บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด
บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น
Rating: PG
Category: M/M
Fandom: PRODUCE 101 #ทีมเด็กคิวบ์
Relationships: Yu Seonho/Lai Kuanlin
Note: เส้นเรื่องต่อจากเรื่องที่เคยเขียนไว้ช่วงคริสต์มาสแหละ
One Day with Seonho
Wirunyupha
อากาศที่เกาหลีใต้ช่วงปลายเดือนมีนาคมร้อนกว่าที่เอ็ดเวิร์ด ไล คิดไว้มาก เขาถอนหายใจ ขยับปีกหมวกแก๊ปสีขาวของตนให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ให้แสงจากพื้นถนนสะท้อนเข้ามาโดนตาเขามาก ก่อนจะยกน้ำหวานในมือขึ้นดูดสักอึ้กหวังให้ตนสดชื่นขึ้นมาสักเล็กน้อย
จำได้ว่าตอนคริสต์มาสไม่ได้ร้อนขนาดนี้นี่นา ถึงนี่จะไม่ได้ร้อนมากมาย แต่เสื้อสามชั้นนี่ก็อึดอัดใช่ย่อย
บางทีเอ็ดเวิร์ดอาจจะต้องหาทางถอดเสื้อสักตัวออกก่อนที่เขาจะเหงื่ออาบร่างจริง ๆ
เด็กหนุ่มเดินออกจากร้านขายน้ำหวานข้างทางที่ใช้สกิลภาษาเกาหลีง่อย ๆ (ป๊าสอนแค่พอให้ซื้อของได้) รวมกับภาษาจีนและอังกฤษจนได้ชานมสูตรไต้หวันมาหนึ่งแก้ว พอกินแล้วก็คิดถึงไต้หวันขึ้นมานิดหน่อย ครั้งล่าสุดที่เขาไปน่าจะเป็นปีที่แล้ว ต้องรอหยุดยาวคราวหน้าแด๊ดกับป๊าถึงจะพาเขาไปอีกรอบ
ส่วนวันนี้ เป็นภารกิจเร่งด่วน จริง ๆ เอ็ดเวิร์ดควรจะอยู่ที่ลอสแองเจลิสเตรียมตัวเรียนหนังสืออาทิตย์หน้าต่อไป แต่เนื่องจากป๊าต้องบินด่วนไปทำงานที่ฮาวายแล้วต่อมาเกาหลี แด๊ดจึงขอมาด้วย โดยมีเขาพ่วงติดมาอีกคน เหตุผลคือ วันก่อนวันเกิดป๊า แล้วแด๊ดคิดว่าคงดีท่าจะมาฉลองวันเกิดที่เกาหลี ป๊าเลยยอมเออตกลง เมื่อวานก็เซอร์ไพรส์วันเกิดกันไปสนุกสนาน ส่วนวันนี้ป๊ากับแด๊ดต้องออกไปทำธุระ เอ็ดเวิร์ดเลยขอเดินเล่นเอง
เขาเดินไปเดินมารอบ ๆ ที่พักของตัวเอง บ้าน…ซึ่งจริง ๆ คือคอนโดหรูที่ป๊าซื้อไว้ตั้งแต่สมัยอยู่เกาหลี อยู่ในย่านที่มีผู้อาศัยเพียบ แต่ไม่ได้แออัด เดินออกมาไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอสวนสาธารณะติดแม่น้ำฮัน แถมละแวกนี้ยังมีโรงเรียนมัธยมอยู่ด้วย
เขามองเข้าไปในรั้วโรงเรียน เด็กมัธยมหลายคนออกมาเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน เอ็ดเวิร์ดพลันนึกถึงที่โรงเรียนตัวเองขึ้นมา ว่าแล้วก็อยากเล่นบาสอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนเนี่ยสิ หรือเขาควรเดินไปเรื่อย ๆ เจอสตรีทบาสก็ไปขอเล่นด้วยดีไหมนะ
คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ปากก็ยังดูดชานมในมือไปด้วย เอ็ดเวิร์ดเห็นนักเรียนตัวสูงคนหนึ่งวิ่งอยู่กลางสนามและเตะลูกเข้าประตูด้วยท่วงท่างดงามเหมือนมืออาชีพ อีกฝ่ายรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาล และพอหันหน้ามาทางเขา…
“เฮ้ย”
เอ็ดเวิร์ดอ้าปากค้าง เขาคิดว่าตัวเองจำคนไม่ผิด อีกฝ่ายก็ดูตกใจไม่แพ้กัน นัยน์ตาคมใต้เปลือกตานั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะขยับปากเป็นคำที่เขาไม่ได้ยินเสียง
“เฮ้ย” ยู ซอนโฮ ตาโต แทบจะสะดุดเท้าตัวเองหัวทิ่มทั้งที่เพิ่งทำฟอร์มเตะบอลเข้าประตูสวย ๆ ไป เขาคิดว่าตัวเองตาฝาดแน่ ๆ แต่ก็ไม่ ร่างสูงโปร่งใต้เสื้อฮู้ดสีแดงสดใสนั่นเหมือนคนที่เขาเคยเจอช่วงคริสต์มาสเด๊ะเลย
“เป็นอะไรอะ ซอนโฮ” เพื่อนตะโกนมาจากข้างสนาม เขาหันไปทำมือขอเวลาสักครู่ ก่อนจะวิ่งตรงไปที่รั้วโรงเรียน อีกฝ่ายยืนทำหน้างงอยู่ด้านนอกรั้ว ขณะที่เขาพุ่งไปเกาะรั้วไว้ด้วยความดีใจ
“นาย!”
