#wirunfic – One Day with Seonho (Seonho/Kuanlin)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: PRODUCE 101 #ทีมเด็กคิวบ์
Relationships: Yu Seonho/Lai Kuanlin

Note: เส้นเรื่องต่อจากเรื่องที่เคยเขียนไว้ช่วงคริสต์มาสแหละ

 

One Day with Seonho

Wirunyupha

 


 

อากาศที่เกาหลีใต้ช่วงปลายเดือนมีนาคมร้อนกว่าที่เอ็ดเวิร์ด ไล คิดไว้มาก เขาถอนหายใจ ขยับปีกหมวกแก๊ปสีขาวของตนให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ให้แสงจากพื้นถนนสะท้อนเข้ามาโดนตาเขามาก ก่อนจะยกน้ำหวานในมือขึ้นดูดสักอึ้กหวังให้ตนสดชื่นขึ้นมาสักเล็กน้อย

จำได้ว่าตอนคริสต์มาสไม่ได้ร้อนขนาดนี้นี่นา ถึงนี่จะไม่ได้ร้อนมากมาย แต่เสื้อสามชั้นนี่ก็อึดอัดใช่ย่อย

บางทีเอ็ดเวิร์ดอาจจะต้องหาทางถอดเสื้อสักตัวออกก่อนที่เขาจะเหงื่ออาบร่างจริง ๆ

เด็กหนุ่มเดินออกจากร้านขายน้ำหวานข้างทางที่ใช้สกิลภาษาเกาหลีง่อย ๆ (ป๊าสอนแค่พอให้ซื้อของได้) รวมกับภาษาจีนและอังกฤษจนได้ชานมสูตรไต้หวันมาหนึ่งแก้ว พอกินแล้วก็คิดถึงไต้หวันขึ้นมานิดหน่อย ครั้งล่าสุดที่เขาไปน่าจะเป็นปีที่แล้ว ต้องรอหยุดยาวคราวหน้าแด๊ดกับป๊าถึงจะพาเขาไปอีกรอบ

ส่วนวันนี้ เป็นภารกิจเร่งด่วน จริง ๆ เอ็ดเวิร์ดควรจะอยู่ที่ลอสแองเจลิสเตรียมตัวเรียนหนังสืออาทิตย์หน้าต่อไป แต่เนื่องจากป๊าต้องบินด่วนไปทำงานที่ฮาวายแล้วต่อมาเกาหลี แด๊ดจึงขอมาด้วย โดยมีเขาพ่วงติดมาอีกคน เหตุผลคือ วันก่อนวันเกิดป๊า แล้วแด๊ดคิดว่าคงดีท่าจะมาฉลองวันเกิดที่เกาหลี ป๊าเลยยอมเออตกลง เมื่อวานก็เซอร์ไพรส์วันเกิดกันไปสนุกสนาน ส่วนวันนี้ป๊ากับแด๊ดต้องออกไปทำธุระ เอ็ดเวิร์ดเลยขอเดินเล่นเอง

เขาเดินไปเดินมารอบ ๆ ที่พักของตัวเอง บ้าน…ซึ่งจริง ๆ คือคอนโดหรูที่ป๊าซื้อไว้ตั้งแต่สมัยอยู่เกาหลี อยู่ในย่านที่มีผู้อาศัยเพียบ แต่ไม่ได้แออัด เดินออกมาไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอสวนสาธารณะติดแม่น้ำฮัน แถมละแวกนี้ยังมีโรงเรียนมัธยมอยู่ด้วย

เขามองเข้าไปในรั้วโรงเรียน เด็กมัธยมหลายคนออกมาเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน เอ็ดเวิร์ดพลันนึกถึงที่โรงเรียนตัวเองขึ้นมา ว่าแล้วก็อยากเล่นบาสอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนเนี่ยสิ หรือเขาควรเดินไปเรื่อย ๆ เจอสตรีทบาสก็ไปขอเล่นด้วยดีไหมนะ

คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ปากก็ยังดูดชานมในมือไปด้วย เอ็ดเวิร์ดเห็นนักเรียนตัวสูงคนหนึ่งวิ่งอยู่กลางสนามและเตะลูกเข้าประตูด้วยท่วงท่างดงามเหมือนมืออาชีพ อีกฝ่ายรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาล และพอหันหน้ามาทางเขา…

 

“เฮ้ย”

 

เอ็ดเวิร์ดอ้าปากค้าง เขาคิดว่าตัวเองจำคนไม่ผิด อีกฝ่ายก็ดูตกใจไม่แพ้กัน นัยน์ตาคมใต้เปลือกตานั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะขยับปากเป็นคำที่เขาไม่ได้ยินเสียง

 

 

 

 

 

“เฮ้ย” ยู ซอนโฮ ตาโต แทบจะสะดุดเท้าตัวเองหัวทิ่มทั้งที่เพิ่งทำฟอร์มเตะบอลเข้าประตูสวย ๆ ไป เขาคิดว่าตัวเองตาฝาดแน่ ๆ แต่ก็ไม่ ร่างสูงโปร่งใต้เสื้อฮู้ดสีแดงสดใสนั่นเหมือนคนที่เขาเคยเจอช่วงคริสต์มาสเด๊ะเลย

“เป็นอะไรอะ ซอนโฮ” เพื่อนตะโกนมาจากข้างสนาม เขาหันไปทำมือขอเวลาสักครู่ ก่อนจะวิ่งตรงไปที่รั้วโรงเรียน อีกฝ่ายยืนทำหน้างงอยู่ด้านนอกรั้ว ขณะที่เขาพุ่งไปเกาะรั้วไว้ด้วยความดีใจ

“นาย!”

“…me?” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยภาษาอังกฤษ ท่าทางไม่แน่ใจทำเอาซอนโฮชะงัก

เชี่ย ลืมไปเลยว่าเขาพูดเกาหลีไม่ได้

“เอ่อ…” เขาพยายามเค้นสมองหาภาษาอังกฤษในหัวออกมา “Do you remember me?”

คนตรงหน้าพยักหน้ารับ

ซอนโฮยิ้มกว้าง “My name is Seonho.” เขาออกเสียงชื่อตัวเองช้า ๆ คนตรงหน้าพยายามออกเสียงตาม

“ซอน…โฮ…?”

“อืม what’s your name?”

