#wirunfic – I Just Wanna Try Something New (JB/Jinyoung)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: JB/Jinyoung


 

I Just Wanna Try Something New

Wirunyupha

Screen Shot 2017-08-27 at 8.03.24 PM

“สวยดีนี่ จะปิดทำไม” – @brownS2_94

“มันจะโอเคเหรอ”

“เออ ลองเหอะน่า”

“แน่ใจ?”

“ลองใส่ดูก่อน!”

เสียงที่เข้มขึ้นของรุ่นพี่คนสนิททำให้พัคจินยองยู่หน้าแต่ก็ยอมให้ก้านนิ้วเรียวของรุ่นพี่ผมแดงกดต่างหูปลอมลงที่ติ่งหูตัวเอง

“โอ๊ย!”

“ทนหน่อย!”

“มันเจ็บนะพี่!”

“ไม่เจ็บเท่าตอนเจาะจริงหรอกน่า” ริมฝีปากอิ่มบ่นอุบ พอเสร็จแล้วจึงผละออกมา แล้วยิ้มกว้าง “ไม่เลว”

“จริงอะ?”

“ไม่เชื่อฝีมือฉันหรือไง”

จินยองหรี่ตา มาร์คต้วนกลอกตามองบน

“กระจกมี ดูเอาเอง”

แล้วก็ย้ายร่างผอมบางของตัวเองออกไปจากตรงหน้าเขา จินยองหันไปมองกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่ในห้องน้ำมหาวิทยาลัย ห่วงเล็ก ๆ ที่หูนั่นแม้จะดูไม่ชินตาเขานัก แต่ภาพรวมก็ไม่มีอะไรน่าเกลียด

“…เหมือนไม่ใช่ผมเลยอะ”

“ก็ดูแปลกจริง ๆ”

เขาหันไปมองคนพูด

“ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี” มาร์ครีบแย้ง “แค่แปลกไปจากปกติ ก็ลองใส่ดู”

“อืม…”

เขายกมือขึ้นลูบโลหะตรงหูอย่างไม่มั่นใจนัก ทำเอาเจ้าของต่างหูตัวจริงถอนหายใจ

“ถ้าไม่มั่นใจก็ถอดเถอะ ฉันจะได้เอาไปขายคนอื่น”

“เฮ้ ผมซื้อแล้วไง” จินยองหันควับไปแย้ง

“แล้วทำไมต้องอยากใส่ ปกติไม่เห็นใส่เลยนี่ ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ”

รุ่นน้องเม้มริมฝีปาก ก่อนจะพึมพำเบา ๆ เสียแต่ว่าห้องน้ำแห่งนี้เงียบจนได้ยินแม้เสียงเข็มตก

“…อยากรู้ว่าพี่แจบอมรู้สึกยังไงน่ะ”

“อ๋อ…” มาร์คหลุดยิ้ม ก่อนจะพยายามกลั้นขำ “คนมีความรักนี่มันดีจังน้า”

รุ่นน้องที่มักเรียบร้อยอยู่เสมอยู่หน้าใส่ มาร์คยักไหล่ก่อนจะเร่งอีกฝ่ายให้ออกจากสถานที่แห่งนี้

“รีบออกไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเริ่มคาบบ่ายแล้วนี่”

จินยองมองนาฬิกาแล้วตกใจ “จริงด้วย”

“ฉันต้องไปละ มีนัดต่อ ชอบไม่ชอบยังไงส่งข้อความมาบอกด้วย”

“โอเค”

รุ่นพี่คนสนิทของเขาจากไปแล้ว แม้มาร์คกับจินยองจะมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ เขารักการอยู่เงียบ ๆ และอ่านหนังสือ เกลียดกิจกรรมนอกบ้าน ขณะที่มาร์คใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตอยู่นอกชายคา ท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ เหมือนชีวิตไร้พันธะ แต่ก็เพราะการได้รู้จักมาร์คจากกิจกรรมของชมรมรูบิกในมหาวิทยาลัย ทำให้เขาสนิทกับรุ่นพี่คนนี้มากขึ้น และก็มีโอกาสพบกับ อิมแจบอม รุ่นพี่ต่างคณะที่เป็นเพื่อนร่วมก๊วนของมาร์คอีกที

