

“มาร์คไม่มานอนด้วยกันเหรอ”

พอเขาผละมือออกทำท่าจะเดินห่างจากเตียง แจ็คสันก็ส่งเสียงลอดผ้าห่มออกมา

มาร์คมองตากลม ๆ ที่โผล่พ้นชายผ้าออกมาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

“นอนด้วยก็ได้”

แจ็คสันขยับไปอีกฝั่งของเตียงให้พื้นที่เขาลงนอนทันที มาร์คทิ้งตัวลงไปนอนบ้าง เตียงของโรงแรมนุ่มสมกับราคาแพงลิบต่อคืน ส่วนแจ็คสัน พอเขาทิ้งตัวลงนอนปุ๊บก็พาดแขนมาบนตัวเขาทันที

มาร์คยื่นมือไปคลึงเบา ๆ ที่ขมับของคนข้างกาย แจ็คสันหลับตาลง ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ คลอกับเสียงฝนที่สาดมากระทบหน้าต่าง

 

‘Cause anywhere with you feels right

Anywhere with you feels like

Paris in the rain

Paris in the rain

Walking down an empty street

Puddles underneath our feet

 

ดูท่าฝนจะไม่หยุดตกง่าย ๆ

แต่มาร์คไม่ได้รู้สึกเบื่อเหมือนก่อนหน้านี้แล้วล่ะ

 

 

FIN


 

20180615

ภาษาอังกฤษนั่นมาจากเนื้อเพลง Paris In the Rain ของ Lauv จ้า

800 คำ สั้นแบบหายใจสองทีจบ 555555 แล้วก็ไม่ได้ออกจากห้องกันเลยเด้อ สรุป /ตัดจบกันตรงนี้เพราะคนเขียนง่วงแล้วจ้า

#wirunfic เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคอมเมนต์ได้คับ บางทีแท็กในทวิตเตอร์ก็ไม่ขึ้นอะ แสนเศร้า

เจอกันเมื่อชาติต้องการ

#wirunfic – A Good Thing In Crime (Jinyoung/JB)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jinyoung/JB
Note: บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม NiorB Semi Monthly หัวข้อ 5th – Suspense,mystery and crime

 

A Good Thing In Crime

Wirunyupha


 

 

 

อิมแจบอมเกลียดเสียงโทรศัพท์ในเช้าวันเสาร์

แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ยิ่งเมื่อเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอ ความง่วงก็สลายหายไปทันที มือรีบคว้าจับเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่สั่นครืดคราดเหมือนปิศาจที่กำลังหิว แต่คงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าปลายสายอีกแล้ว

“สวัสดีครับ”

“คุณอิม ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลานะ”

อิมแจบอมมองนาฬิกาตรงหัวเตียง 7:02 …เวลาแบบนี้ในวันเสาร์…

“ครับ ไม่เป็นไรครับ หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

ในฐานะพนักงานใหม่ที่เพิ่งผ่านโปรได้ไม่นาน สถานะของเขาเป็นยิ่งกว่าแรงงานทาสในออฟฟิศ ถ้าหัวหน้าเรียกตัว ไม่ว่าตอนนั้นจะอยู่แห่งหนตำบลใดในโลกก็ต้องพุ่งไป ต่อให้ตายก็ต้องขึ้นจากหลุมไปหา เพื่อนชอบด่าว่าเขาทุ่มเทแรงให้กับงานมากเกินไป แต่ทำยังไงได้ แจบอมรอคอยงานนี้มาหลายปี พอได้ทำงานที่นี่ก็ยอมถวายชีวิตให้บริษัทอยู่แล้ว

“เอ่อ…” ปลายสายอ้ำอึ้ง “คุณอิมรู้จักคุณนาใช่ไหม”

“นามินจีเหรอครับ?”

“ใช่”

“รู้จักครับ” จริง ๆ คือเป็นเพื่อนร่วมแผนกกัน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เมื่อคืนเขา — เอ๊ะ เดี๋ยวสิคุณ”

เสียงปลายสายเหมือนโทรศัพท์โดนแย่งไป แจบอมขมวดคิ้ว รอฟังเสียงของหัวหน้าต่อ แต่เสียงที่ดังผ่านสัญญาณโทรศัพท์มากลับไม่ใช่เสียงแหบ ๆ ของหัวหน้าผู้อายุร่วมห้าสิบของเขา

กลับเสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่ง

“คุณนามินจีเสียชีวิตแล้ว คุณเป็นสายสุดท้ายที่หล่อนติดต่อ รบกวนมาที่สถานีตำรวจด้วยครับ”

 

 

 

 

 

อิมแจบอมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในสถานีตำรวจ เขาเห็นหัวหน้ายืนหน้าซีดอยู่ข้างโต๊ะของนายตำรวจคนหนึ่งจึงเดินเข้าไปหาด้วยความรีบร้อน

“หัวหน้า”

“คุณอิม” อีกฝ่ายหันมาหาเขาทันที เสียงสั่นด้วยความตกใจ “มาสักที”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”

หัวหน้ายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับใบหน้าของตน ท่าทางไม่พร้อมจะเล่าที่สุด แต่แจบอมก็ยังมองอย่างคาดหวังว่าจะได้ยินคำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้ อะไรคือนามินจีเสียชีวิต เมื่อคืนยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย

“มาแล้วเหรอครับ”

เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งตรงมาหาเขา ผมสีดำสนิทตัดสั้นรับกับใบหน้าหล่อเหลาแบบที่ทำให้นึกถึงพระเอกซีรีส์ดัง ๆ เชิ้ตขาวถูกพับแขนขึ้นไปถึงช่วงศอก เนกไทสีกรมท่ายังรัดแน่นอยู่ที่ช่วงคอ บ่งบอกความเอาจริงเอาจังและเข้มงวดของคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาสีนิลมองสบเขาแล้วรอยยิ้มน้อย ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม

“ผม พัคจินยอง แผนกอาชญากรรม รับผิดชอบคดีของคุณนามินจีครับ”

ตำรวจสมัยนี้หน้าตาดีขนาดนี้เลยเรอะ

เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของแจบอม เขาโค้งให้อีกฝ่ายที่โค้งมาก่อน ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”

พัคจินยองวางเอกสารลงบนโต๊ะ ผายมือให้เขากับหัวหน้านั่งลงที่เก้าอี้รับแขกใกล้ ๆ กับโต๊ะของนายตำรวจคนนั้น ก่อนเอ่ย

“คุณนาถูกพบเป็นศพเมื่อตอนตีห้าครับ เจ้าของห้องเช่าที่เธออยู่เป็นคนพบ”

แจบอมขมวดคิ้ว “…ทำไมเธอถึง…”

“เบื้องต้นสันนิษฐานว่าฆ่าตัวตายครับ” พัคจินยองตอบเรียบ ๆ พอดีกับที่มีนายตำรวจอีกคนยกกาแฟมาเสิร์ฟ เจ้าตัวยกกาแฟดำขึ้นจิบ ผ่อนลมหายใจแล้วอธิบายต่อ “แต่ก็ยังตัดเรื่องฆาตกรรมออกไม่ได้ อาจมีแรงจูงใจอื่น ๆ ผมเลยต้องสอบถามคนรอบตัวเธอ และคนสุดท้ายที่เธอติดต่อด้วย”

คนฟังอึ้งไป เขาเหลือบมองหัวหน้าที่ยังหน้าซีดเซียวไม่เปลี่ยน แถมดูจะแย่กว่าเดิมด้วย แล้วก็หันกลับมามองตำรวจตรงหน้าอีกรอบ

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

“ก็แค่ตอบคำถามของเราอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็ให้ความร่วมมือในการสอบสวนครับ”

เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มตอบคำถามที่ชเวยองแจ นายตำรวจอีกคนเข้ามาถาม โดยมีพัคจินยองฟังเงียบ ๆ

โดยสรุปแล้ว คดีไม่ได้มีอะไรซับซ้อน นามินจีเสียชีวิตช่วงสามนาฬิกา ก่อนจะถูกพบตอนห้านาฬิกา แจบอมกับเธอคุยกันตั้งแต่สี่ทุ่ม แล้วก็แยกย้ายกันไปเข้านอน

“มีความสัมพันธ์กันลักษณะไหนเหรอครับ” จินยองถามขึ้นมา​ “คุณกับคุณนา เป็นคนรัก?”

“เปล่าครับ” แจบอมส่ายศีรษะ “เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน”

ตำรวจทั้งสองพยักหน้ารับ

“พอจะบอกใจความที่คุยกันได้ไหมครับ” ชเวยองแจถามเขา

แจบอมนิ่งไป ก่อนจะพึมพำ “ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ มินจีมีเรื่องกังวลอยู่ครับ เลยมาปรึกษากับผมบ่อย ๆ”

“เรื่องกังวล?” พัคจินยองทวนเสียงสูง

“ครับ” แจบอมคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็เม้มปาก “รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เธอจะท้องครับ…”

พัคจินยองหันไปหาชเวยองแจทันที

“ชันสูตรแล้ว ไม่มีเด็กในท้องนะครับ”

คำตอบของชเวยองแจทำให้แจบอมรู้สึกหายใจลำบาก “…เธอคงไปเอาเด็กออกแล้ว”

“ทราบไหมครับว่าพ่อเด็กเป็นใคร”

พัคจินยองถามต่อ แจบอมส่ายหน้า “เธอไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้เลยครับ แค่หลุดปากเรื่องนี้มาตอนเราไปดื่มกัน ผมเลยกลายเป็นที่ระบายให้เธอบ่อย ๆ”

ทุกคนเงียบฟัง ได้ยินเสียงชเวยองแจจดข้อความลงสมุด พัคจินยองวางแก้วกาแฟ มองตรงมาที่เขา

“แปลกนะครับ”

“ครับ?” จินยองเลิกคิ้ว

“คุณนาจะไม่สนใจคุณเลยจริง ๆ เหรอ ทั้งที่เป็นผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้”

คนฟังกะพริบตาปริบ ๆ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร หัวหน้าของเขาก็โพล่งขึ้น

“คุณตำรวจครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว…”

พัคจินยองหันไปมอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนส่ง “ผมขอช่องทางติดต่อคุณไว้หมดแล้ว ไว้ถ้ามีอะไรจะโทร.ไปนะครับ ขอบคุณที่มา”

 

 

 

 

 

หัวหน้าจากไปแล้วตำรวจทั้งสองทรุดตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามแจบอม เขานั่งหลังไม่ติดเก้าอี้เลยเพราะรู้สึกผิดกับมินจี

และรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ

“คุณตำรวจครับ” แจบอมเอ่ยขึ้น “ผมขอถามอะไรได้ไหม”

ชเวยองแจพยักหน้ารับ “เชิญครับ”

“…เชิญหัวหน้าผมมาทำไมเหรอครับ”

พัคจินยองยิ้มมุมปากอีกแล้ว ก่อนจะเป็นคนตอบเขา “เขาเป็นคนสุดท้ายที่มีพยานพบว่าเห็นอยู่กับผู้ตายครับ”

“…ครับ?”