เจ้าของใบหน้าขาวตัดกับริมฝีปากแดง ๆ ที่ซอนโฮประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในร้านอาหารของญาติช่วงคริสต์มาสยิ้มหวาน ก่อนเอ่ยตอบเขา

“Kuanlin.”

 

 

 

 

 

เอ็ดเวิร์ดคิดว่า ชื่อภาษาจีนของเขาน่าจะออกเสียงง่ายกว่าสำหรับคนเกาหลี และก็จริงดังคาด พอเขาแนะนำตัวไป ซอนโฮก็พยายามขยับปากออกเสียงตาม

“ควานลิน?”

“ก้วนหลิน”

“ก้วน…ลิ้น?”

เห้อ

“ควานลิน” เขาให้อีกฝ่ายกลับไปเรียนแบบแรกที่เรียก เรื่องวรรณยุกต์คงไม่ใช่เรื่องที่คนเกาหลีเชี่ยวชาญ เขาเข้าใจ พอซอนโฮเห็นเขายอมรับคำเรียกแล้วก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมอีก จนเขางง

“Why are you here?” ซอนโฮถามเขา ท่าทางประหลาดใจ “I thought you flew back to the States.”

“Yes, I was.” เขาตอบกลับ “And I’m here right now because my parents need to go on an errand.”

เห็นอีกฝ่ายทำหน้างงกลับมา น่าจะเพราะฟังไม่ทัน เขาก็ถอนหายใจ กลับไปนอนที่บ้านน่าจะดีกว่าออกมาข้างนอกหรือเปล่านะ

“เฮ้” แต่ยังไม่ทันไร ซอนโฮก็เรียกเขาอีกครั้ง

“What?”

“My school is over.” อีกฝ่ายพยายามพูด แม้จะตะกุกตะกักอยู่บ้าง “I think you don’t have any friends here, so…”

เอ็ดเวิร์ดมองอีกฝ่าย รอคอยให้พูดต่อ

“…Do you want to go with me?”

 

 

 

 

 

แด๊ดเคยบอกว่าเขาเป็นคนเชื่อคนง่าย แต่เอ็ดเวิร์ดไม่คิดแบบนั้นเลย ถึงแม้พอซอนโฮเสนอตัวจะพาเขาเที่ยวรอบ ๆ นี้ เขาจะตอบตกลงทันทีก็ตาม

ก็เคยเจอกันแล้วนี่นา ต่อหน้าแด๊ดกับป๊าเขาด้วย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว ญาติซอนโฮก็ดูรู้จักที่บ้านเขาดี ไม่มีปัญหาอะไรหรอก

คิดได้ดังนั้น เอ็ดเวิร์ดก็ยืนรอซอนโฮไปหยิบข้าวของ ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนการสนทนาจากการคุยกันข้ามรั้วเป็นคุยกันโดยไม่มีอะไรกั้นกลาง ซอนโฮสวมชุดนักเรียนเต็มยศ บ่าข้างหนึ่งสะพายกระเป๋า ยืนยิ้มกว้างให้เขา พอยืนเผชิญหน้ากันอย่างนี้แล้ว เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าตนเองสูงกว่าอยู่นิดหน่อย

“You’re shorter than me?” เขาพูดยิ้ม ๆ “Interesting.”

ซอนโฮเลิกคิ้ว “พูดอะไรของเขา”

แน่นอนว่าเอ็ดเวิร์ดฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็ขยับตัวเปิดทางให้ซอนโฮเดินนำ ขณะที่เด็กนักเรียนเดินยิ้มท่าทางเริงร่าจนน่าหมั่นไส้ ก็ยังหันมาถามเขา

“Where would you like to go?”

เอ็ดเวิร์ดเอียงคอคิด “Anywhere. Just go around here.”

จริง ๆ เขาก็อยากไปไกล ๆ อยู่หรอก แต่เพราะตั้งใจจะออกมาเดินเล่นไม่ไกล เลยไม่ได้หยิบเงินมาเยอะมาก เกิดต้องขึ้นรถไฟหรืออะไรแบบนี้คงไม่มีเงิน

ซอนโฮฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงัก พาเขาเดินข้ามถนนจากหน้าโรงเรียนมาเดินฝั่งสวนสาธารณะติดแม่น้ำ

จริง ๆ เรื่องที่น่าสงสัยกว่าการที่เขาตอบตกลงออกมาด้วยกันง่าย ๆ คือการที่ซอนโฮดูสนอกสนใจอยากทำความรู้จักกับเขานักหนา เอ็ดเวิร์ดจำได้ตั้งแต่จดหมายเล็ก ๆ ที่เขียนพับมาให้ตอนส่งเมนูให้เขาตั้งแต่คริสต์มาส คำว่า Nice to meet you ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่เคยพูดอะไรกันสักคำนั้นทำเอาเขาอดขำไม่ได้ พอตอนนี้ได้แนะนำตัวกันแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าซอนโฮจะยิ้มอะไรนักหนาเวลาเห็นหน้ากัน

“Seonho.” เขาเรียก คนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทางเลยหันมามอง

“I wanna play basketball.”

พอเขาบอกไป อีกฝ่ายก็นิ่งเหมือนประมวลผล ก่อนจะทำหน้าเข้าใจ

“ได้สิ” พูดเป็นภาษาเกาหลีเหมือนคิดว่าเขาจะเข้าใจ แต่ดูจากบริบทแล้วน่าจะเป็นการตอบรับ “Follow me!” แล้วก็เอื้อมมือมาคว้าแขนเขาให้เดินตามไปเร็ว ๆ

เอ็ดเวิร์ดกะพริบตาปริบ ๆ มองแขนตัวเองที่โดนกุมไว้แต่ก็ไม่พูดอะไร

 

 

 

 

 

ลูกบอลสีส้มลอยละลิ่วลงสู่ห่วงแม่นราวกับจับวาง เสียงปรบมือและเสียงเป่าปากดังมาจากรอบทิศ เจ้าของลูกชู้ดโพรเจ็กไทล์อันแสนงดงามยิ้มกว้างกึ่งภูมิใจกึ่งเขินให้กับคนรอบข้าง และนั่นทำให้ยูซอนโฮอดยิ้มตามไม่ได้

“เชี่ย น่ารักจังวะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มพึมพำภาษาเกาหลีขึ้นมา ก่อนจะหันมาหาเขา “ซอนโฮ ใครวะ”