อิมแจบอมเป็นผู้ชายที่สะดุดตาจินยองตั้งแต่ครั้งแรก จริง ๆ เขาสะดุดตาคนค่อนมหาวิทยาลัยนั่นแหละ ก๊วนของมาร์คเหมือนศูนย์รวมคนหน้าตาดี อิมแจบอมคือหนึ่งในนั้น จินยองสะดุดกับไฝเล็ก ๆ  เป็นเอกลักษณ์ที่เปลือกตาของอีกฝ่าย สันจมูกโด่งเป็นรูปทรงรับกับรูปหน้าที่เห็นสันกรามชัด และบุคลิกเงียบ ๆ แต่จะยิ้มแย้มกับเพื่อนฝูงทำให้ดูเป็นคนมีหลายมุมให้น่าค้นหา และไม่รู้อะไรยังไง นอกจากเขาจะรู้สึกสนใจอีกฝ่ายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว อิมแจบอมก็ดูจะสนใจเขาอยู่ด้วย

ทั้งข้อความที่ส่งมาทักบ่อย ๆ หนังสือที่ชวนเขาอ่าน และการชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ

พวกเขาเข้ากันได้ดี เพราะอย่างนั้นจินยองจึงยินดีจะพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ และหวังว่าพี่เขาจะคิดเหมือนกัน หนึ่งในสิ่งที่จินยองอยากลองทำคืออยากก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเองบ้าง และเพราะวันก่อนเขาเห็นแจบอมใส่ต่างหูยาวมาเรียน จึงนึกสงสัยว่า ความรู้สึกเวลามีเครื่องประดับอยู่ที่หูเป็นอย่างไร ทว่าตัวเองก็ไม่ได้มีความกล้าจะเจาะหูขนาดนั้น ปัญหาที่ตามมามันเยอะ ไหนจะการดูแลอีก เขาจึงขอให้รุ่นพี่มาร์คช่วยหาต่างหูสำหรับคนไม่เจาะหูมาให้หน่อย และแน่นอนว่ามาร์คที่มีงานอดิเรกเป็นหุ้นส่วนขายเครื่องประดับกับแจ็คสัน หวัง ก็หาเครื่องประดับแบบนั้นมาให้เขาได้จริง ๆ

จินยองเข้าฟังเลคเชอร์โดยพยายามเมินสายตาสนอกสนใจของเพื่อนร่วมชั้นที่จดจ้องมายังเครื่องประดับที่หูของเขา มันแปลกมากนักหรือไงที่เขาใส่อะไรแบบนี้ แต่ถ้าถอดตอนนี้ก็ไม่รู้จะใส่ใหม่ยังไง อย่างน้อยก็แค่ทนจนถึงตอนที่ไปเจอพี่แจบอมเย็นนี้…

“พี่จินยอง ไม่เก็บของเหรอ”

เสียงทักทำให้เขาสะดุ้ง เป็นชเวยองแจรุ่นน้องร่วมเซคชั่นนั่นเอง เขายิ้มแหย ๆ ให้ก่อนจะเก็บข้าวของ ขณะที่รุ่นน้องเจ้าของแก้มกลม ๆ มองเขาอย่างสนใจ

“พี่ เจาะหูเหรอ”

จินยองรีบส่ายหน้า “เปล่า ๆ ของปลอมน่ะ”

“อืม…” ยองแจก้มมาใกล้ ๆ เขา “ดูดีนะ”

เขาเงยหน้ามามองอีกฝ่าย “จริงอะ?”

“อืม” ยองแจพยักหน้ารับ ๆ “ต่างหูสวยมากด้วยอะ ร้านไหนเนี่ย”

ยองแจก็เป็นอีกคนที่ชอบเล่นเครื่องประดับ ดูจากใบหูที่เต็มไปด้วยโลหะต่าง ๆ แล้ว ช่างขัดกับใบหน้าเรียบร้อยนั่นเหลือเกิน

“ร้านพี่มาร์คอะ”

“อ๋อ ร้านพี่มาร์คกับพี่แจ็คสัน” ยองแจพยักหน้ารับ “เดี๋ยวผมไปถามดูดีกว่า น่าจะมีแบบเจาะ”

“อืม…”

“พี่รีบเก็บของเถอะ”

เขากะพริบตาปริบ ๆ “ทำไมอะ”

“นู่นน่ะ” ยองแจพยักเพยิดมาด้านหลังเขา “พี่เขามารอนานแล้ว”

พอเขาหันกลับไป ก็เจออิมแจบอมยืนเป็นเสาหินอยู่หน้าประตูห้องเลคเชอร์

ยองแจโบกมือทักทายอีกฝ่าย และพี่แจบอมก็โบกมือตอบกลับมา เขาก็เลยต้องโบกมือตามไปด้วย