หัวหน้าเนี่ยนะ?

“ช่วงก่อนสองทุ่ม มีคนพบทั้งสองอยู่ด้วยกันแถวร้านอาหารใกล้กับที่พักของคุณนาครับ”

“อ่า…”

แจบอมเงียบไปอีกรอบ แล้วก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเมื่อรู้สึกเหมือนจับเค้าลางอะไรบางอย่างได้

“…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว” เขาขัดจังหวะจินยองกับยองแจที่ทำท่าจะคุยอะไรกันต่อ “ผมขอตัวได้ไหมครับ”

ชเวยองแจเปิดสมุดดูอีกสองสามรอบ “ผมถามไปหมดแล้วครับ ไว้มีอะไรจะติดต่อไปอีกทีดีกว่า หัวหน้าว่าไงครับ”

พัคจินยองพยักหน้ารับ ลุกขึ้นส่งเขาอย่างมีมารยาทตามเคย

“ไว้จะติดต่อไปครับ คุณอิมแจบอม”

 

 

 

 

 

สัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างอึมครึม อิมแจบอมไปร่วมงานศพของนามินจีจนถึงวันสุดท้าย เพื่อนร่วมงานคนนี้ของเขาไม่มีญาติเลย การจัดงานต่าง ๆ ก็เป็นพวกเพื่อนติดต่อให้ หล่อนจากไปอย่างเงียบเหงาจนแจบอมอดน้ำตาซึมไม่ได้

พอผ่านงานศพไปได้แค่วันเดียว เขาก็พบกับพัคจินยองอีกครั้ง ที่ออฟฟิศของเขาเอง

“…คุณพัคจินยอง”

“คุณอิมแจบอม” อีกฝ่ายยิ้มให้เขา “สวัสดีครับ”

เขาโค้งตอบ มือที่กำลังจะกดเลือกเครื่องดื่มชะงักค้าง ก่อนจะหันกลับมามองตู้กดน้ำอัตโนมัติอย่างงง ๆ ตะกี้จะกดอะไรนะ

“นมสตรอว์เบอร์รี่ครับ” พัคจินยองพูดขึ้น แล้วเอื้อมมือมากดให้เขา ความใกล้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอาแจบอมชะงัก เผลอถอยออกไปเล็กน้อย จินยองก้มลงไปหยิบกล่องนมที่ร่วงลงมายื่นให้เขา

“ตะกี้คุณจะกดนมสตรอว์เบอร์รี่ครับ ผมเห็น”

“อ่า…” แจบอมรับมาอย่างอึ้ง ๆ “ขอบคุณครับ”

แล้วจินยองก็เป็นฝ่ายกดเครื่องดื่มออกมาบ้าง หลังจากยืนมองตู้อยู่เกือบสิบวินาที อีกฝ่ายก็หยอดเหรียญลงเครื่อง กดเลือกกาแฟดำ (อีกแล้ว) ให้กระป๋องกาแฟร่วงลงมาที่ช่องรับของ

แจบอมมองตำรวจตรงหน้าเปิดกระป๋องกาแฟดื่มแล้วก็นึกได้ว่า พัคจินยองไม่ควรอยู่ที่นี่่

“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ”

จินยองลดกระป๋องกาแฟออกจากปาก แจบอมเห็นอีกฝ่ายเช็ดริมฝีปากอิ่มนั่นด้วยข้อมือแล้วก็อยากจะหาทิชชู่ให้เหลือเกิน เดี๋ยวแขนเสื้อก็เปื้อนหมดหรอก

“อ่า… หัวหน้าของคุณน่ะครับ”

“ครับ?”

“คดีของคุณนา สรุปแล้วหัวหน้าของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครับ”

แจบอมเบิกตากว้าง แต่ตัวเขากลับไม่ได้ตกใจขนาดนั้น เหมือนพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเกี่ยวข้อง แค่ตกใจที่จู่ ๆ ตำรวจพรวดพราดเข้ามาต่างหาก

“พอจะเล่าได้ไหมครับ”

จินยองส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ แต่ว่า…”

อีกฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมา กดอยู่พักหนึ่ง มือถือของแจบอมก็สั่นขึ้นมา เขาหยิบมาดูหน้าจอด้วยความสงสัย

“นี่เบอร์คุณจริง ๆ สินะ โอเค เดี๋ยวผมส่งข้อความไปบอกถ้าว่างเล่าแล้วนะครับ”

“…ฮะ? เดี๋ยวครับ”

แต่พัคจินยองจากไปแล้ว

ทิ้งความงงไว้ให้อิมแจบอมตรงนี้

 

 

 

 

 

เย็นวันนั้น ตอนที่นาฬิกาบอกเวลาเลิกงานและอิมแจบอมเริ่มเก็บข้าวของเตรียมออกจากออฟฟิศ ก็มีข้อความเข้ามาในมือถือเขาพอดี

ผมว่างแล้วครับ รอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟหน้าที่ทำงานคุณ – PJY

แจบอมมองข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอด้วยความอึ้งปนงง เขาไม่คิดว่าพัคจินยองจะส่งข้อความมาบอกจริง ๆ ดังนั้นจึงได้แต่รีบเก็บข้าวของแล้วลงมาจากออฟฟิศชั้นบน ด้านหน้าตึกออฟฟิศเขามีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง เขาเห็นพัคจินยองนั่งที่นั่งติดกระจก โบกมือมาให้เขาด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นรอยพับที่หางตา ตรงหน้ามีแก้วเครื่องดื่มที่มีควันลอยฉุย

แจบอมเปิดประตูร้านเข้าไป เห็นตำรวจที่สวมโค้ตยาวสีเบจนั่งยิ้มให้เขาอยู่แล้วก็พูดไม่ออก

“…อะไรของคุณเนี่ย”

“ก็บอกว่าถ้าว่างจะเล่าให้ฟังไงครับ นี่ผมก็ว่างแล้ว เลยเชิญคุณมาฟัง”

“…”

เขาหมดคำพูดกับท่าทางประหลาดของคนตรงหน้า แต่ก็ยอมทรุดตัวที่เก้าอี้ตัวใกล้ ๆ กัน จินยองหมุนกายมาหาเขาก่อนจะพูดยิ้ม ๆ

“หัวหน้าโดนจับก็ยังทำงานกันต่อเหรอครับ บริษัทเข้มงวดน่าดู”

“ก็…ทำไงได้ล่ะครับ” แจบอมหัวเราะแห้ง ๆ ภาพอดีตหัวหน้าแผนกของเขาโดนตำรวจหิ้วไปคงตราตรึงทุกคนในชั้นไปอีกหลายเดือน แต่ในเมื่อเบื้องบนไม่สั่งให้หยุด ก็ต้องทำงานกันต่อ

“หัวหน้าคุณเป็นพ่อของเด็กในท้องคุณนาจริง ๆ ครับ” จินยองเข้าเรื่องโดยไม่ให้สัญญาณล่วงหน้า “ทั้งสองมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กัน แต่เพราะฝ่ายหญิงเริ่มเรียกร้องมากขึ้น เพราะตัวเองไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมาย ก็เลยทะเลาะกันบ่อย จนถึงขั้นรุนแรงก็วันนั้น หัวหน้าคุณพลั้งมือฆ่าคุณนาครับ เพราะเป็นการฆาตกรรมที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน เลยมีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด คดีก็เลยคืบหน้าได้เร็ว พอจบงานศพคุณนาก็จับตัวคนร้ายได้เลย”

จินยองไม่ได้อธิบายเรื่องช่องโหว่พวกนั้น แต่แจบอมก็พอจะจินตนาการได้ว่ามีอะไรบ้าง ทั้งการที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตาย หรือท่าทางแปลก ๆ ของหัวหน้าช่วงที่เขาพูดเรื่องมินจีท้อง คิดว่าตำรวจคงพอเดา ๆ ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วเลยเรียกไปคุยก่อนเขา แต่คงต้องการคำพูดของเขายืนยันให้ชัดเจนขึ้น

“…ดีแล้วล่ะครับที่จับได้ มินจีจะได้ไม่ต้องตายฟรี” แจบอมถอนหายใจ “ลูกของเธอด้วย”

จินยองเอียงคอ “ดูคุณรู้สึกผิดกับเรื่องนี้นะครับ ผมสังเกตตั้งแต่วันให้ปากคำแล้ว”

“ครับ ก็นิดหน่อย” เขาถอนหายใจ “บางทีถ้าช่วยอะไรเธอได้มากกว่านี้คงดี เธอจะได้ไม่ต้องมาตายแบบนี้ ผมอาจจะได้ไปเล่นกับลูกของเขาอยู่แทนที่จะไปงานศพเขา”

แจบอมเงียบไป เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูกกับเรื่องของมินจี มันเร็วเกินไป เขายังเห็นภาพมินจีเป็นหญิงสาวร่าเริงของแผนกที่วางใจได้ และคอยช่วยเหลือทุกคนอยู่ตลอด พอเธอมาด่วนจากไปแบบนี้ แม้จะไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนเสียใจ

แล้วแจบอมก็หลุดจากภวังค์เมื่อสัมผัสได้ว่ามือของตนมีคนคว้าไปจับ ไหนจะแรงบีบเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจอีก ซึ่งคนนั้นก็ไม่ใช่ใครเลย พัคจินยอง

เขาดึงมือออกอย่างสุภาพ ก่อนจะโค้งให้ตำรวจตรงหน้า “ขอบคุณที่อุตส่าห์เล่าให้ฟังนะครับ”

“ผมยินดีครับ” จินยองยิ้มนุ่มนวล ซึ่งเพราะอะไรไม่รู้ แจบอมรู้สึกว่ามันขัดกับตัวตนลึก ๆ ของคนตรงหน้า “ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยคุณอิมแจบอมด้วย ผมยินดีทั้งนั้น”

“…ครับ?”