“…me?” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยภาษาอังกฤษ ท่าทางไม่แน่ใจทำเอาซอนโฮชะงัก
เชี่ย ลืมไปเลยว่าเขาพูดเกาหลีไม่ได้
“เอ่อ…” เขาพยายามเค้นสมองหาภาษาอังกฤษในหัวออกมา “Do you remember me?”
คนตรงหน้าพยักหน้ารับ
ซอนโฮยิ้มกว้าง “My name is Seonho.” เขาออกเสียงชื่อตัวเองช้า ๆ คนตรงหน้าพยายามออกเสียงตาม
“ซอน…โฮ…?”
“อืม what’s your name?”
เจ้าของใบหน้าขาวตัดกับริมฝีปากแดง ๆ ที่ซอนโฮประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในร้านอาหารของญาติช่วงคริสต์มาสยิ้มหวาน ก่อนเอ่ยตอบเขา
“Kuanlin.”
เอ็ดเวิร์ดคิดว่า ชื่อภาษาจีนของเขาน่าจะออกเสียงง่ายกว่าสำหรับคนเกาหลี และก็จริงดังคาด พอเขาแนะนำตัวไป ซอนโฮก็พยายามขยับปากออกเสียงตาม
“ควานลิน?”
“ก้วนหลิน”
“ก้วน…ลิ้น?”
เห้อ
“ควานลิน” เขาให้อีกฝ่ายกลับไปเรียนแบบแรกที่เรียก เรื่องวรรณยุกต์คงไม่ใช่เรื่องที่คนเกาหลีเชี่ยวชาญ เขาเข้าใจ พอซอนโฮเห็นเขายอมรับคำเรียกแล้วก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมอีก จนเขางง
“Why are you here?” ซอนโฮถามเขา ท่าทางประหลาดใจ “I thought you flew back to the States.”
“Yes, I was.” เขาตอบกลับ “And I’m here right now because my parents need to go on an errand.”
เห็นอีกฝ่ายทำหน้างงกลับมา น่าจะเพราะฟังไม่ทัน เขาก็ถอนหายใจ กลับไปนอนที่บ้านน่าจะดีกว่าออกมาข้างนอกหรือเปล่านะ
“เฮ้” แต่ยังไม่ทันไร ซอนโฮก็เรียกเขาอีกครั้ง
“What?”
“My school is over.” อีกฝ่ายพยายามพูด แม้จะตะกุกตะกักอยู่บ้าง “I think you don’t have any friends here, so…”
เอ็ดเวิร์ดมองอีกฝ่าย รอคอยให้พูดต่อ
“…Do you want to go with me?”