“ไปพี่” ยองแจเร่งเบา ๆ “เดี๋ยวพี่เขารอนาน”

“รู้แล้วน่า”

จินยองยิ้มให้รุ่นน้องก่อนจะบอกลา เขาเดินมาหาคนที่รออยู่ และเพราะอะไรไม่รู้ อาจเป็นการขาดความมั่นใจบางอย่าง มือจึงเผลอยกขึ้นปิดใบหูข้างที่ใส่ต่างหูอยู่ทันที

แจบอมเห็นเขาแล้วก็ยิ้ม “เป็นไงบ้างจินยอง”

“ก็ดี โทษทีที่ให้พี่รอนานนะ”

แจบอมไม่ว่าอะไร แต่เดินนำเขาให้ออกมาก่อน

จินยองมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่แจบอมจะหยุดเดินแล้วจ้องมองเขา

“…”

“…”

“…อะไรเหรอ พี่แจบอม”

แจบอมชี้ไปที่ติ่งหูตัวเอง “…เป็นอะไร”

“เอ่อ…”

“เป็นแผลเหรอ”

“เปล่า”

“งั้นก็เอามือออกสิ”

จินยองเม้มปาก ก่อนจะลดมือลง

แจบอมพิจารณาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเลิกคิ้ว “เอ๊ะ… อ้าว ไม่สิ แบบไม่ได้เจาะสินะ”

“…อืม”

“คิดไงถึงใส่เนี่ย”

“ก็แค่…” จินยองหลบสายตาอีกฝ่าย “…มันไม่เหมาะใช่ไหม”

“เปล่า” แจบอมสวนขึ้นมา “ดูดีมากเลย”

“…”

มือที่จับหูตัวเองเมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นปิดปากแทน เขาเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองสายตาคม ๆ ของคนตรงหน้าเลย

“…เขินหรือไง”

“…อืม”

“พูดงี้ฉันก็เขินตามสิ”

“ก็พี่ชมผมก่อน”

“ก็นายดูดีจริง ๆ นี่นา”

“…แปลว่าผมควรเจาะหูจริง ๆ เหรอ”

“ไม่อะ”

พอแจบอมพูดแบบนั้นเขาเลยหันกลับมามอง

“ห๊ะ?”

“อืม… ดูดีจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นนายแบบนี้เลย” ว่าแล้วแจบอมก็ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง “ไม่รู้สิ แบบ …ไม่เจาะน่ะดีแล้ว”

“…”

“…”

“…”

“…”

“…นายก็คงไม่อยากเจาะด้วยแหละ อย่าเลย แค่วันนี้ก็พอ”

จินยองไม่รู้จะพูดอะไร

พวกเขายืนกันอยู่หน้าห้องเลคเชอร์ ยังไม่เดินลงไปจากตึกเรียนเลย รอบข้างมีคนเดินสวนไปมาประปราย ฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีเข้ม ได้ยินเพียงเสียงสนทนาของคนอื่นไกล ๆ และเสียงรถราจากนอกอาคาร

“…พี่”

ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าควรจะพูดอะไรสักอย่าง

“ผมหิวแล้วนะ”

แจบอมลดมือที่ปิดหน้าตัวเองมาปิดปาก ก่อนจะพยักหน้ารับทั้งอย่างนั้น แล้วยื่นมืออีกข้างที่ว่างมาตรงหน้า

“…คือ?”

“จับมือกันหน่อยสิ”

“…”

จินยองวางมือลงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเป็นมองไม่เห็นใบหูที่ขึ้นสีจัดของอีกฝ่าย และความร้อนจัดบนหน้าของตัวเอง

ก็แค่จับมือเอง…

ก็แค่จับมือ…

ไม่มีอะไรสักหน่อย…

แต่ให้ตายเถอะ

หัวใจเต้นเร็วเป็นบ้าเลย

FIN


20170827

แหวกมาก แบบ เออ เห็นสาเหตุแล้วใช่ไหมคะ 55555555555555 นั่นแหละ มันอดไม่ได้จริง ๆ อะ ฮือ