ประโยคแสดงน้ำใจเกินพอดีนั่นทำเอาแจบอมหลุดเสียงออกมา พัคจินยองยังคงยิ้ม แต่ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ถึงเรื่องคุณนาจะน่าเศร้า แต่ก็มีเรื่องดี ๆ อยู่บ้างนะครับ” ว่าแล้วก็หันมามองเขาด้วยตาเป็นประกายผิดปกติ “ไว้ผมจะแวะมากินกาแฟกับคุณอิมแจบอมบ่อย ๆ นะครับ ยินดีที่ได้เจอ”

พัคจินยองลุกขึ้น เขาเลยต้องลุกตาม อีกฝ่ายโค้งให้เขาเล็กน้อยด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกไปจากร้านกาแฟ ตอนเดินผ่านหน้ากระจกที่เขานั่งอยู่ก็มิวายขยิบตาให้อีกหนึ่งที แล้วเดินจากไปจริง ๆ

“…”

แจบอมมองมือตัวเองสลับกับตำแหน่งยืนเมื่อครู่ของจินยอง แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ตำรวจสมัยนี้ หน้าตาดีแต่ไม่เต็มเหรอเนี่ย

 

 

 

FIN

 

 


 

20180403

ตอนแรกก็ไม่ได้จะเขียนหรอกค่ะ แต่คิดอะไรขึ้นมาได้เลยลอง ๆ พิมพ์ดู รู้สึกตัวอีกที ยาวจนจบ (…)

ก็เป็นฟิคขำ ๆ ที่ไม่ค่อยมี crime scene อะไรค่ะ เพราะคิดตะกี้ คงมิอาจวางพล็อตอลังการแบบฮันนิบาลไรงี้ได้ ขำ ๆ ไป เป็น AU คุณตำรวจ x พนักงานออฟฟิศ

จริง ๆ เคสแอบโหด แต่เราแทบไม่เล่าอะไรเลยเลยอาจไม่ได้สัมผัส 555 พอดีเพิ่งดู Black ตอนใหม่ค่ะ (ดูตอนกินข้าวรอทำงาน…) หวังว่าจะชอบกันนนนนนน

ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนต์ได้ที่นี่ หรือ #wirunfic เหมือนเดิมเลยยย เราอ่านทุกคอมเมนต์!

[Trans-Article] The Cute Behind the Scene with Flower boy GOT7’s Mark – Supsapda Magazine – April 2018 issue

DO NOT TAKE OUT WITHOUT FULL CREDITS

MAY CONTAIN INACCURACIES.

THAI -> ENGLISH Translation: Wirunyupha

TEXT : Ploychompoo

Photo : Pannawat

mkbh

Let me hear your voice! Ahagase! Because this issue of Sudsapda, we got a popular boy, Mark from GOT7 to be on our cover and taking cool photoshoot! Not only fans who want to scream, even our staffs here were so happy to work with him, so we’d like to share the BTS.

The Cute Moment During Shooting with GOT7’s Mark

Let me whisper to you that this time Mark had tried to make time for his busy schedule to work with us in Thailand. The place we’d made the appointment was a beautiful and personalised studio. Mark came ahead of time with his (Stylist, costume, make-up) staffs from Korea. After greeting with Thai staffs, Mark suddenly went to do his make-up, during that time, the Korean stylist got some concept brief from ‘Than’ – Sudsapda’s stylist.

Mark hadn’t finished his make-up yet, but he came out again to greet other staffs and informally got some concept brief. After he got it, he went back to do his make-up.

Not too long, we’re ready to shoot. Starting with the shot next to the window with Prada clothes, Mark looked like a blue blood. After hearing a few briefs, he could do the compose our stylist wanted. When staff told him to be more playful, he can do more comfortable and fun pose. When the Korean stylist spoke the Thai word ‘Suay’ (beautiful), he even spoke it along. The staffs then told him the meaning, and it became a little Thai class.

mk01

With his professionalism, just a few shots could please the staffs, and he continually changed his clothes. The cute shot which makes fans scream is Mark eating a pizza, which actually the food that staffs ordered for lunch. But the stylist thought it would be fun to have a pizza on the scene, Mark then posed while bit the piece of pizza. We got a great shot with losing 2 pieces of pizza. This scene was probably his favourite one, because he was really hungry, really ate it, and it was really yummy.

MG_3522MG_3539

The next shot was for the magazine covering, and it was so funny during the time. After just 2-3 shots, the stylist liked it, that made our photograph feel confused. He then said ‘Jing-Lor?’ (really?) repeatedly, and Mark couldn’t bear himself, so he spoke ‘Jing-Lor?’ along. The stylist then let the photograph to shoot some more shots, to get the coolest look of Mark.

MG_3506MG_3493

It’s time for blowing the bubble gum shot, our photograph – Jae – told Mark to blow up the bubble gum til it exploded(?) and made his face mess, Mark got it. Jae told the stylist ‘one more time’, the stylist got it by saying ‘okay, maybe two more times’. Mark heard that and he suddenly said ‘three more times’ (x3). That made all staffs laugh so hard. Mark blew up the bubble gum many times but he never complained anything.

mk02

After this set, we were afraid that Mark would be hungry (yes, after eating the pizza) so we asked if he wanted to break. Mark asked the photograph “Are you hungry?”, then he said “It’s Okay, up to you.” After 3 times of the photograph’s Okay, we ended up continually shooting.

MG_3671MG_3687

Mark’s solo photoshoot in Thailand was smooth and fun, because Mark was so cheerfully and friendly. He could do anything we wanted. And he also could speak many Thai words following our staffs. He’d updated lot of Thai words and working seriously. How can we not like him, can we?

MG_3719

Don’t forget to follow Sudsapda via our Facebook page, Instagram, and Twitter. We still have a lot of pictures and videos which can certainly make you guys happy.

Source:

Sudsapda.  (2018).  Mark GOT7 หนุ่มหน้าหวานกับเบื้องหลังน่าร้าก-ก-ก.  Retrieved on April, 2, 2018, from http://sudsapda.com/men/92000.html

[แปล] สัมภาษณ์แจ็คสัน จากนิตยสาร GLASS Men

Source: @dramapotatoe (scan)

Trans: English -> Thai – WIRUNYUPHA

ห้ามรีโพส / ถ้าจำเป็นต้องนำบางส่วนออกไป กรุณาเครดิตกลับมาที่นี่ด้วยค่ะ (ไม่งั้นก็จ่ายค่าเรียนภาษาอังกฤษดิฉันมา)


 

GLASS Men Magazine, Spring 2018, UK

 

 

ยินดีต้อนรับ แจ็คสัน หวัง

ป๊อบสตาร์ที่โด่งดังที่สุดที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ — จนถึงตอนนี้

DZCloSwVAAEh75F

ถ่ายภาพ SAAM Kim

สไตลิสต์ RAYMOND Chae

 

 

แจ็คสันหวังพร้อมจะงีบหลับแล้ว

“ไม่แน่หลังจากสัมภาษณ์นี้ ผมอาจจะพอมีเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อผ่อนคลาย” เขาเอ่ย ระหว่างที่กำลังเคี้ยวคิมบับ อาหารว่างของเกาหลี “ผมไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”

เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งน่าดูสำหรับหนุ่มเชื้อสายฮ่องกงผู้เป็นนักร้องและแร็ปเปอร์เกาหลีอยู่ที่เกาหลี และดูเหมือนว่าจะยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงอายุเพียงแค่ 24 ปี เขาได้รวบรวมกองทัพแฟนคลับและชื่อเสียงในเอเชียในฐานะสมาชิกของวงไอดอลเกาหลี GOT7 และในฐานะของดาราดังในเกาหลีและจีน ผู้ติดตามกว่าเก้าล้านคนของเขาในอินสตาแกรมต่างคลั่งไคล้ในทุกอิริยาบถของเขา และบล็อกอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตามทุกอย่างของเขา แฟชั่น สุขภาพ แม้กระทั่งการเปลี่ยนทรงผม

หวังเป็นอดีตนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพที่เคยได้รับการฝึกฝนเพื่อเข้าแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2012 ที่ลอนดอน แต่แผนอาชีพของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงสองปีก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม เมื่อ JYP Entertainmant บริษัทจากเกาหลีที่มีชื่อเสียงพบความสามารถของเขา และให้เขาเข้าร่วมออดิชั่นเป็นส่วนหนึ่งของวงนักร้องน้องใหม่ JYP ที่มีประวัติศาสตร์การสร้างไอดอลเอเชียที่ประสบความสำเร็จมากมายทั้ง Wonder Girls และ Rain ได้เซ็นสัญญากับหวังเป็นชิ้นส่วนใหม่ใน 7 ชิ้นส่วนสำคัญของวงป๊อบชายล้วน GOT7 สำหรับเด็กที่ทั้งชีวิตเป็นนักกีฬาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ความคิดที่ว่าจะได้ไล่ตามฝันของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย

“พ่อของผมเป็นโค้ชนักกีฬาฟันดาบ ส่วนแม่เป็นโค้ชนักกีฬายิมนาสติก ผมเติบโตมาในครอบครัวนักกีฬา” หวังอธิบาย “แต่ท้ายที่สุดของวันนั้น ผมบอกตัวเอง ‘ทำไมไม่ลองพยายามดูสักหน่อยล่ะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียนี่'”

จิตใจที่ไหลไปตามกระแสน้ำนี้เสริมให้หวังใช้ชีวิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้อย่างดี ในฐานะผู้ที่ได้เตรียมตัวเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จร่วมกับ GOT7 ขณะเดียวกันก็สร้างชื่อของตัวเองให้ปรากฏในรายการแข่งขันเรียลลิตี้ที่โด่งดังในเกาหลี แต่มันเป็นปณิธานและธรรมชาติที่ชื่นชอบการแข่งขันของเขา ที่จะทำให้ตัวของเขาพร้อมสำหรับบทใหม่ ๆ — ปะทุขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง

DZCloSvVMAAaiEx

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ศิลปินเกาหลีพยายามจะสร้างชื่อของตนออกนอกบ้านเกิด ขณะที่ความสำเร็จของ Gangnam Style ของ PSY กลายเป็นความแปลกใหม่ ความรุ่งเรืองของนักร้องเคป๊อบอย่าง CL และ BTS ในอเมริกา มอบเขตแดนใหม่ ๆ ให้ชาวเอเชียได้ตั้งเป้าหมาย และหน้าใหม่หลายคนก็เชื่อว่าตนเองสามารถตีตลาดนานาชาติได้

หวังที่ได้ฝ่าฟันมาถึงระดับนานาชาติก็คิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วเหมือนกัน

หวังเกิดในครอบครัวคนจีน เติบโตมาโดยพูดจีนกวางตุ้ง จีนเซี่ยงไฮ้ (ครอบครัวของแม่ของเขามาจากเซี่ยงไฮ้) จีนกลาง และภาษาอังกฤษซึ่งเป็นผลมาจากการเรียนที่ American International School ได้