แด๊ดเคยบอกว่าเขาเป็นคนเชื่อคนง่าย แต่เอ็ดเวิร์ดไม่คิดแบบนั้นเลย ถึงแม้พอซอนโฮเสนอตัวจะพาเขาเที่ยวรอบ ๆ นี้ เขาจะตอบตกลงทันทีก็ตาม
ก็เคยเจอกันแล้วนี่นา ต่อหน้าแด๊ดกับป๊าเขาด้วย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว ญาติซอนโฮก็ดูรู้จักที่บ้านเขาดี ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
คิดได้ดังนั้น เอ็ดเวิร์ดก็ยืนรอซอนโฮไปหยิบข้าวของ ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนการสนทนาจากการคุยกันข้ามรั้วเป็นคุยกันโดยไม่มีอะไรกั้นกลาง ซอนโฮสวมชุดนักเรียนเต็มยศ บ่าข้างหนึ่งสะพายกระเป๋า ยืนยิ้มกว้างให้เขา พอยืนเผชิญหน้ากันอย่างนี้แล้ว เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าตนเองสูงกว่าอยู่นิดหน่อย
“You’re shorter than me?” เขาพูดยิ้ม ๆ “Interesting.”
ซอนโฮเลิกคิ้ว “พูดอะไรของเขา”
แน่นอนว่าเอ็ดเวิร์ดฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็ขยับตัวเปิดทางให้ซอนโฮเดินนำ ขณะที่เด็กนักเรียนเดินยิ้มท่าทางเริงร่าจนน่าหมั่นไส้ ก็ยังหันมาถามเขา
“Where would you like to go?”
เอ็ดเวิร์ดเอียงคอคิด “Anywhere. Just go around here.”
จริง ๆ เขาก็อยากไปไกล ๆ อยู่หรอก แต่เพราะตั้งใจจะออกมาเดินเล่นไม่ไกล เลยไม่ได้หยิบเงินมาเยอะมาก เกิดต้องขึ้นรถไฟหรืออะไรแบบนี้คงไม่มีเงิน
ซอนโฮฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงัก พาเขาเดินข้ามถนนจากหน้าโรงเรียนมาเดินฝั่งสวนสาธารณะติดแม่น้ำ
จริง ๆ เรื่องที่น่าสงสัยกว่าการที่เขาตอบตกลงออกมาด้วยกันง่าย ๆ คือการที่ซอนโฮดูสนอกสนใจอยากทำความรู้จักกับเขานักหนา เอ็ดเวิร์ดจำได้ตั้งแต่จดหมายเล็ก ๆ ที่เขียนพับมาให้ตอนส่งเมนูให้เขาตั้งแต่คริสต์มาส คำว่า Nice to meet you ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่เคยพูดอะไรกันสักคำนั้นทำเอาเขาอดขำไม่ได้ พอตอนนี้ได้แนะนำตัวกันแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าซอนโฮจะยิ้มอะไรนักหนาเวลาเห็นหน้ากัน
“Seonho.” เขาเรียก คนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทางเลยหันมามอง
“I wanna play basketball.”
พอเขาบอกไป อีกฝ่ายก็นิ่งเหมือนประมวลผล ก่อนจะทำหน้าเข้าใจ
“ได้สิ” พูดเป็นภาษาเกาหลีเหมือนคิดว่าเขาจะเข้าใจ แต่ดูจากบริบทแล้วน่าจะเป็นการตอบรับ “Follow me!” แล้วก็เอื้อมมือมาคว้าแขนเขาให้เดินตามไปเร็ว ๆ
เอ็ดเวิร์ดกะพริบตาปริบ ๆ มองแขนตัวเองที่โดนกุมไว้แต่ก็ไม่พูดอะไร
ลูกบอลสีส้มลอยละลิ่วลงสู่ห่วงแม่นราวกับจับวาง เสียงปรบมือและเสียงเป่าปากดังมาจากรอบทิศ เจ้าของลูกชู้ดโพรเจ็กไทล์อันแสนงดงามยิ้มกว้างกึ่งภูมิใจกึ่งเขินให้กับคนรอบข้าง และนั่นทำให้ยูซอนโฮอดยิ้มตามไม่ได้
“เชี่ย น่ารักจังวะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มพึมพำภาษาเกาหลีขึ้นมา ก่อนจะหันมาหาเขา “ซอนโฮ ใครวะ”
เขาอมยิ้ม ไม่ตอบ ขณะที่ควานลินเดินตรงมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มโชว์เหงือกแดง ๆ
“Great!” เขาชม ควานลินชูนิ้วโป้งเป็นทำนองว่า แน่สิ ใส่เขา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทำเป็นไม่เห็นสายตาสนอกสนใจของคนรอบข้าง
ห่างจากโรงเรียนเขาไม่มาก มีกลุ่มสตรีทบาสที่ซอนโฮชอบมาเล่นด้วยอยู่ โชคดีที่วันนี้พวกนี้โผล่มาแถวนี้พอดี เขาเลยไม่ต้องไปวุ่นวายหาลูกบาสมาให้ควานลินลองเล่น อีกฝ่ายพอเห็นสตรีทบาสก็ดูตื่นเต้น ท่าทางจะชอบมากจริง ๆ และเมื่อได้เห็นลีลาการเล่นก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีฝีมือในระดับหนึ่ง
“ควานลิน” เขาเรียก เจ้าของชื่อก็หันตาใส ๆ มาสบ โอย น่ารัก “You’re a player? I mean, are you a basketball player at your school?”