เขาอมยิ้ม ไม่ตอบ ขณะที่ควานลินเดินตรงมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มโชว์เหงือกแดง ๆ

“Great!” เขาชม ควานลินชูนิ้วโป้งเป็นทำนองว่า แน่สิ ใส่เขา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทำเป็นไม่เห็นสายตาสนอกสนใจของคนรอบข้าง

ห่างจากโรงเรียนเขาไม่มาก มีกลุ่มสตรีทบาสที่ซอนโฮชอบมาเล่นด้วยอยู่ โชคดีที่วันนี้พวกนี้โผล่มาแถวนี้พอดี เขาเลยไม่ต้องไปวุ่นวายหาลูกบาสมาให้ควานลินลองเล่น อีกฝ่ายพอเห็นสตรีทบาสก็ดูตื่นเต้น ท่าทางจะชอบมากจริง ๆ และเมื่อได้เห็นลีลาการเล่นก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีฝีมือในระดับหนึ่ง

“ควานลิน” เขาเรียก เจ้าของชื่อก็หันตาใส ๆ มาสบ โอย น่ารัก “You’re a player? I mean, are you a basketball player at your school?”

คนฟังพยักหน้ารับ พร้อมกับยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “I’m good at it, right?”

ซอนโฮยิ้มขำ ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดนั้นเพราะอีกฝ่ายเก่งจริงอย่างที่ว่า ทำเอาประธานชมรมบาสเกตบอลอย่างเขาอยากดึงตัวมาเข้าทีมเลย (ถ้าอยู่โรงเรียนเดียวกัน)

พวกเขาเล่นกันอีกสักพักก็ขอตัวแยกออกไป ควานลินดูตื่นเต้นกับทุกอย่างรอบข้าง ตั้งแต่สนามบาสในสวนสาธารณะ ลูกหมาที่เดินผ่านไป ดอกไม้ที่เริ่มบานรับฤดูใบไม้ผลิ ร้านค้าขายของอีกฟากของถนน จนซอนโฮรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดูแลเด็ก ควานลินที่เดินเล่นจนเหงื่อออกแก้มขึ้นสีไปหมด เขาเลยอาสาไปซื้อน้ำเย็น ๆ มาให้

“ไปด้วย” อีกฝ่ายพูด แต่คราวนี้ทำเอาเขางง เพราะเป็นภาษาเกาหลี

“พูดภาษาเกาหลีได้เหรอ”

ควานลินทำหน้างง โอเค

“Do you understand Korean?”

คนโดนถามครุ่นคิด ก่อนจะค่อย ๆ ตอบ “Actually, no. I understand only a few words.”

“Like?”

“…안녕하세요. (อันยองฮาเซโย)”

ซอนโฮขำพรืด จนควานลินยู่หน้าใส่ “It’s a very simple word. I know.”

“Anything else?”

ควานลินนึกอยู่ครู่หนึ่ง “얼마예요? (ราคาเท่าไหร่)”

โอเค เข้าใจละ ซอนโฮพยักหน้ารับยิ้ม ๆ “Come with me, I will teach you more than you know.”

 

 

 

 

รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีแดง เฉดสีที่คละกันอยู่เบื้องบนทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องมองนาฬิกา และพบว่าเย็นมากแล้ว

ตาย ป๊าจะด่าไหมเนี่ย

“ควานลิน” เขาได้ยินเสียงเรียก ซอนโฮเดินมาหาเขาที่หยุดยืนมองฟ้า “what’s wrong?”

“I think it’s time to go back home.” เขาพูดเสียงเจื่อน ๆ “But you’ve already bought the tickets…”

ใช่ เขาเพิ่งชวนซอนโฮดูหนังกันสักเรื่องก่อนกลับเพราะคิดว่าน่าจะยังไม่ค่ำมาก แต่ดูท่าทางแล้ว กว่าจะออกจากโรงคงดึกน่าดู

ซอนโฮยิ้มให้เขา ท่าทางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร “It’s fine. Don’t worry. I will walk you home.”

คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยกับประโยคนั้น สารภาพว่าถ้าซอนโฮไม่พาเขาเดินกลับ เอ็ดเวิร์ดน่าจะต้องได้เปิดแผนที่ดูทางกลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงยิ้มรับความปรารถนาดีที่มาในเวลาพอเหมาะพอเจาะนั้น

ซอนโฮหายไปเข้าไปแถวหน้าที่ขายตั๋วครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาหาเขาในอีกสิบนาทีถัดมา พอถามไปถามก็ได้ความว่าอีกฝ่ายเอาตั๋วไปขายต่อให้คนอื่น พอคืนค่าตั๋วหนังกันแล้ว ก็เอาเงินไปซื้อไอติมกินแทน

พวกเขาเดินไปกินไอติมไป สารภาพว่าเวลาคุยกันเอ็ดเวิร์ดก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ภาษาอังกฤษของซอนโฮไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้ฟังยากจนฟังไม่ออกเลย แถมยังชอบหลุดภาษาเกาหลีมาอีกด้วย (หลายคำจนเขาคิดว่าจะกลับไปถามป๊ากับแด๊ดว่ามันแปลว่าอะไรบ้าง) แต่ท่าทางที่พยายามสื่อสารกับเขาทำให้เอ็ดเวิร์ดยอมพูดให้ช้าลง แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมากขึ้น ซอนโฮก็พยายามสอนหลายคำให้เขา น่าเสียดายที่พวกเขาได้คุยกันแป๊บเดียว

“When will you come back here?”

ซอนโฮถามเมื่อเขาบอกว่ามะรืนนี้ก็กลับอเมริกาแล้ว เอ็ดเวิร์ดอึ้งไป ก่อนจะตอบเสียงเบา

“…I don’t know.”

“…งั้นเหรอ” ซอนโฮพึมพำภาษาเกาหลี “แต่อย่างน้อยก็ได้คุยกันตั้งนานนี่นะ” แล้วก็พูดประโยคยาว ๆ ที่เขาไม่เข้าใจ

เอ็ดเวิร์ดเลิกคิ้ว แต่ซอนโฮก็ไม่ได้แปลประโยคเมื่อครู่ให้เขาฟัง จนพวกเขามาถึงแถวบ้านของเอ็ดเวิร์ด จากตรงนี้เขาเดินกลับไปเองได้แล้ว

“ควานลิน”

ซอนโฮเรียกเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาหันมารอฟังโดยไม่ได้พูดอะไรแทรก

“You know, I think it’s destiny.”