เมื่อเขามาอยู่ที่โซลเพื่อร่วมกับ GOT7 หวังไม่ได้พูดภาษาเกาหลี แต่ก็เรียนรู้มันได้จากการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอีกหกคนในกลุ่ม (แม้ว่าหนึ่งในสมาชิกจะเป็นคนไทยและอีกคนเป็นไต้หวัน-อเมริกัน แต่กลุ่มก็แสดงเป็นภาษาเกาหลีเสียส่วนใหญ่)

“สมาชิกคนอื่น ๆ ใน GOT7 ช่วยเหลือผมมากในการเรียนรู้ภาษาเกาหลี และทักษะภาษาเกาหลีของผมก็พัฒนาขึ้นมากเมื่อได้ไปออกรายการเรียลลิตี้ต่าง ๆ” หวังกล่าว

ตั้งแต่การเดบิวต์ในปี 2014 GOT7 ประสบความสำเร็จอย่างมากในเอเชีย บัตรคอนเสิร์ตทัวร์ที่ขายหมดเกลี้ยง และอัลบัมที่ติดสามชาร์ตที่มีชื่อเสียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าทางตื่นเต้นจากการได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดังในเกาหลี

“มันยากมาก” หวังเสริม “และกดดันมาก ชีวิตการเป็นเด็กฝึกมันสับสน มันจะง่ายที่จะโดนเปลี่ยนตัวออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ [สำหรับวง]”

เขาหยุดไป ราวกับกำลังคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด ขณะสัมภาษณ์ ศิลปินเกาหลีจะมีผู้จัดการ และนักเขียนกดดันให้พูดตอบอย่างจริงใจ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ แต่สถานการณ์ตอนนี้มีเพียงหวังคนเดียว เขาไม่อยากจะก้าวข้ามมาสู่การท้าทายหรือต่อต้าน แต่ก็ยังคงกล่าวว่า “เรามีสอบทุกอาทิตย์ แล้วก็ต้องผ่านทุกการสอบ ผ่านการสอบ ผ่านการสอบ ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องออกไป มันยากกว่าการเป็นนักกีฬาเสียอีก

DZCloSwVwAEAelo

“ในอุตสาหกรรมบันเทิง 365 วัน 24 ชั่วโมง คุณทำงานทุกวัน ทุกวินาที” เขาพูด “อย่างน้อยในการแข่งขันกีฬา” เขาเสริมว่า “คุณยังต้องพักผ่อน หลังจากการแข่งขันหรือหลังจากฤดูกาลนั้น คุณก็ต้องพัก”

กีฬาสอนหวังให้รู้จักความมานะอดทน และเตรียมตัวเขาให้พร้อมสำหรับแผนงานใหม่ ๆ อัลบัมเดี่ยวที่เขาคาดว่าจะได้ปล่อยก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่เป็นนักกีฬาฟันดาบ หวังจะฟังเพลงแร็ปและฮิปฮ็อปเพื่อสร้างอารมณ์ก่อนการแข่ง เขากล่าวว่าอิทธิพลเหล่านั้นจะปรากฏชัดในเพลงใหม่ของเขา “มันเป็นเพลงฮิปฮ็อปที่มีกลิ่นอายของ R&B อยู่นิดหน่อย” เขากล่าว อ้างถึง Kendrick Lamar, Gucci Mane และ Logic ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขา รวมถึงไอดอลตลอดกาลของเขา “ไมเคิล แจ็คสัน”

ถึงแม้เขาจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของ GOT7 ที่มีข่าวลือว่าวงจะปล่อยเพลงใหม่ในฤดูใบไม้ผลินี้ หวังยังคงกระตือรือร้นที่จะค้นหาเพลงของเขา ช่วงเวลาของเขา

“ใน GOT7” เขาอธิบาย “สไตล์เพลงของเราเป็นส่วนผสมระหว่างความคิดของคน 7 คน ถ้าเราเป็นสายรุ้ง ผมก็เป็นสีหนึ่งในนั้น”

“แต่เพลงของผมมีแค่ตัวผม” เขากล่าวต่อ “มันคือสิ่งที่ผมอยากทำจริง ๆ และคือสีของผมจริง ๆ”

“ผมคิดว่าการทำเพลงให้ดีเท่า ๆ กับการทำการแสดงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะตอบแทนแฟนคลับที่สนับสนุนและรักผม ดังนั้นผมจะทำให้ดีที่สุดทั้งในการทำเพลงและการฝึกซ้อม ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เจอแฟน ๆ ทั่วโลกตลอดเวิลด์ทัวร์ของ GOT7 และกิจกรรมเดี่ยวของผมปีนี้ ผมตั้งตารอคอยเลยล่ะ!”

ซิงเกิลแรกของหวัง Papillon ปล่อยมาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา และได้ปรากฏใน Worldstar บล็อกฮิปฮ็อปที่(บางครั้งยังคงถกเถียงกันอยู่ว่า)มีอิทธิพลมาก หวังเป็นแร็ปเปอร์จีนคนแรกที่ได้ร่วมอยู่บนเว็บไซต์นี้ และความคิดเห็นต่าง ๆ ก็เปิดกว้างให้กับเพลงของเขาอย่างน่าประหลาดใจ ซิงเกิลที่สองที่เป็นสไตล์ Sino-Korean ชื่อ OKAY ได้รับความสนใจจากนิตยสาร Billboard

หวังได้สร้างสตูดิโอของตนเองที่บ้านในโซล และขณะนี้ก็อาศัยอยู่กับโปรดิวเซอร์ของเขา เพื่อจะทำอัลบัมของเขาให้เสร็จ ในช่วงที่ปรากฏตัวและมีสัญญาอยู่กับ GOT7 เขาเริ่มทำเพลงของตัวเอง และเขียนเพลงให้ตัวเอง (เพลงส่วนใหญ่ของวงเขียนให้พวกเขาทั้งวงร้อง) นอกจากการแร็ปและฮิปฮ็อป ช่วงนี้หวังยังฟังเพลงอิเล็กโทรนิกส์ของ DJ ต่าง ๆ และเพลงแดนซ์ เขาได้กล่าวถึง Knife Perry, Krewella และ Tom Size ว่าเป็นดีเจที่เขาชื่นชอบ

นอกจากเรื่องดนตรี หวังยังมองหาการเป็นนักแสดงด้วย แม้ว่าเขาจะปรากฏตัวในรายการของเกาหลีและจีน หวังกล่าวว่าทีมของเขาจะเตรียมตัวทดลองไปฮอลลีวู้ด ขณะที่หวังดูเหมาะจะเล่นโรแมนติกคอเมดี้ และละครวัยรุ่น หวังกล่าวว่าการออกโซโล่ช่วยส่งให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในอุตสาหกรรมนี้

เขามีหน้าที่รับผิดชอบเต็มไปหมด และการมุ่งสู่ตลาดนานาชาติก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ถ้าจะมีใครที่อดทนต่อสิ่งนี้ได้ ก็คงเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมากับการประลองฝีมือต่อสู้ด้วยอาวุธความยาวสามฟุตบนสนามการแข่งกว้างสองเมตร

“การฟันดาบช่วยหลายต่อหลายอย่างในชีวิตของผม” หวังกล่าว “มันสอนให้ผมตั้งใจและมีปณิธานที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อผมอุทิศตัวเองให้กับสิ่งใดแล้ว” เขาพูด “ผมจะไปให้สุดทาง และจะไม่ยอมแพ้”

โดย Tim Chan

 

 

#wirunfic – A Peaceful Day (Jinyoung/JB)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jinyoung/JB

 

A Peaceful Day

Wirunyupha


 

 

 

อิมแจบอมเป็นคนน่ารัก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยรับรู้ความจริงข้อนี้

ถึงอย่างนั้นความน่ารักของเขาก็เป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นในสายตาของพี่ใหญ่ของวง คนที่เกิดรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นน้อง หลังจากผ่านช่วงที่ทุกคนรู้สึกว่า ‘หัวหน้าวงของพวกเราช่างน่ากลัวเหลือเกิน’ ไปจู่ ๆ ก็เข้าสู่ช่วง ‘หัวหน้าวงของพวกเราน่ารักจริง ๆ’ โดยเฉพาะอย่าง สิ่งที่จินยองจะได้เห็นทุกครั้งที่เขาตื่นเช้า

“นี่” มีเสียงลอดออกมาจากห้องของหัวหน้าวง ขณะที่จินยองเพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จและกำลังจะตรงไปที่ครัว “นายจะมาเลียหน้าฉันทุกเช้าไม่ได้นะ คุนท่า”

พี่แจบอมเป็นพวกพ่อบ้าน หรือก็คือมนุษย์ผู้ชายทาสแมว ยอมแพ้ให้กับแมวทุกตัวบนโลก ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกแมวที่นอนยึดเตียงตัวเองแต่กล้าไปเบียดเบียนเตียงห้องพี่ใหญ่ของวง (ที่เกรี้ยวกราดกับทุกคนยกเว้นคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ทุกเช้าจินยองจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายคุยงุ้งงิ้งกับแมวในห้อง บ่นบ้างอะไรบ้าง แต่ก็เพียงเท่านั้น สักพักแจบอมก็จะออกมาจากห้องด้วยสีหน้าง่วง ๆ

วันนี้ก็เช่นกัน

“…ไง จินยอง”

“ไงครับพี่”

“กินอะไรปะ”

“พี่จะทำให้เหรอ”

“อืม” แจบอมขยี้ตา ท่าทางจะยังไม่ตื่นดี “แต่ขอไปล้างหน้าล้างตาก่อน”

“ทอดไข่ก็พอครับ เดี๋ยวผมหุงข้าวไว้ให้”

“โอเค”

แล้วแจบอมก็เดินเข้าห้องน้ำไป

จินยองมองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายไปด้วยความเอ็นดู ท่าทางสะลึมสะลือแบบนั้น คงโดนเจ้าแมวสามตัวป่วนทั้งคืนอีกสิท่า เขาคิดแล้วก็ส่ายหัวขำ ๆ ก่อนจะเดินเข้าครัวไปหุงข้าวตามที่บอกไว้

 

 

 

 

 

นอกจากฉายา ‘พ่อบ้าน’ ที่ได้มาจากการเป็นทาสแมวแล้ว อิมแจบอมยังมีทักษะสมฉายาของตัวเองอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นคือฝีมือการทำอาหารที่ล้ำกว่าทุกคนในวง ระดับที่ถ้าเป็นผู้หญิง พวกเขาคงอยากขอพี่แจบอมแต่งงานเพื่อจะมีอาหารอร่อย ๆ กินไปทุกเช้าในช่วงชีวิต