คนฟังพยักหน้ารับ พร้อมกับยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “I’m good at it, right?”
ซอนโฮยิ้มขำ ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดนั้นเพราะอีกฝ่ายเก่งจริงอย่างที่ว่า ทำเอาประธานชมรมบาสเกตบอลอย่างเขาอยากดึงตัวมาเข้าทีมเลย (ถ้าอยู่โรงเรียนเดียวกัน)
พวกเขาเล่นกันอีกสักพักก็ขอตัวแยกออกไป ควานลินดูตื่นเต้นกับทุกอย่างรอบข้าง ตั้งแต่สนามบาสในสวนสาธารณะ ลูกหมาที่เดินผ่านไป ดอกไม้ที่เริ่มบานรับฤดูใบไม้ผลิ ร้านค้าขายของอีกฟากของถนน จนซอนโฮรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดูแลเด็ก ควานลินที่เดินเล่นจนเหงื่อออกแก้มขึ้นสีไปหมด เขาเลยอาสาไปซื้อน้ำเย็น ๆ มาให้
“ไปด้วย” อีกฝ่ายพูด แต่คราวนี้ทำเอาเขางง เพราะเป็นภาษาเกาหลี
“พูดภาษาเกาหลีได้เหรอ”
ควานลินทำหน้างง โอเค
“Do you understand Korean?”
คนโดนถามครุ่นคิด ก่อนจะค่อย ๆ ตอบ “Actually, no. I understand only a few words.”
“Like?”
“…안녕하세요. (อันยองฮาเซโย)”
ซอนโฮขำพรืด จนควานลินยู่หน้าใส่ “It’s a very simple word. I know.”
“Anything else?”
ควานลินนึกอยู่ครู่หนึ่ง “얼마예요? (ราคาเท่าไหร่)”
โอเค เข้าใจละ ซอนโฮพยักหน้ารับยิ้ม ๆ “Come with me, I will teach you more than you know.”
รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีแดง เฉดสีที่คละกันอยู่เบื้องบนทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องมองนาฬิกา และพบว่าเย็นมากแล้ว
ตาย ป๊าจะด่าไหมเนี่ย
“ควานลิน” เขาได้ยินเสียงเรียก ซอนโฮเดินมาหาเขาที่หยุดยืนมองฟ้า “what’s wrong?”
“I think it’s time to go back home.” เขาพูดเสียงเจื่อน ๆ “But you’ve already bought the tickets…”
ใช่ เขาเพิ่งชวนซอนโฮดูหนังกันสักเรื่องก่อนกลับเพราะคิดว่าน่าจะยังไม่ค่ำมาก แต่ดูท่าทางแล้ว กว่าจะออกจากโรงคงดึกน่าดู
ซอนโฮยิ้มให้เขา ท่าทางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร “It’s fine. Don’t worry. I will walk you home.”
คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยกับประโยคนั้น สารภาพว่าถ้าซอนโฮไม่พาเขาเดินกลับ เอ็ดเวิร์ดน่าจะต้องได้เปิดแผนที่ดูทางกลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงยิ้มรับความปรารถนาดีที่มาในเวลาพอเหมาะพอเจาะนั้น
ซอนโฮหายไปเข้าไปแถวหน้าที่ขายตั๋วครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาหาเขาในอีกสิบนาทีถัดมา พอถามไปถามก็ได้ความว่าอีกฝ่ายเอาตั๋วไปขายต่อให้คนอื่น พอคืนค่าตั๋วหนังกันแล้ว ก็เอาเงินไปซื้อไอติมกินแทน
พวกเขาเดินไปกินไอติมไป สารภาพว่าเวลาคุยกันเอ็ดเวิร์ดก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ภาษาอังกฤษของซอนโฮไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้ฟังยากจนฟังไม่ออกเลย แถมยังชอบหลุดภาษาเกาหลีมาอีกด้วย (หลายคำจนเขาคิดว่าจะกลับไปถามป๊ากับแด๊ดว่ามันแปลว่าอะไรบ้าง) แต่ท่าทางที่พยายามสื่อสารกับเขาทำให้เอ็ดเวิร์ดยอมพูดให้ช้าลง แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมากขึ้น ซอนโฮก็พยายามสอนหลายคำให้เขา น่าเสียดายที่พวกเขาได้คุยกันแป๊บเดียว
“When will you come back here?”