คนฟังเลิกคิ้วสูง “What?”

“To know you, and to meet you today.” ซอนโฮยิ้มกว้าง “I don’t know when we’ll meet again, but I believe that we will meet, someday.”

เอ็ดเวิร์ดเม้มปาก เขาคิดอยู่นานว่าควรพูดดีไหม แต่สุดท้ายก็พูดมันออกไป

“Seonho, you know there’s something call ‘social network.’

 

 

 

 

 

เอ็ดเวิร์ดถึงบ้านตอนหกโมงครึ่งพอดิบพอดี แด๊ดเป็นคนเปิดประตูให้เขา

“ไปไหนมาล่ะตัวแสบ มาเล่าให้ฟังหน่อย”

เขายิ้มกว้าง เดินตามแด๊ดเข้าไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี แด๊ดเปิดหนังดูทิ้งไว้อยู่ ส่วนป๊าไม่รู้อยู่ไหน

“ป๊าล่ะครับ”

“ออกไปซื้อของน่ะ เดี๋ยวกลับมา มื้อเย็นไง ขี้เกียจออกไปข้างนอก”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับรู้

“สรุปว่า” แด๊ดเหลือบมามองเขา “ไปไหนมาบ้าง”

“ก็แถว ๆ นี้” เขาตอบ หยิบมือถือมากดดู “ไปเล่นบาส แล้วก็เดินเล่น”

“เล่นบาส? กับใคร”

“เด็กแถวนี้”

แด๊ดเลิกคิ้ว “คุยกันรู้เรื่อง?”

“กีฬาคือภาษาสากลนะแด๊ด”

แด๊ดทำหน้าไม่เชื่อเขา แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้ขยายความ เขาลังเลใจว่าควรเล่าเรื่องซอนโฮให้ฟังดีไหม แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาของทั้งคู่ตอนซอนโฮส่งจดหมายน้อยให้เขา ควานลินคิดว่า ควรเงียบไว้ก่อนดีกว่า

เขาหยิบมือถือมาเปิดดู ดูรูปล่าสุดที่เซฟไว้แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเปิดเข้าโปรแกรมแชตแล้วพิมพ์ข้อความหาคนที่เพิ่งแลกช่องทางติดต่อกันมา

 

ขอบคุณนะ

ซอนโฮ

 

 

FIN

 


 

20180330

หนีงานมาเขียนฟิคนิดหน่อย

ช่วงนี้เอ็นดูน้องหลินมาก ๆ น่ารักมากหลานยาย (???) ส่วนน้องยูก็เหมือนจะมีอัลบัมเร็ว ๆ นี้ ไม่ได้ตามเท่าไหร่แต่เห็นผ่านทล.บ่อย ๆ ยินดีด้วยนะค้า

เจอกันตอนหน้า เมนต์ได้ตามสะดวก หรือแท็ก #wirunfic ในทวิตเตอร์เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ

[แปล] สัมภาษณ์แจ็คสัน จากนิตยสาร GLASS Men

Source: @dramapotatoe (scan)

Trans: English -> Thai – WIRUNYUPHA

ห้ามรีโพส / ถ้าจำเป็นต้องนำบางส่วนออกไป กรุณาเครดิตกลับมาที่นี่ด้วยค่ะ (ไม่งั้นก็จ่ายค่าเรียนภาษาอังกฤษดิฉันมา)


 

GLASS Men Magazine, Spring 2018, UK

 

 

ยินดีต้อนรับ แจ็คสัน หวัง

ป๊อบสตาร์ที่โด่งดังที่สุดที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ — จนถึงตอนนี้

DZCloSwVAAEh75F

ถ่ายภาพ SAAM Kim

สไตลิสต์ RAYMOND Chae

 

 

แจ็คสันหวังพร้อมจะงีบหลับแล้ว

“ไม่แน่หลังจากสัมภาษณ์นี้ ผมอาจจะพอมีเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อผ่อนคลาย” เขาเอ่ย ระหว่างที่กำลังเคี้ยวคิมบับ อาหารว่างของเกาหลี “ผมไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”

เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งน่าดูสำหรับหนุ่มเชื้อสายฮ่องกงผู้เป็นนักร้องและแร็ปเปอร์เกาหลีอยู่ที่เกาหลี และดูเหมือนว่าจะยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงอายุเพียงแค่ 24 ปี เขาได้รวบรวมกองทัพแฟนคลับและชื่อเสียงในเอเชียในฐานะสมาชิกของวงไอดอลเกาหลี GOT7 และในฐานะของดาราดังในเกาหลีและจีน ผู้ติดตามกว่าเก้าล้านคนของเขาในอินสตาแกรมต่างคลั่งไคล้ในทุกอิริยาบถของเขา และบล็อกอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตามทุกอย่างของเขา แฟชั่น สุขภาพ แม้กระทั่งการเปลี่ยนทรงผม

หวังเป็นอดีตนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพที่เคยได้รับการฝึกฝนเพื่อเข้าแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2012 ที่ลอนดอน แต่แผนอาชีพของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงสองปีก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม เมื่อ JYP Entertainmant บริษัทจากเกาหลีที่มีชื่อเสียงพบความสามารถของเขา และให้เขาเข้าร่วมออดิชั่นเป็นส่วนหนึ่งของวงนักร้องน้องใหม่ JYP ที่มีประวัติศาสตร์การสร้างไอดอลเอเชียที่ประสบความสำเร็จมากมายทั้ง Wonder Girls และ Rain ได้เซ็นสัญญากับหวังเป็นชิ้นส่วนใหม่ใน 7 ชิ้นส่วนสำคัญของวงป๊อบชายล้วน GOT7 สำหรับเด็กที่ทั้งชีวิตเป็นนักกีฬาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ความคิดที่ว่าจะได้ไล่ตามฝันของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย

“พ่อของผมเป็นโค้ชนักกีฬาฟันดาบ ส่วนแม่เป็นโค้ชนักกีฬายิมนาสติก ผมเติบโตมาในครอบครัวนักกีฬา” หวังอธิบาย “แต่ท้ายที่สุดของวันนั้น ผมบอกตัวเอง ‘ทำไมไม่ลองพยายามดูสักหน่อยล่ะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียนี่'”