แต่แม้จะพี่แจบอมจะไม่ได้เป็นผู้หญิง และจินยองยังไม่ได้ขอแต่งงานไปจริง ๆ (?) ตอนนี้เขาก็ยังโชคดีได้กินอาหารเช้าฝีมือหัวหน้าวง ไข่เจียวกับข้าวถ้วยเล็ก ๆ และกิมจินับเป็นอาหารเช้าที่ดีในวันหยุดแบบนี้

ขณะนี้เวลาจวนจะสิบโมง พี่มาร์คส่งข้อความมาบอกเขาในคาทกว่าออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับก็คงเย็น ส่วนยูกยอมกลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ดังนั้นหอพักในวันนี้จึงมีเพียงพวกเขาสองคน เป็นความสงบที่นาน ๆ จะมี แม้จะเหงาไปบ้างเพราะคนน้อยกว่าปกติ แต่เพราะหลัง ๆ เด็ก ๆ ในวง (รวมมาร์คไปด้วย) ชอบทิ้งไปหาพวกย้ายไปอยู่ข้างนอก ๆ บ่อย ๆ พวกเขาเลยเฝ้าหอกันจนเริ่มชินแล้ว ถึงขั้นที่จินยองเคยยุให้พี่แจบอมปล่อยแมวออกมาเดินเล่นในห้องแก้เหงาเลย แต่พี่แจบอมก็ไม่ทำเพราะกลัวแมวเสียนิสัย

พวกเขากินอาหารเช้ากันเงียบ ๆ เป็นกิจวัตรที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แจบอมไถหน้าจอไปด้วยตอนกินข้าว ท่าทางจะเช็กข่าวอะไรสักอย่าง จนเม็ดข้าวติดริมฝีปาก เห็นแล้วจินยองอดทักไม่ได้

“พี่แจบอม กินดี ๆ สิ เลอะแล้ว”

“หือ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเขา ท่าทางงง ๆ จินยองถอนหายใจขำ ๆ ปกติก็เนี้ยบจะตาย ทำไมวันนี้กลายเป็นแบบนี้ไปได้

“ข้าวเลอะปาก” เขาพูดอีกรอบ ชี้ที่มุมปากเจ้าปัญหา แต่เหมือนสติของพี่แจบอมจะยังไม่ออกมาจากหน้าจอมือถือ สิ่งที่เขาสื่อสารไปจึงล้มเหลว

จินยองถอนหายใจ หยิบทิชชู่มาแผ่นหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบเศษข้าวจากมุมปากให้ พี่แจบอมยังทำหน้างงอยู่ ทั้งที่เขาทิ้งทิชชู่แผ่นนั้นลงถังขยะไปแล้ว

“พี่อ่านอะไร ทำไมเหม่อเชียว”

“ก็ทั่วไป” พี่แจบอมตอบหลังจากได้สติ “หนังสือออกใหม่ น่าอ่านดี คิดว่าจะสั่งให้มาส่งที่นี่”

“เล่มเก่าอ่านจบหมดแล้วเหรอ”

“ใช่ อ่านไหม”

จินยองหัวเราะ “ไม่ล่ะ พี่อ่านยากไป ผมเข้าไม่ถึง”

คนฟังขมวดคิ้ว ทำปากมุ่ยเหมือนขัดใจ “ยากตรงไหนกัน” พึมพำแล้วก็กดมือถือต่อ

“พี่กินให้หมดก่อนแล้วค่อยเล่นก็ได้น่า” จินยองเอ็ด บางทีพี่แจบอมก็ทำตัวเด็กจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองต้องคอยดุอยู่เรื่อย

คนฟังยอมวางมือถืออย่างว่าง่าย แจบอมหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วมองหน้าเขา

“ทำไมครับ”

“ก็นึกได้ว่าวันนี้กินข้าวกันสองคน น่าจะสนใจนายหน่อย โทรศัพท์ค่อยดูทีหลังก็ได้”

คนฟังอึ้งไป ก่อนจะยิ้มขำจนตายิบหยี

 

 

 

 

 

กิจวัตรประจำวันในวันที่ต้องอยู่เฝ้าหอกันสองคนไม่มีอะไรมากนัก หลังจากกินข้าวเสร็จ จินยองก็ล้างจาน (เพราะวันนี้แจบอมทำอาหารไปแล้ว) แล้วพวกเขาก็จะต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัว เช่น จินยองเล่นคอม พี่แจบอมอ่านหนังสือ หรือกลับกัน หรือพิเศษหน่อยก็อย่างวันนี้

“ดูหนังกัน”

แจบอมเป็นคนชวน จินยองเลยยอมวางหนังสือที่อ่านทิ้งไว้วันก่อนลง คั่นไว้ด้วยที่คั่นหนังสือรูปดอกแดนดิไลอ้อน วางมันไว้บนโต๊ะ แล้วมานั่งที่โซฟากับอีกคน

คนชวนเป็นคนจัดการเลือกหนัง สามนาทีต่อมาพวกเขานั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ที่เปิดหนังจากเน็ตฟลิกซ์ ขณะที่ไตเติลของผู้ผลิตหนังกำลังขึ้น แจบอมก็ลุกวิ่งไปที่ครัว จนจินยองต้องเอื้อมมือไปหยิบรีโมตเพื่อกดพอส

แล้วแจบอมก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงขนมและเครื่องดื่ม นมสตรอว์เบอร์รี่สองขวด และซิกคเย[1] อีกสองกระป๋อง

“โอเค พร้อมแล้ว ดูต่อได้”

จินยองมองท่าทางพร้อมรบของอีกฝ่ายแล้วก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำมีเพียงยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางเหมือนเด็กของพี่ข้าง ๆ แล้วเอื้อมมือไปกดรีโมตให้หนังเล่นต่อ

 

 

 

 

 

ภาพยนตร์จบแล้ว จินยองยืดแขนขาหลังจากนั่งเกร็งติดต่อกันอยู่หลายนาที หน้าจอฉายเอนด์เครดิตของหนังพร้อมกับเพลงประกอบที่ดังขึ้นตลอดการเคลื่อนผ่านของตัวหนังสือสีขาวบนพื้นสีดำ เรื่องที่พวกเขาเพิ่งดูไปค่อนข้างเครียดเอาการ มีช่วงให้ลุ้นจนจินยองต้องคว้ามือพี่แจบอมมาบีบ และอีกฝ่ายก็บีบตอบกลับมาด้วย กว่าจะผ่านฉากดราม่าไปได้ ทิชชู่แทบจะหมดกล่อง และแน่นอนว่า 90% ของทิชชู่ที่ใช้ไปเป็นฝีมือพี่แจบอม

จิตใจอ่อนไหวผิดกับบุคลิกภายนอกเหลือเกิน

แต่จินยองก็ไม่ได้แปลกใจนัก ผู้ชายที่ชอบแมว ชอบดนตรี ชอบอ่านหนังสือ ถ้าจะเพิ่มความเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวอีกสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“ตาบวมหมดแล้วพี่” เขาหันไปมองหน้าเกลี้ยง ๆ ของคนอายุมากกว่า ตาเรียวตอนนี้บวมตุ่ยและแดงช้ำเพราะเสียน้ำตาหนักมากไป ปลายจมูกโด่งสวยแดงรั้นจนน่าสงสาร “เลิกร้องได้แล้ว”

“หยุดร้องแล้ว” แจบอมพึมพำ แต่เสียงยังสะอื้นอยู่เลย จนจินยองต้องยื่นมือไปลูบ ๆ หลังคออีกฝ่ายเผื่อจะช่วยให้อาการดีขึ้นบ้าง…หรือเปล่านะ

“พอ ยิ่งลูบยิ่งอยากร้องกว่าเดิม” แจบอมหันมาผลักเขาออกเบา ๆ จินยองจึงได้แต่ผละกลับไปนั่งที่เดิม ได้แต่มองหัวหน้าวงคนชิคพยายามเช็ดน้ำตาของตน

ตอนรู้จักกันใหม่ ๆ จินยองเข้าใจว่า พี่แจบอมเป็นคนร้องไห้ยาก แต่จริง ๆ ก็อย่างที่เขาบอก พี่แจบอมมีมุมที่อ่อนไหว อยู่ที่ว่าจะแสดงออกกับใคร และจินยองก็มักจะเป็นคนที่ได้รับโอกาสนั้นเสมอ อาจเพราะในหมู่พวกเขาทั้งเจ็ดคน เขาเป็นคนที่อยู่กับพี่แจบอมมานานที่สุดล่ะมั้ง ตั้งแต่ที่พี่แจบอมยังไม่ใช่ JB GOT7 จนถึงตอนนี้ พี่แจบอมที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจและไอดอลของเขาในตอนนั้น จนตอนนี้กลายมาเป็นพี่ชายที่เขานึกเอ็นดูอยู่บ่อย ๆ เพราะความละเอียดอ่อนแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองมีนั่นแหละ

หลายนาทีทีเดียวกว่าต่อมน้ำตาของแจบอมจะหยุดทำงาน จินยองปิดโทรทัศน์ไปนานแล้ว ขณะที่แจบอมนั่งถอนหายใจ คงเหนื่อยจากการเสียน้ำตาอย่างหนักนั่นแหละ

“พี่เข้าไปนอนไหม” จินยองเสนอ “เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมปลุก”

“เข้าไปก็ไม่ได้นอนหรอก” แจบอมส่ายศีรษะขำ ๆ พูดถึงเจ้าแมวสามตัวที่ยึดห้องไปแล้วเรียบร้อย “เดี๋ยวนอนตรงนี้ก็ได้”

“เอางั้นเหรอ ก็ได้”

จินยองพยักหน้าเออออ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางทิ้งไว้เตรียมจะเปิดอ่านต่อ จังหวะนั้นเอง แจบอมขยับตัวมาใกล้เขา วางหมอนลงบนตัก แล้วทิ้งศีรษะลงนอน

“…”

“อะไรล่ะ ทำไมต้องทำหน้าตกใจ”

คนอายุมากกว่าพึมพำ ขณะที่จินยองนิ่งค้างไปเหมือนโดนสาป

ก่อนจะมีสติตอบกลับ “…พี่ไม่กลัวผมเมื่อยขาบ้างเหรอ”

“เมื่อยนายก็ขยับสิ ไม่ต้องเกรงใจ ขอนอนแป๊บเดียว” พูดจบก็อ้าปากหาวทีหนึ่ง ก่อนจะหลับตา “สักบ่ายโมงปลุกฉันแล้วกัน”

“…”