ซอนโฮถามเมื่อเขาบอกว่ามะรืนนี้ก็กลับอเมริกาแล้ว เอ็ดเวิร์ดอึ้งไป ก่อนจะตอบเสียงเบา
“…I don’t know.”
“…งั้นเหรอ” ซอนโฮพึมพำภาษาเกาหลี “แต่อย่างน้อยก็ได้คุยกันตั้งนานนี่นะ” แล้วก็พูดประโยคยาว ๆ ที่เขาไม่เข้าใจ
เอ็ดเวิร์ดเลิกคิ้ว แต่ซอนโฮก็ไม่ได้แปลประโยคเมื่อครู่ให้เขาฟัง จนพวกเขามาถึงแถวบ้านของเอ็ดเวิร์ด จากตรงนี้เขาเดินกลับไปเองได้แล้ว
“ควานลิน”
ซอนโฮเรียกเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาหันมารอฟังโดยไม่ได้พูดอะไรแทรก
“You know, I think it’s destiny.”
คนฟังเลิกคิ้วสูง “What?”
“To know you, and to meet you today.” ซอนโฮยิ้มกว้าง “I don’t know when we’ll meet again, but I believe that we will meet, someday.”
เอ็ดเวิร์ดเม้มปาก เขาคิดอยู่นานว่าควรพูดดีไหม แต่สุดท้ายก็พูดมันออกไป
“Seonho, you know there’s something call ‘social network.’”
เอ็ดเวิร์ดถึงบ้านตอนหกโมงครึ่งพอดิบพอดี แด๊ดเป็นคนเปิดประตูให้เขา
“ไปไหนมาล่ะตัวแสบ มาเล่าให้ฟังหน่อย”
เขายิ้มกว้าง เดินตามแด๊ดเข้าไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี แด๊ดเปิดหนังดูทิ้งไว้อยู่ ส่วนป๊าไม่รู้อยู่ไหน
“ป๊าล่ะครับ”
“ออกไปซื้อของน่ะ เดี๋ยวกลับมา มื้อเย็นไง ขี้เกียจออกไปข้างนอก”
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับรู้
“สรุปว่า” แด๊ดเหลือบมามองเขา “ไปไหนมาบ้าง”
“ก็แถว ๆ นี้” เขาตอบ หยิบมือถือมากดดู “ไปเล่นบาส แล้วก็เดินเล่น”
“เล่นบาส? กับใคร”
“เด็กแถวนี้”
แด๊ดเลิกคิ้ว “คุยกันรู้เรื่อง?”
“กีฬาคือภาษาสากลนะแด๊ด”
แด๊ดทำหน้าไม่เชื่อเขา แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้ขยายความ เขาลังเลใจว่าควรเล่าเรื่องซอนโฮให้ฟังดีไหม แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาของทั้งคู่ตอนซอนโฮส่งจดหมายน้อยให้เขา ควานลินคิดว่า ควรเงียบไว้ก่อนดีกว่า
เขาหยิบมือถือมาเปิดดู ดูรูปล่าสุดที่เซฟไว้แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเปิดเข้าโปรแกรมแชตแล้วพิมพ์ข้อความหาคนที่เพิ่งแลกช่องทางติดต่อกันมา
ขอบคุณนะ
ซอนโฮ
FIN
20180330
หนีงานมาเขียนฟิคนิดหน่อย
ช่วงนี้เอ็นดูน้องหลินมาก ๆ น่ารักมากหลานยาย (???) ส่วนน้องยูก็เหมือนจะมีอัลบัมเร็ว ๆ นี้ ไม่ได้ตามเท่าไหร่แต่เห็นผ่านทล.บ่อย ๆ ยินดีด้วยนะค้า
เจอกันตอนหน้า เมนต์ได้ตามสะดวก หรือแท็ก #wirunfic ในทวิตเตอร์เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