จิตใจที่ไหลไปตามกระแสน้ำนี้เสริมให้หวังใช้ชีวิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้อย่างดี ในฐานะผู้ที่ได้เตรียมตัวเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จร่วมกับ GOT7 ขณะเดียวกันก็สร้างชื่อของตัวเองให้ปรากฏในรายการแข่งขันเรียลลิตี้ที่โด่งดังในเกาหลี แต่มันเป็นปณิธานและธรรมชาติที่ชื่นชอบการแข่งขันของเขา ที่จะทำให้ตัวของเขาพร้อมสำหรับบทใหม่ ๆ — ปะทุขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง

DZCloSvVMAAaiEx

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ศิลปินเกาหลีพยายามจะสร้างชื่อของตนออกนอกบ้านเกิด ขณะที่ความสำเร็จของ Gangnam Style ของ PSY กลายเป็นความแปลกใหม่ ความรุ่งเรืองของนักร้องเคป๊อบอย่าง CL และ BTS ในอเมริกา มอบเขตแดนใหม่ ๆ ให้ชาวเอเชียได้ตั้งเป้าหมาย และหน้าใหม่หลายคนก็เชื่อว่าตนเองสามารถตีตลาดนานาชาติได้

หวังที่ได้ฝ่าฟันมาถึงระดับนานาชาติก็คิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วเหมือนกัน

หวังเกิดในครอบครัวคนจีน เติบโตมาโดยพูดจีนกวางตุ้ง จีนเซี่ยงไฮ้ (ครอบครัวของแม่ของเขามาจากเซี่ยงไฮ้) จีนกลาง และภาษาอังกฤษซึ่งเป็นผลมาจากการเรียนที่ American International School ได้

เมื่อเขามาอยู่ที่โซลเพื่อร่วมกับ GOT7 หวังไม่ได้พูดภาษาเกาหลี แต่ก็เรียนรู้มันได้จากการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอีกหกคนในกลุ่ม (แม้ว่าหนึ่งในสมาชิกจะเป็นคนไทยและอีกคนเป็นไต้หวัน-อเมริกัน แต่กลุ่มก็แสดงเป็นภาษาเกาหลีเสียส่วนใหญ่)

“สมาชิกคนอื่น ๆ ใน GOT7 ช่วยเหลือผมมากในการเรียนรู้ภาษาเกาหลี และทักษะภาษาเกาหลีของผมก็พัฒนาขึ้นมากเมื่อได้ไปออกรายการเรียลลิตี้ต่าง ๆ” หวังกล่าว

ตั้งแต่การเดบิวต์ในปี 2014 GOT7 ประสบความสำเร็จอย่างมากในเอเชีย บัตรคอนเสิร์ตทัวร์ที่ขายหมดเกลี้ยง และอัลบัมที่ติดสามชาร์ตที่มีชื่อเสียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าทางตื่นเต้นจากการได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดังในเกาหลี

“มันยากมาก” หวังเสริม “และกดดันมาก ชีวิตการเป็นเด็กฝึกมันสับสน มันจะง่ายที่จะโดนเปลี่ยนตัวออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ [สำหรับวง]”

เขาหยุดไป ราวกับกำลังคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด ขณะสัมภาษณ์ ศิลปินเกาหลีจะมีผู้จัดการ และนักเขียนกดดันให้พูดตอบอย่างจริงใจ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ แต่สถานการณ์ตอนนี้มีเพียงหวังคนเดียว เขาไม่อยากจะก้าวข้ามมาสู่การท้าทายหรือต่อต้าน แต่ก็ยังคงกล่าวว่า “เรามีสอบทุกอาทิตย์ แล้วก็ต้องผ่านทุกการสอบ ผ่านการสอบ ผ่านการสอบ ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องออกไป มันยากกว่าการเป็นนักกีฬาเสียอีก

DZCloSwVwAEAelo

“ในอุตสาหกรรมบันเทิง 365 วัน 24 ชั่วโมง คุณทำงานทุกวัน ทุกวินาที” เขาพูด “อย่างน้อยในการแข่งขันกีฬา” เขาเสริมว่า “คุณยังต้องพักผ่อน หลังจากการแข่งขันหรือหลังจากฤดูกาลนั้น คุณก็ต้องพัก”

กีฬาสอนหวังให้รู้จักความมานะอดทน และเตรียมตัวเขาให้พร้อมสำหรับแผนงานใหม่ ๆ อัลบัมเดี่ยวที่เขาคาดว่าจะได้ปล่อยก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่เป็นนักกีฬาฟันดาบ หวังจะฟังเพลงแร็ปและฮิปฮ็อปเพื่อสร้างอารมณ์ก่อนการแข่ง เขากล่าวว่าอิทธิพลเหล่านั้นจะปรากฏชัดในเพลงใหม่ของเขา “มันเป็นเพลงฮิปฮ็อปที่มีกลิ่นอายของ R&B อยู่นิดหน่อย” เขากล่าว อ้างถึง Kendrick Lamar, Gucci Mane และ Logic ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขา รวมถึงไอดอลตลอดกาลของเขา “ไมเคิล แจ็คสัน”

ถึงแม้เขาจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของ GOT7 ที่มีข่าวลือว่าวงจะปล่อยเพลงใหม่ในฤดูใบไม้ผลินี้ หวังยังคงกระตือรือร้นที่จะค้นหาเพลงของเขา ช่วงเวลาของเขา

“ใน GOT7” เขาอธิบาย “สไตล์เพลงของเราเป็นส่วนผสมระหว่างความคิดของคน 7 คน ถ้าเราเป็นสายรุ้ง ผมก็เป็นสีหนึ่งในนั้น”

“แต่เพลงของผมมีแค่ตัวผม” เขากล่าวต่อ “มันคือสิ่งที่ผมอยากทำจริง ๆ และคือสีของผมจริง ๆ”

“ผมคิดว่าการทำเพลงให้ดีเท่า ๆ กับการทำการแสดงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะตอบแทนแฟนคลับที่สนับสนุนและรักผม ดังนั้นผมจะทำให้ดีที่สุดทั้งในการทำเพลงและการฝึกซ้อม ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เจอแฟน ๆ ทั่วโลกตลอดเวิลด์ทัวร์ของ GOT7 และกิจกรรมเดี่ยวของผมปีนี้ ผมตั้งตารอคอยเลยล่ะ!”