ไม่มีคำพูดใดจาปากจินยองอีก

เขานิ่งอยู่นาน หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาที ลมหายใจของคนบนตักก็สม่ำเสมอ จินยองมองเครื่องหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็อดยกมือไปลูบเบา ๆ ที่สันจมูกนั่นไม่ได้ อิมแจบอมเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง หลายคนพ่ายแพ้สายตามีเสน่ห์ของเขา แต่เวลาที่อีกฝ่ายหลับตาก็เป็นมุมที่น่ารักพอตัว

จินยองมองหนังสือในมือที่ยังไม่ได้เปิดกลับไปอ่าน สลับกับใบหน้าคนบนตัก แล้วก็ถอนหายใจขำ ๆ

ไม่รู้จะอ่านหนังสือต่อดีไหม ในเมื่อพี่แจบอมน่าสนใจกว่าหนังสืออีกเนี่ยสิ

 

 

FIN

 


 

 

20180320

พบกับ นยองปม เรื่องแรกของดิฉัน 5555555555

หลังจากที่หวีดความน่ารักของพี่แจบอมมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดก็คลอดฟิกออกมาค่ะ ฮือ ๆๆๆๆ ก็พี่แจบอมน่ารัก /กุมหัวใจ

ทั้งนี้ ลองพิมพ์สด ๆ ใน ReadAWrite เลย เพราะชอบหน้าตาเว็บค่ะ 5555555 หน้าตาเป็นมิตรมาก เพิ่งรู้ว่ามีแอป (…) อนาคตจะมาใช้เว็บนี้ให้มากขึ้นค่ะ (แล้วก็เอามาลงใน wordpress ด้วย ฮา)

แล้วเจอกัน คอมเมนต์ได้ ติดแท็ก #wirunfic ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ

เชิงอรรถ

  1. ^ น้ำข้าว รสชาติหวาน เป็นเครื่อมดื่มพื้นบ้านที่เป็นที่นิยมอของเกาหลี นิยมดื่มกันช่วงหน้าร้อน (พี่เป้.  (2556).  4 เครื่องดื่มประจำเกาหลีใต้ รู้ไหมมีอะไรบ้าง?.  เข้าถึงเมื่อ 20 มีนาคม 2561 จาก https://www.dek-d.com/studyabroad/31413/)

#wirunfic – I Just Like You (Jackson/Mark)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jackson Wang/Mark Tuan

 

I Just Like You

Wirunyupha


 

 

 

มาร์คนั่งอยู่ในห้องนอน ห้องซึ่งเป็นของเขาและแจ็คสัน ห้องที่ประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่คือเตียงสองชั้น และชั้นวางของกับโต๊ะที่แน่นไปด้วยเครื่องประดับของพวกเขาเอง เขานั่งอยู่ที่พื้น หลังชิดกำแพง มือถือไอแพด ตาจับจ้องจอที่กำลังฉายภาพเกมใหม่ล่าสุดที่เขาอยากเล่น หูเสียบหูฟัง แต่ในใจกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังรับชมเลยแม้แต่น้อย

ในหัวของเขามีแต่ภาพของคนที่บอกว่าจะกลับมาวันนี้ แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ถึงหอพักสักที

จนสุดท้ายมาร์คก็อดรนทนไม่ได้ ถอดหูฟังออกแล้วเปิดประตูชะโงกหน้าออกไปจากห้อง เขาเห็นจินยองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา

“จินยอง”

เจ้าของชื่อหันมามอง “ว่าไงพี่”

“แจ็คสันกลับมาหรือยัง”

“อ๋อ” จินยองหันหน้าไปข้างประตูทางเข้า “หมอนั่นออกไปซื้อของกับแบมแบมอะ ทิ้งของไว้แล้วก็ออกไปเลย”

มาร์คขมวดคิ้ว “ได้ไง” แล้วก็ลุกไปที่ประตูทางเข้า ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของรูมเมตเข้ามาที่ห้อง

“บอกแจ็คสันด้วยนะว่าฉันเอาเข้ามาให้แล้ว” เขาบอกจินยองที่มองเขาเงียบ ๆ

“ได้” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “พี่ไม่ออกมานอกห้องหน่อยเหรอ”

“ไม่อะ ง่วง เดี๋ยวจะนอนสักหน่อย” เขาตอบ แล้วก็กลับเข้าห้องตัวเอง

มาร์คกลับมาอยู่ที่ห้องอีกครั้ง คราวนี้มีกระเป๋าของแจ็คสันเพิ่มขึ้นมาด้วย วางอยู่ข้างเขานี่เอง ชายหนุ่มถอนหายใจ เดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของแจ็คสัน ก็เตียงเขาอยู่ข้างบนนี่นา ขี้เกียจปีนขึ้นไป

มาร์คแนบแก้มข้างหนึ่งลงกับผ้าปูที่นอน ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วจู่ ๆ ก็หลับไปเสียอย่างนั้น

 

 

 

 

ตอนที่รู้สึกตัวตื่น มาร์คมองเห็นกำแพงเป็นอย่างแรก แล้วก็นึกสับสนในใจ เขาสะลึมสะลือขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วก็สะดุ้งเมื่อหันไปเห็นที่พื้นข้างเตียง แจ็คสันนอนอยู่ตรงนั้น

อย่าบอกนะว่าไม่ขึ้นมานอนข้างบนเพราะเห็นเขานอนอยู่

มาร์ครู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขานึกอยากปลุกเจ้าของให้ลุกมานอนบนเตียงดี ๆ แต่พอย้อนคิดถึงความอ่อนล้าจากการเดินทางไกลและยังดันทุรังออกไปข้างนอกกับน้องในวงต่อ มาร์คก็เปลี่ยนความคิดมาจัดผ้าห่มให้อีกฝ่ายแทน

ทว่ายังไม่ทันจะขยับผ้าที่ไหลลงไปกองอีกฝั่งให้เข้าที่ เจ้าของห้องก็เหมือนจะรู้สึกตัวเสียก่อน

“หืม…ตื่นแล้วเหรอ”

นัยน์ตากลมคู่คมแต่หางตาตกเล็กน้อยนั่นจ้องมองเขา มาร์คที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงได้แต่พยักหน้ารับ

“ขึ้นมานอนข้างบนไหม”

“อืม”

แล้วแจ็คสันก็ตะกายตัวขึ้นมานอนบนเตียงชั้นล่างของตัวเอง ขยับหามุมเหมาะอยู่ครั้งสองครั้งแล้วก็นิ่งไปอีกรอบ

สงสัยจะเหนื่อยมากจริง ๆ

มาร์คมองคนที่หลับไปแล้ว แล้วก็หันไปมองกระเป๋าเดินทางที่ยังตั้งอยู่ที่เดิม ดูท่าแจ็คสันจะยังไม่ได้เอาอะไรออกมาจัด เขามองนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม คิดว่ากว่าแจ็คสันจะตื่นอีกทีก็คงเช้า ส่วนตัวเขาตอนนี้ไม่มีความง่วงแล้ว ดังนั้นมาร์คจึงลากกระเป๋ามาเปิดจัดของออกให้ รหัสกระเป๋าเดาง่ายยิ่งกว่าอะไร แจ็คสันไม่เคยเปลี่ยนมันตั้งแต่มาอยู่เกาหลีจนถึงทุกวันนี้

มาร์คใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อจัดการเอาของในกระเป๋าแจ็คสันออก เขาหอบกองเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ในถังซักที่แม่บ้านจะมาเก็บไปซักรีดนอกห้อง พอกลับเข้ามาในห้องอีกรอบ แจ็คสันที่เคยนอนตะแคงก็เปลี่ยนมานอนหงายแล้ว แต่ยังแน่นิ่งเหมือนเดิม

เขาเดินไปยืนข้างเตียง ค้อมตัวลงมาเล็กน้อย มองคนอายุน้อยกว่าที่หลับเป็นตาย มาร์คไม่รู้ว่าตัวเองมีสีหน้าอย่างไร แต่ตอนนี้เขาก็แค่อยากมองแจ็คสันไปเรื่อย ๆ

ถ้าใครมีตาหน่อยก็คงดูออกว่า มาร์คชอบแจ็คสัน

ชอบมาก จินยองเคยบอกเขาว่า สายตาเขามันชัด ชัดจนไม่รู้จะชัดยังไง แต่มาร์คห้ามตัวเองได้ที่ไหน เขาไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เวลามองแจ็คสันแล้วรู้สึกไม่อยากละสายตาไปไหน ก็เขาอยากมอง เขาอยากเห็นรอยยิ้มของแจ็คสัน ชอบท่าทางตลก ๆ ชอบท่าทางที่จริงจัง ชอบเวลาแจ็คสันทำหน้าดุเมื่อเขาแกล้ง ชอบแจ็คสันที่เอาใจใส่เขาอยู่เสมอ ชอบแจ็คสันที่ไม่ว่าตอนไหนก็ไม่เคยปล่อยเขาไว้ข้างหลัง ชอบแจ็คสันที่จะเอื้อมมือมาช่วยดึงเขาให้เดินไปด้วยกัน

มาร์คชอบแจ็คสันมากจริง ๆ

และโดยไม่รู้ตัว มาร์คไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองก้มหน้าลงมาใกล้แจ็คสันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ความรู้สึกแค่อยากมองกลายเป็นอยากใกล้ชิด อยากสัมผัส ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าริมฝีปากตัวเองแตะลงบนริมฝีปากอีกคนตอนไหน…

สัมผัสแผ่วเบา

แล้วแจ็คสันก็ขยับตัว

มาร์คสะดุ้ง รีบดีดตัวขึ้นมา ทว่าเขาลืมไปว่าเตียงนี้เตี้ยกว่าความสูงของเขา หัวจึงโขกขอบเตียงเข้าเต็มรัก มาร์คทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที

เชี่ยเอ๊ย!

“หืม… มาร์ค เป็นอะไร”

แจ็คสันตื่นแล้ว คงตื่นเพราะเขาหลุดร้องโอ๊ยเสียงดังลั่น ก็ใครจะไม่ร้อง ลองขอบเตียงเข้าเต็มหัวขนาดนี้ มาร์คกุมส่วนที่ถูกกระแทกแน่น น้ำตาเล็ดออกมาจากหางตา เขารู้สึกได้

“เฮ้ Are you okay?”