ซิงเกิลแรกของหวัง Papillon ปล่อยมาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา และได้ปรากฏใน Worldstar บล็อกฮิปฮ็อปที่(บางครั้งยังคงถกเถียงกันอยู่ว่า)มีอิทธิพลมาก หวังเป็นแร็ปเปอร์จีนคนแรกที่ได้ร่วมอยู่บนเว็บไซต์นี้ และความคิดเห็นต่าง ๆ ก็เปิดกว้างให้กับเพลงของเขาอย่างน่าประหลาดใจ ซิงเกิลที่สองที่เป็นสไตล์ Sino-Korean ชื่อ OKAY ได้รับความสนใจจากนิตยสาร Billboard

หวังได้สร้างสตูดิโอของตนเองที่บ้านในโซล และขณะนี้ก็อาศัยอยู่กับโปรดิวเซอร์ของเขา เพื่อจะทำอัลบัมของเขาให้เสร็จ ในช่วงที่ปรากฏตัวและมีสัญญาอยู่กับ GOT7 เขาเริ่มทำเพลงของตัวเอง และเขียนเพลงให้ตัวเอง (เพลงส่วนใหญ่ของวงเขียนให้พวกเขาทั้งวงร้อง) นอกจากการแร็ปและฮิปฮ็อป ช่วงนี้หวังยังฟังเพลงอิเล็กโทรนิกส์ของ DJ ต่าง ๆ และเพลงแดนซ์ เขาได้กล่าวถึง Knife Perry, Krewella และ Tom Size ว่าเป็นดีเจที่เขาชื่นชอบ

นอกจากเรื่องดนตรี หวังยังมองหาการเป็นนักแสดงด้วย แม้ว่าเขาจะปรากฏตัวในรายการของเกาหลีและจีน หวังกล่าวว่าทีมของเขาจะเตรียมตัวทดลองไปฮอลลีวู้ด ขณะที่หวังดูเหมาะจะเล่นโรแมนติกคอเมดี้ และละครวัยรุ่น หวังกล่าวว่าการออกโซโล่ช่วยส่งให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในอุตสาหกรรมนี้

เขามีหน้าที่รับผิดชอบเต็มไปหมด และการมุ่งสู่ตลาดนานาชาติก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ถ้าจะมีใครที่อดทนต่อสิ่งนี้ได้ ก็คงเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมากับการประลองฝีมือต่อสู้ด้วยอาวุธความยาวสามฟุตบนสนามการแข่งกว้างสองเมตร

“การฟันดาบช่วยหลายต่อหลายอย่างในชีวิตของผม” หวังกล่าว “มันสอนให้ผมตั้งใจและมีปณิธานที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อผมอุทิศตัวเองให้กับสิ่งใดแล้ว” เขาพูด “ผมจะไปให้สุดทาง และจะไม่ยอมแพ้”

โดย Tim Chan

 

 

#wirunfic – A Peaceful Day (Jinyoung/JB)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jinyoung/JB

 

A Peaceful Day

Wirunyupha


 

 

 

อิมแจบอมเป็นคนน่ารัก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยรับรู้ความจริงข้อนี้

ถึงอย่างนั้นความน่ารักของเขาก็เป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นในสายตาของพี่ใหญ่ของวง คนที่เกิดรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นน้อง หลังจากผ่านช่วงที่ทุกคนรู้สึกว่า ‘หัวหน้าวงของพวกเราช่างน่ากลัวเหลือเกิน’ ไปจู่ ๆ ก็เข้าสู่ช่วง ‘หัวหน้าวงของพวกเราน่ารักจริง ๆ’ โดยเฉพาะอย่าง สิ่งที่จินยองจะได้เห็นทุกครั้งที่เขาตื่นเช้า

“นี่” มีเสียงลอดออกมาจากห้องของหัวหน้าวง ขณะที่จินยองเพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จและกำลังจะตรงไปที่ครัว “นายจะมาเลียหน้าฉันทุกเช้าไม่ได้นะ คุนท่า”

พี่แจบอมเป็นพวกพ่อบ้าน หรือก็คือมนุษย์ผู้ชายทาสแมว ยอมแพ้ให้กับแมวทุกตัวบนโลก ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกแมวที่นอนยึดเตียงตัวเองแต่กล้าไปเบียดเบียนเตียงห้องพี่ใหญ่ของวง (ที่เกรี้ยวกราดกับทุกคนยกเว้นคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ทุกเช้าจินยองจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายคุยงุ้งงิ้งกับแมวในห้อง บ่นบ้างอะไรบ้าง แต่ก็เพียงเท่านั้น สักพักแจบอมก็จะออกมาจากห้องด้วยสีหน้าง่วง ๆ

วันนี้ก็เช่นกัน

“…ไง จินยอง”

“ไงครับพี่”

“กินอะไรปะ”

“พี่จะทำให้เหรอ”

“อืม” แจบอมขยี้ตา ท่าทางจะยังไม่ตื่นดี “แต่ขอไปล้างหน้าล้างตาก่อน”

“ทอดไข่ก็พอครับ เดี๋ยวผมหุงข้าวไว้ให้”

“โอเค”

แล้วแจบอมก็เดินเข้าห้องน้ำไป

จินยองมองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายไปด้วยความเอ็นดู ท่าทางสะลึมสะลือแบบนั้น คงโดนเจ้าแมวสามตัวป่วนทั้งคืนอีกสิท่า เขาคิดแล้วก็ส่ายหัวขำ ๆ ก่อนจะเดินเข้าครัวไปหุงข้าวตามที่บอกไว้

 

 

 

 

 

นอกจากฉายา ‘พ่อบ้าน’ ที่ได้มาจากการเป็นทาสแมวแล้ว อิมแจบอมยังมีทักษะสมฉายาของตัวเองอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นคือฝีมือการทำอาหารที่ล้ำกว่าทุกคนในวง ระดับที่ถ้าเป็นผู้หญิง พวกเขาคงอยากขอพี่แจบอมแต่งงานเพื่อจะมีอาหารอร่อย ๆ กินไปทุกเช้าในช่วงชีวิต

แต่แม้จะพี่แจบอมจะไม่ได้เป็นผู้หญิง และจินยองยังไม่ได้ขอแต่งงานไปจริง ๆ (?) ตอนนี้เขาก็ยังโชคดีได้กินอาหารเช้าฝีมือหัวหน้าวง ไข่เจียวกับข้าวถ้วยเล็ก ๆ และกิมจินับเป็นอาหารเช้าที่ดีในวันหยุดแบบนี้

ขณะนี้เวลาจวนจะสิบโมง พี่มาร์คส่งข้อความมาบอกเขาในคาทกว่าออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับก็คงเย็น ส่วนยูกยอมกลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ดังนั้นหอพักในวันนี้จึงมีเพียงพวกเขาสองคน เป็นความสงบที่นาน ๆ จะมี แม้จะเหงาไปบ้างเพราะคนน้อยกว่าปกติ แต่เพราะหลัง ๆ เด็ก ๆ ในวง (รวมมาร์คไปด้วย) ชอบทิ้งไปหาพวกย้ายไปอยู่ข้างนอก ๆ บ่อย ๆ พวกเขาเลยเฝ้าหอกันจนเริ่มชินแล้ว ถึงขั้นที่จินยองเคยยุให้พี่แจบอมปล่อยแมวออกมาเดินเล่นในห้องแก้เหงาเลย แต่พี่แจบอมก็ไม่ทำเพราะกลัวแมวเสียนิสัย

พวกเขากินอาหารเช้ากันเงียบ ๆ เป็นกิจวัตรที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แจบอมไถหน้าจอไปด้วยตอนกินข้าว ท่าทางจะเช็กข่าวอะไรสักอย่าง จนเม็ดข้าวติดริมฝีปาก เห็นแล้วจินยองอดทักไม่ได้

“พี่แจบอม กินดี ๆ สิ เลอะแล้ว”

“หือ?” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเขา ท่าทางงง ๆ จินยองถอนหายใจขำ ๆ ปกติก็เนี้ยบจะตาย ทำไมวันนี้กลายเป็นแบบนี้ไปได้

“ข้าวเลอะปาก” เขาพูดอีกรอบ ชี้ที่มุมปากเจ้าปัญหา แต่เหมือนสติของพี่แจบอมจะยังไม่ออกมาจากหน้าจอมือถือ สิ่งที่เขาสื่อสารไปจึงล้มเหลว

จินยองถอนหายใจ หยิบทิชชู่มาแผ่นหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบเศษข้าวจากมุมปากให้ พี่แจบอมยังทำหน้างงอยู่ ทั้งที่เขาทิ้งทิชชู่แผ่นนั้นลงถังขยะไปแล้ว

“พี่อ่านอะไร ทำไมเหม่อเชียว”

“ก็ทั่วไป” พี่แจบอมตอบหลังจากได้สติ “หนังสือออกใหม่ น่าอ่านดี คิดว่าจะสั่งให้มาส่งที่นี่”

“เล่มเก่าอ่านจบหมดแล้วเหรอ”

“ใช่ อ่านไหม”

จินยองหัวเราะ “ไม่ล่ะ พี่อ่านยากไป ผมเข้าไม่ถึง”

คนฟังขมวดคิ้ว ทำปากมุ่ยเหมือนขัดใจ “ยากตรงไหนกัน” พึมพำแล้วก็กดมือถือต่อ

“พี่กินให้หมดก่อนแล้วค่อยเล่นก็ได้น่า” จินยองเอ็ด บางทีพี่แจบอมก็ทำตัวเด็กจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองต้องคอยดุอยู่เรื่อย

คนฟังยอมวางมือถืออย่างว่าง่าย แจบอมหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วมองหน้าเขา

“ทำไมครับ”

“ก็นึกได้ว่าวันนี้กินข้าวกันสองคน น่าจะสนใจนายหน่อย โทรศัพท์ค่อยดูทีหลังก็ได้”

คนฟังอึ้งไป ก่อนจะยิ้มขำจนตายิบหยี

 

 

 

 

 

กิจวัตรประจำวันในวันที่ต้องอยู่เฝ้าหอกันสองคนไม่มีอะไรมากนัก หลังจากกินข้าวเสร็จ จินยองก็ล้างจาน (เพราะวันนี้แจบอมทำอาหารไปแล้ว) แล้วพวกเขาก็จะต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัว เช่น จินยองเล่นคอม พี่แจบอมอ่านหนังสือ หรือกลับกัน หรือพิเศษหน่อยก็อย่างวันนี้

“ดูหนังกัน”

แจบอมเป็นคนชวน จินยองเลยยอมวางหนังสือที่อ่านทิ้งไว้วันก่อนลง คั่นไว้ด้วยที่คั่นหนังสือรูปดอกแดนดิไลอ้อน วางมันไว้บนโต๊ะ แล้วมานั่งที่โซฟากับอีกคน

คนชวนเป็นคนจัดการเลือกหนัง สามนาทีต่อมาพวกเขานั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ที่เปิดหนังจากเน็ตฟลิกซ์ ขณะที่ไตเติลของผู้ผลิตหนังกำลังขึ้น แจบอมก็ลุกวิ่งไปที่ครัว จนจินยองต้องเอื้อมมือไปหยิบรีโมตเพื่อกดพอส

แล้วแจบอมก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงขนมและเครื่องดื่ม นมสตรอว์เบอร์รี่สองขวด และซิกคเย[1] อีกสองกระป๋อง

“โอเค พร้อมแล้ว ดูต่อได้”

จินยองมองท่าทางพร้อมรบของอีกฝ่ายแล้วก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำมีเพียงยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางเหมือนเด็กของพี่ข้าง ๆ แล้วเอื้อมมือไปกดรีโมตให้หนังเล่นต่อ

 

 

 

 

 

ภาพยนตร์จบแล้ว จินยองยืดแขนขาหลังจากนั่งเกร็งติดต่อกันอยู่หลายนาที หน้าจอฉายเอนด์เครดิตของหนังพร้อมกับเพลงประกอบที่ดังขึ้นตลอดการเคลื่อนผ่านของตัวหนังสือสีขาวบนพื้นสีดำ เรื่องที่พวกเขาเพิ่งดูไปค่อนข้างเครียดเอาการ มีช่วงให้ลุ้นจนจินยองต้องคว้ามือพี่แจบอมมาบีบ และอีกฝ่ายก็บีบตอบกลับมาด้วย กว่าจะผ่านฉากดราม่าไปได้ ทิชชู่แทบจะหมดกล่อง และแน่นอนว่า 90% ของทิชชู่ที่ใช้ไปเป็นฝีมือพี่แจบอม