เขาไม่เห็นหน้าแจ็คสัน แต่สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วง มาร์คอยากตอบว่าโอเค แต่ความจริงคือไม่เลยสักนิด เจ็บจนน้ำตาไหลแล้ว เจ็บจนอยากร้องไห้ แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือนั่งกุมหัวกัดปากตัวเอง

“หัวโขกเหรอ ทำอีท่าไหนเนี่ย มา ๆ เดี๋ยวดูให้”

แล้วแจ็คสันก็ลงจากเตียงมาคุกเข่าอยู่ข้างเขาที่พื้น ค่อย ๆ บรรจงแกะมือเขาออก ลูบดูส่วนที่โดนกระแทกอย่างนุ่มนวล มาร์คเหลือบมอง พอเห็นสีหน้าโล่งอกของอีกฝ่ายก็พูดอะไรไม่ออกอีก

ไม่กล้าพูดเลยว่าทำตัวเอง ไอ้โง่มาร์คเอ๊ย

“บวมนิดหน่อย แต่ไม่มีแผล ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ร้องนะครับ” ไม่พูดเปล่า ข้อนิ้วยังมาปาดน้ำตาจากหางตาเขาอีก มาร์คนิ่งค้าง และคงค้างนานไป แจ็คสันคงเข้าใจว่ายังเจ็บอยู่

“โอ๋ ๆ ไม่เจ็บแล้ว มา ๆ กอดกัน จะได้ไม่เจ็บ”

บางทีมาร์คก็คิดว่า ในสายตาแจ็คสัน เขาอาจจะเป็นเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบก็ได้

เพราะคนตรงหน้าดึงเขาเข้าไปกอด ลูบผมเขาเบา ๆ ราวกับว่าทำเช่นนั้นแล้วความเจ็บปวดทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับเขาจะหายไป พร่ำพูดอยู่ข้างหูว่าเดี๋ยวก็หายเจ็บ ไม่เป็นไรแล้ว แจ็คสันอยู่ตรงนี้กับเขา

มาร์คนิ่งฟัง หลับตา ซบหน้าลงกับไหล่กว้างนั่น

ไม่มีความเจ็บที่หัวแล้ว มีแต่ความรู้สึกที่ชัดกว่าเดิม

 

FIN


 

20180213

จริง ๆ จะอัปเมื่อวาน แต่ไม่จบ ไปตีกับชาวบ้านก่อน

ตอนนี้สั้นหน่อย จริง ๆ คือช่วงนี้อยากเขียนฟิคมาก เพราะงานกองท่วมหัว 55555 ช่วงยุ่ง ๆ ก็จะอยากเขียนฟิค แต่พอเปิดทวิตเตอร์ปุ๊บก็เล่นจนลืมทำอย่างอื่น (ชีวิต) เรื่องยาวต่าง ๆ ก็เขียนไว้แต่ไม่ได้อัปสักที แฮ่

วันนี้ทอล์กยาวหน่อย อยากเล่า 5555 คาแรกเตอร์มาร์คในใจเราจริง ๆ ก็ประมาณฟิคเรื่องนี้ เป็นผู้ชายตรงไปตรงมาที่ชอบอะไรก็จะทำตามที่ใจคิด ไม่ค่อยซับซ้อน ก็ชอบ ก็จะทำ ย้อนไปสักสองสามปีมาร์คในตอนนั้นใจร้อนกว่าตอนนี้เยอะจริง ๆ 555 เซ็ตติ้งนี้เป็นช่วงยังอยู่หอด้วยกัน ก็นานแล้ว มาร์คเลยทำอะไรไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ อีกอย่างที่อยากเขียนคือความอ่อนโยนของแจ็คสันที่มีให้มาร์คนี่แหละ มากพอที่จะทำให้รู้สึกพิเศษ แฮ่

ไม่พูดมากละ เราควรมีพื้นที่ให้คนอ่านจินตนาการ 555 ไว้เจอกันตอนหน้าค่า

#wirunfic

ป.ล. เราอ่านทุกคอมเมนต์น้า เป็นกำลังใจยามเขียนอะไรไม่ออกที่ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

#wirunfic – คิดถึง (Jackson/Mark)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jackson Wang/Mark Tuan

 

คิดถึง

Wirunyupha


 

 

 

[คิดถึง]

แจ็คสันเงยหน้าจากสมุดโน้ตตรงหน้ามามองจอคอมพิวเตอร์ ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือชายหนุ่มผมแดงเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ทีตอนนี้นั่งเท้าคางด้วยแขนข้างหนึ่ง ทำปากยื่นชวนให้อยากข้ามสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปบีบปาก ทรงผมที่ไร้การจัดแต่งใด ๆ ปรกใบหน้า ผมของมาร์คยาวขึ้นมาก ยาวจนเขาต้องมองลอดผ่านผมพวกนั้นไปสบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ใสเหมือนลูกกวาง

“ปกติไม่พูดคำนี้นี่”

[ก็วันนี้อยากพูดไม่ได้หรือไง] มาร์คตอบกลับมา แจ็คสันหลุดยิ้ม เขาย่อหน้าต่างเฟซไทม์ให้เล็กลง แล้วเปิดไฟล์งานมาดูพร้อม ๆ กัน

“วันนี้ไม่เล่นเกมเหรอ”

[เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงจะเล่น]

แจ็คสันมองนาฬิกา “ดึกแล้วนะ”

[ตาเดียวน่า]

“พอฉันส่งข้อความไปนายก็ตอบกลับทันที ตาเดียวจริงเหรอ”

มาร์คยู่หน้า ทำปากยื่น ๆ เหมือนเป็ด แจ็คสันคิดว่าถ้าตอนนี้ตัวเองอยู่ใกล้ ๆ คงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีผมแดง ๆ นั่นแล้วจับฟัดให้หายอยาก น่ามันเขี้ยวมาก

[ข้อความนายฉันก็ตอบเร็วอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ทำงาน] มาร์คว่า [ทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอน]

“เขียนเพลงครับ”

[เพลงใหม่เหรอ ฉันอยากฟัง]

แจ็คสันหันกลับไปมองกล้อง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะได้สบตากับเขา ก่อนจะเหลือบมองหน้าเล็ก ๆ ในจอ

“ไว้เสร็จแล้วจะร้องให้ฟังนะ”

[ห้ามลืมแล้วกัน]

“อืม มาร์คไม่แต่งบ้างเหรอ”

คนอายุมากกว่าที่อยู่ในไทม์โซนที่ห่างกับเขาหนึ่งชั่วโมงหาวหวอด [เสร็จแล้ว เหลือแก้นิดหน่อย]

“รอฟังอยู่เหมือนกันนะ”

[อืม]

พวกเขาเงียบกันไปพักหนึ่ง แจ็คสันมองนาฬิกาที่มุมจออีกรอบ เพิ่งผ่านไปแค่เจ็ดนาที

“วันนี้ไปไหนมาบ้างเหรอ”

[…ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็ไปกินข้าวกับพวกจินยองตอนกลางวัน แล้วพอเสร็จงานก็กลับเลย]

“เบื่อไหมครับ”

[มาก] คนโตกว่าเริ่มงอแง [กลับมาเร็ว ๆ จะได้พาไปกินข้าวข้างนอก ฉันเบื่อรามยอนแล้ว]

คนฟังขมวดคิ้ว “กินอีกแล้วเหรอ”

[นิดหน่อยน่า] มาร์คยักไหล่ [ดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ไม่อยากออกไปซื้ออะไรกินนี่ มันสะดวกที่สุด]

“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

[งั้นแจบอมก็ต้องป่วยไปกับฉันด้วยแหละ เพราะฉันลากแจบอมมากินด้วยตลอดเลย แจบอมไม่เคยห้ามฉันเลย]

แจ็คสันหัวเราะ มาร์คบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นด้วยท่าทางน่าหยิก ทำแก้มป่อง ๆ เหมือนจะงอนที่เขาดุทีแรก แล้วก็โบ้ยความผิดไปหาเพื่อนร่วมวงอีกคนด้วย

“ไว้กลับไปคราวหน้าจะพาไปกินของอร่อยอีกนะ ร้านเดิมไหม”

[ได้หมดดดด ขอแค่ไปกับนาย ฉันกินทุกอย่างแหละ]

คำพูดนั้นทำให้เขาอดยกมือไปลูบหน้าจอเบา ๆ ไม่ได้

Long Distance Relationship เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง แจ็คสันไม่ได้คบหากับใครตั้งแต่ไปอยู่ที่เกาหลี แต่พอเขาตัดสินใจเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นอะไรที่มากกว่านั้นกับมาร์ค โชคชะตาก็พาให้เขาต้องอยู่ห่างจากอีกฝ่ายออกมาหลายพันกิโลเมตร

จริง ๆ จากจีนไปเกาหลีก็ไม่ได้ไกลหรอก แต่ความรู้สึกที่ไม่ได้อยู่ข้างกันในตอนที่อยากกอดกันจะแย่นี่ก็ทำให้เขาอดหงุดหงิดไม่ได้

แม้ตัวเองจะเป็นคนเลือกทางนี้เองก็เถอะ

“มาร์ค”

[ว่าไง]

คนที่เงียบไปแล้วเอาแต่มองอะไรในจอสักอย่างเหลือบตามองเขา แจ็คสันพิศมองทุกรายละเอียดผ่านจอภาพอย่างโหยหา เขาอยากกอดมาร์คจะแย่

“คิดถึงเหมือนกันนะ”

มาร์คฟังแล้วยิ้ม ยิ้มจนตายิบหยี แต่ก็ยังเห็นประกายตาสดใส เห็นเขี้ยวขาวอันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน

[ตั้งใจทำงานนะ แจ็คสัน ฉันไปเล่นเกมละ]

เขาพยักหน้ารับ โบกมือลาอีกคนที่ปิดการสนทนาไป แล้วถอนหายใจให้กับหน้าจอที่ว่างเปล่า

แจ็คสันรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางชินกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้มาร์คอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่มันเป็นไปไม่ได้ไง — สุดท้ายสิ่งที่ทำได้คือพึ่งพาเทคโนโลยี แค่ได้เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงสักหน่อยก็ขอบคุณมากแล้ว

ถึงตอนนี้จะไม่ได้อยู่ข้างกัน…

แจ็คสันมองปฏิทินในสมุดที่ตัวเองกางทิ้งไว้ แล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมา

แต่พรุ่งนี้เขาก็จะไปอยู่ข้างมาร์คอีกครั้งแล้ว

 

FIN


 

20180123

คิดถึงจาร์คจังเลยค่ะ

#wirunfic – Still You (JB/Jinyoung)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: JB/Jinyoung

 

Still You

Wirunyupha


 

 

 

 

ปีนี้วันเกิดแจบอมตรงกับวันเสาร์ เป็นวันหยุด แต่แทนที่เขาจะได้ไปฉลองกับพ่อแม่แบบที่ทำทุกปี ปีนี้แจบอมเลือกนอนอยู่ที่ห้องพักของตัวเองในโซลเฉย ๆ เล่นกับแมวสามตัวที่เขาเลี้ยงไว้ ไม่มีงานฉลองหรือการพบปะกับใคร มีเพียงการได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่ ทำอาหารกินเอง และอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ติดต่อกับคนอื่นมากที่สุดก็แค่ตอบข้อความอวยพรวันเกิดของเขา