จิตใจอ่อนไหวผิดกับบุคลิกภายนอกเหลือเกิน

แต่จินยองก็ไม่ได้แปลกใจนัก ผู้ชายที่ชอบแมว ชอบดนตรี ชอบอ่านหนังสือ ถ้าจะเพิ่มความเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวอีกสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“ตาบวมหมดแล้วพี่” เขาหันไปมองหน้าเกลี้ยง ๆ ของคนอายุมากกว่า ตาเรียวตอนนี้บวมตุ่ยและแดงช้ำเพราะเสียน้ำตาหนักมากไป ปลายจมูกโด่งสวยแดงรั้นจนน่าสงสาร “เลิกร้องได้แล้ว”

“หยุดร้องแล้ว” แจบอมพึมพำ แต่เสียงยังสะอื้นอยู่เลย จนจินยองต้องยื่นมือไปลูบ ๆ หลังคออีกฝ่ายเผื่อจะช่วยให้อาการดีขึ้นบ้าง…หรือเปล่านะ

“พอ ยิ่งลูบยิ่งอยากร้องกว่าเดิม” แจบอมหันมาผลักเขาออกเบา ๆ จินยองจึงได้แต่ผละกลับไปนั่งที่เดิม ได้แต่มองหัวหน้าวงคนชิคพยายามเช็ดน้ำตาของตน

ตอนรู้จักกันใหม่ ๆ จินยองเข้าใจว่า พี่แจบอมเป็นคนร้องไห้ยาก แต่จริง ๆ ก็อย่างที่เขาบอก พี่แจบอมมีมุมที่อ่อนไหว อยู่ที่ว่าจะแสดงออกกับใคร และจินยองก็มักจะเป็นคนที่ได้รับโอกาสนั้นเสมอ อาจเพราะในหมู่พวกเขาทั้งเจ็ดคน เขาเป็นคนที่อยู่กับพี่แจบอมมานานที่สุดล่ะมั้ง ตั้งแต่ที่พี่แจบอมยังไม่ใช่ JB GOT7 จนถึงตอนนี้ พี่แจบอมที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจและไอดอลของเขาในตอนนั้น จนตอนนี้กลายมาเป็นพี่ชายที่เขานึกเอ็นดูอยู่บ่อย ๆ เพราะความละเอียดอ่อนแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองมีนั่นแหละ

หลายนาทีทีเดียวกว่าต่อมน้ำตาของแจบอมจะหยุดทำงาน จินยองปิดโทรทัศน์ไปนานแล้ว ขณะที่แจบอมนั่งถอนหายใจ คงเหนื่อยจากการเสียน้ำตาอย่างหนักนั่นแหละ

“พี่เข้าไปนอนไหม” จินยองเสนอ “เดี๋ยวบ่าย ๆ ผมปลุก”

“เข้าไปก็ไม่ได้นอนหรอก” แจบอมส่ายศีรษะขำ ๆ พูดถึงเจ้าแมวสามตัวที่ยึดห้องไปแล้วเรียบร้อย “เดี๋ยวนอนตรงนี้ก็ได้”

“เอางั้นเหรอ ก็ได้”

จินยองพยักหน้าเออออ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางทิ้งไว้เตรียมจะเปิดอ่านต่อ จังหวะนั้นเอง แจบอมขยับตัวมาใกล้เขา วางหมอนลงบนตัก แล้วทิ้งศีรษะลงนอน

“…”

“อะไรล่ะ ทำไมต้องทำหน้าตกใจ”

คนอายุมากกว่าพึมพำ ขณะที่จินยองนิ่งค้างไปเหมือนโดนสาป

ก่อนจะมีสติตอบกลับ “…พี่ไม่กลัวผมเมื่อยขาบ้างเหรอ”

“เมื่อยนายก็ขยับสิ ไม่ต้องเกรงใจ ขอนอนแป๊บเดียว” พูดจบก็อ้าปากหาวทีหนึ่ง ก่อนจะหลับตา “สักบ่ายโมงปลุกฉันแล้วกัน”

“…”

ไม่มีคำพูดใดจาปากจินยองอีก

เขานิ่งอยู่นาน หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาที ลมหายใจของคนบนตักก็สม่ำเสมอ จินยองมองเครื่องหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็อดยกมือไปลูบเบา ๆ ที่สันจมูกนั่นไม่ได้ อิมแจบอมเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง หลายคนพ่ายแพ้สายตามีเสน่ห์ของเขา แต่เวลาที่อีกฝ่ายหลับตาก็เป็นมุมที่น่ารักพอตัว

จินยองมองหนังสือในมือที่ยังไม่ได้เปิดกลับไปอ่าน สลับกับใบหน้าคนบนตัก แล้วก็ถอนหายใจขำ ๆ

ไม่รู้จะอ่านหนังสือต่อดีไหม ในเมื่อพี่แจบอมน่าสนใจกว่าหนังสืออีกเนี่ยสิ

 

 

FIN

 


 

 

20180320

พบกับ นยองปม เรื่องแรกของดิฉัน 5555555555

หลังจากที่หวีดความน่ารักของพี่แจบอมมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดก็คลอดฟิกออกมาค่ะ ฮือ ๆๆๆๆ ก็พี่แจบอมน่ารัก /กุมหัวใจ

ทั้งนี้ ลองพิมพ์สด ๆ ใน ReadAWrite เลย เพราะชอบหน้าตาเว็บค่ะ 5555555 หน้าตาเป็นมิตรมาก เพิ่งรู้ว่ามีแอป (…) อนาคตจะมาใช้เว็บนี้ให้มากขึ้นค่ะ (แล้วก็เอามาลงใน wordpress ด้วย ฮา)

แล้วเจอกัน คอมเมนต์ได้ ติดแท็ก #wirunfic ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ

เชิงอรรถ

  1. ^ น้ำข้าว รสชาติหวาน เป็นเครื่อมดื่มพื้นบ้านที่เป็นที่นิยมอของเกาหลี นิยมดื่มกันช่วงหน้าร้อน (พี่เป้.  (2556).  4 เครื่องดื่มประจำเกาหลีใต้ รู้ไหมมีอะไรบ้าง?.  เข้าถึงเมื่อ 20 มีนาคม 2561 จาก https://www.dek-d.com/studyabroad/31413/)