เป็นวันหยุดอย่างแท้จริง

ตอบแทนช่วงเวลาสองเดือนที่แจบอมทำงานอย่างหนัก วันนี้เขาเลยให้ตัวเองได้พักหัวโล่ง ๆ เต็มที่หนึ่งวัน แล้วค่อยกลับไปลุยงานต่ออีกทีวันจันทร์นี้

ทำงานหนักเพื่อลืมสิ่งที่ทำให้เสียใจ

แจบอมนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาขณะที่แมวตัวหนึ่งนอนอยู่บนหน้าท้อง อีกสองตัวนอนอยู่ตรงโซฟา แต่ทันใดนั้นพวกมันสามตัวก็พร้อมกันลุกตรงไปที่ประตู

เขามองตาม สองวินาทีถัดมา เสียงออดประตูก็ดังขึ้น

แจบอมหันไปมองนาฬิกา จะสองทุ่มแล้ว ใครมา

เขาวางหนังสือลงบนโซฟา ลากรองเท้าแตะเดินไปที่ประตู ก่อนจะแง้มเปิดออกโดยไม่ได้สนใจจะส่องตาแมวดูก่อน เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนี้ ใครกล้ามาทำร้ายพ่อจะเอามีดทำครัวเสียบให้มิด

แต่คนที่อยู่หน้าประตูทำให้ผู้ชายตัวใหญ่แบบเขาทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าโจรเสียอีก

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูในเสื้อโค้ตสีดำและผ้าพันคอผืนใหญ่ผูกเป็นโบว์ที่คอ ในมือถือถุงกระดาษอยู่สองสามถุง

“…จินยอง”

เจ้าของชื่อเม้มปาก แล้วช้อนตามองเขา

“ขอผมเข้าไปได้ไหม พี่แจบอม”

 

อิมแจบอมอาจจะเก่งการทำงาน เก่งเรื่องเรียน เป็นกัปตันทีมบาสเกตบอลที่ดีสมัยเรียน หรือหัวหน้าโปรเจกต์ที่เพื่อน ๆ นับถือสมัยทำโปรเจกต์จบ แต่คนที่จินยองไม่มีวันเอาชนะได้แม้จะห่างหายกันไปสองเดือนแล้ว ก็คือพัคจินยอง

ทันทีที่จินยองเข้ามาในห้อง ลูกรักสามตัวของเขาก็โจนทะยานไปคลอเคลียด้วยทันที ทำเอาเจ้าของตัวจริงตกกระป๋องไป แจบอมลากตัวเองกลับมาที่โซฟา ขณะที่จินยองมองซ้ายมองขวาสำรวจหลังจากผละจากแมวทั้งสาม แล้วยิ้มเจื่อน ๆ

“ห้องเหมือนเดิมเลยนะพี่”

“อืม”

“วันนี้ไม่ได้ไปไหนเหรอ”

“ไม่ล่ะ”

“ทำไมอะ”

“ไม่อยากไป”

“…”

ความเงียบโรยตัวอย่างเชื่องช้า มีเพียงเสียงนาฬิกาและเสียงเดินของจินยองตรงไปที่ครัว แจบอมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา เขายังหาทางเข้าหน้าอีกฝ่ายไม่ได้เลย

ก็เลิกกันไปแล้วไม่ใช่หรือไง

ทำไมกลับมาหาอีกแล้ว

หนังสือในมือไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไปเพราะเขาไม่มีอารมณ์จะอ่าน แจบอมนอนมองเพดานห้องอยู่พักใหญ่ จนจินยองเดินกลับเข้ามาในคลองสายตาอีกรอบ

“…พี่ กินข้าวไหม”

“นายเข้าไปทำกับข้าวเหรอตะกี้”

“อืม”

“จินยอง”

เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา ถอนหายใจยาว จดจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่เครื่องหน้าที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล เหมือนดอกไม้หรือตุ๊กตากระเบื้อง เป็นความนุ่มนวลที่จับต้องไม่ได้ เพราะถ้าสัมผัสไปก็อาจจะบุบสลาย

จินยองเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ

“นายกำลังทำอะไร”

“…”

จินยองไม่ตอบเขา ริมฝีปากแดงอิ่มเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ย

“วันนี้วันเกิดพี่”

“…ใช่”

“คุณพ่อกับคุณแม่ เอ่อ… หมายถึงคุณลุงกับคุณป้าไม่อยู่”

“แล้ว?”

“…ผมไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว”

“แล้วคิดว่าพี่อยากอยู่กับนายเหรอ”

“…”

อึ้งกันไป

จินยองหน้าเจื่อน ขณะที่เขานึกอยากเอาหัวโขกกำแพงหรือตบตัวเองให้ตายไปเสียตรงนี้ พูดบ้าอะไรออกไปวะ อิมแจบอม!!

“…ขอโทษที”

“ผมรู้ว่าพี่โกรธ”

“อืม”

“ผมขอโทษนะ”

แล้วพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา

แจบอมรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แม้กลิ่นอาหารที่ลอยออกมาจากครัวจะหอมหวนชวนรับประทานแค่ไหนก็ตาม คงเป็นแกงกิมจิของโปรดเขา จินยองอาจจะไม่ได้ทำอร่อยที่สุดในโลก แต่ทำอร่อยที่สุดรองจากแม่ของเขาทำ แต่แจบอมก็ไม่ได้กินมันมาตั้งสองเดือนแล้ว

ตั้งแต่ที่จินยองออกจากชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

“ตกลงมาหาพี่เพราะเป็นวันเกิดพี่ใช่ไหม” เขาเปลี่ยนเรื่อง “ขอบใจที่อุตส่าห์มา”

เขาลุกขึ้นตรงไปที่คนที่ยืนอึ้งอยู่ จินยองก้าวถอยหลังตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ แต่แจบอมรุนหลังให้อีกฝ่ายตรงไปที่ประตู

“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ พี่แจบอม”

“นายรีบกลับได้แล้ว”

“ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญเลยนะ”

แจบอมชะงัก “ก็ทำอาหารให้แล้วไง”

“คือ…”

จินยองหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าที่เขาคิดอยู่เสมอว่าช่างดูหล่อเหลาได้อย่างน่าอิจฉาซับสีแดงระเรื่อ เจ้าตัวหลบตา ก่อนจะคว้ามือเขาไปจับ

“พี่แจบอม”

“…”

“เรากลับมาคบกันได้ไหมครับ”

หัวใจเต้นเร็วขึ้นมา ทั้งที่แจบอมคิดว่ามันไม่น่าจะเต้นเร็วแบบนี้ได้อีกแล้ว

เขาดีใจ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจ “…หมายความว่ายังไง”

“ผมขอโทษที่วันนั้นพูดแบบนั้นไปกับพี่ ผมไม่ควรพูดว่าจะเลิกกับพี่ พี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย” ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งขาดห้วง แจบอมเห็นแอ่งน้ำตาเล็ก ๆ ผ่านแพขนตาอีกฝ่าย ขณะที่ในใจของตนเสียดไปหมด “แต่ผม… พี่ก็รู้ ว่าสองเดือนที่ผ่านมามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”

เขาปฏิเสธไม่ได้

แต่ตอนที่กำลังจะตัดใจ แล้วอีกคนกลับเข้ามา ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนเวียนหัวไปหมด

แน่นอนว่าคนที่ถือปลายเชือกที่รัดแน่นและเหวี่ยงเขาจนยืนแทบไม่อยู่นั้น ก็คือจินยอง

จินยองใช้มือข้างที่ว่างอีกข้างมากุมมือเขาที่ตนเองดึงไปจับไว้ ก่อนจะจ้องตรงมาพร้อมกับพูดช้า ๆ

“ให้ผม…เป็นของขวัญวันเกิดของพี่ได้ไหม”

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

แจบอมบอกแล้วว่าเขาไม่เคยเอาชนะอะไรพัคจินยองได้เลยสักอย่าง

ตอนนั้นที่จินยองบอกเลิก เขาก็ยอมแพ้ เห็นท่าทางเหมือนจะแตกสลายที่ต้องอยู่ด้วยกันขนาดนั้นแล้วใครจะไปมีแรงยื้อไว้ เขายอมให้จินยองเดินจากไป ตัวเองก็เยียวยาหัวใจด้วยการทำงานจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ทุกช่วงที่สมองว่างจะมีรอยยิ้มของจินยองโผล่เข้ามาเป็นพัก ๆ ก็เถอะ

และมันก็ลงเอยแบบเดิม… ราวกับว่าเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนไม่เคยเกิดขึ้น

สัมผัสแบบเดิม รอยยิ้มแบบเดิม อ้อมกอดอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่นอนแนบชิด ทุกอย่างเหมือนเดิม

แจบอมนอนตะแคงข้าง พิศมองแพขนตาที่แนบผิวแก้มขาวจัดที่เขาฟัดจนหนำใจไปเมื่อครู่ ปลายจมูกเหนือริมฝีปากอิ่มที่เผยอออกเล็กน้อย จินยองเป็นคนที่ปากสวยมากจริง ๆ เห็นแล้วอดไม่ได้อยากจะสัมผัสอีกหลาย ๆ ครั้ง

เขาลูบเส้นผมสีดำนุ่ม ที่ชวนให้นึกถึงขนของเจ้าสามตัวที่วันนี้โดนไล่ไปนอนนอกห้อง ก่อนจะยิ้มกับตัวเอง

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ยังเป็นจินยองอยู่เสมอ

แจบอมหวนระลึกถึงของขวัญวันเกิดในแต่ละปีที่จินยองสรรหามาให้เขา แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ของขวัญวันเกิดของจินยองก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง

ไม่เคยเลยจริง ๆ

 

โดยเฉพาะปีนี้ 🙂

 

FIN


20180106

ทันใช่ไหม /พนมมือ

สุขสันต์วันเกิดพี่แจบอมค่ะ ขอบคุณที่เป็นลีดเดอร์ที่ดีอยู่เสมอนะคะ รักเสียงของพี่ที่สุดเลย

 

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ ช่วยคอมเมนต์ในนี้หรือใน #wirunfic ในทวิตเตอร์หน่อยนะค้า >_<

ไว้เจอกันค่ะ!

ป.ล. Always In My Eyes อาจจะมีต่อนะคะ แต่ยังไม่รับปากเพราะไม่ค่อยว่างเลย ฮือ แต่คนชอบกันเยอะมาก ขอบคุณมากนะคะ