JJ Project จบโปรโมตแล้ววว ;_; เสียดายจัง คงคิดถึงน่าดูเลย

ชอบไม่ชอบยังไงเมนต์ได้ด้านล่างและ #wirunfic นะคะ คิดถึงคอมเมนต์จังเลย แต่อินี่ก็ไม่อัปอะไรเลยเช่นกัน หนูเปิดเทอมแล้วค่า แง ๆ ดองฟิคไว้มากมาย ด่าได้ ไม่ว่ากัน 555555555555

เจอกันตอนหน้าเมื่อเวลาอำนวย ตอนนี้เหมือนข้อมือขวาจะมีปัญหาค่ะ คิดว่าจะพันเฝือกอ่อนแล้วจ้า กลัวเป็นนิ้วล็อก

เลิฟยอล

#wirunfic – There And Back Again (Jackson/Mark)

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

Rating: PG
Category: M/M
Fandom: GOT7
Relationships: Jackson Wang/Mark Tuan


 

There And Back Again

Wirunyupha

เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม #จาร์ควันอาทิตย์ หัวข้อ There and Back Again

 

“คนที่บ้านนายมีคนที่เคยเห็นสงครามหรือเปล่า”

บทสนทนาแปลกประหลาดเริ่มต้นขึ้นในร้านอาหารร้านเดิมที่เรามากินกันประจำ ทุกครั้งที่เขาจะต้องออกเดินทาง คนโดนถามชะงักมือที่กำลังจับส้อมเขี่ยพริกชิ้นโตออกไปไว้ข้างจานแล้วเงยหน้ามองคนถาม

มาร์ค ต้วน จ้องมองมาที่เขาอย่างรอคอยคำตอบ

เขานึกไม่ออกว่าบทสนทนานี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีอะไรเกริ่นมาก่อนหรือเปล่า แต่เท่าที่จำได้ตั้งแต่พวกเขานั่งลงในร้านอาหาร นี่ก็เป็นคำพูดแรกที่มาร์คพูดกับเขา ไม่นับตอนสั่งอาหาร

แจ็คสันดุนลิ้นชนกระพุ้งแก้มตัวเอง ก่อนตอบโดยไม่ละสายตาไปจากนัยน์ตาสีเข้มที่ยังจับจ้องเขาอยู่

“มีสิ อาม่าอากงฉันไง”

“ท่านเคยเล่าอะไรให้ฟังไหม”

“ไม่ค่อยเล่าหรอก หรืออาจจะเล่าแต่ฉันจำไม่ได้ คงเล่าตอนที่เด็กมาก”

คำตอบของเขาทำให้คนที่เงียบอยู่แล้วเงียบไปกว่าเดิม พอเขาจะถามกลับว่ามีอะไรหรือเปล่า มาร์คก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“ที่บ้านฉันก็มี อาม่าอากงนั่นแหละ แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยเล่าอะไร มันเป็นเรื่องตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ไปอยู่กันที่สหรัฐฯ แต่ฉันเคยไปฟังคนที่ผ่านสงครามเล่าประสบการณ์ตอนนั้นนะ”

แจ็คสันเลิกคิ้ว “แล้วมันเป็นยังไง”

“ผู้ชายออกไปรบ ผู้หญิงกับเด็กได้แต่รออยู่ที่บ้าน สิ่งที่ทำได้มีแค่การภาวนาต่อพระเจ้าให้พาพวกเขากลับมา”

แจ็คสันเริ่มเข้าใจแล้วว่าบทสนทนานี้เกี่ยวกับเขาได้อย่างไร

เขายื่นมือออกไปข้างหนึ่ง คว้าจับมือของมาร์คที่ถือมีดไว้แต่ไม่ยอมหั่นอะไรสักที มาร์คเลิกคิ้ว

“เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก”

“ไม่มีหรอก ถึงมีก็ไม่เป็นไร”

“…”

เพื่อนก็จับมือกันได้นี่”

คนฟังหลุดยิ้ม ก่อนจะวางมืออีกข้างทับลงบนหลังมือเขา

“ถึงฉันจะไม่ได้ไปรบอะไร แต่จะบอกให้นายไม่ห่วงคงเป็นไปไม่ได้สินะ” เขายิ้มให้มาร์ค ซึ่งเสมองไปทางอื่นทันทีที่เขาเริ่มพูดเรื่องนี้ “แต่ไม่เป็นไร มาร์คก็รู้นี่ว่ายังไงเดี๋ยวฉันก็กลับมา”

“ขอบคุณที่ยุคนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยี ถ้าเป็นสักสามสิบปีก่อนฉันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะติดต่อนายยังไง”

แจ็คสันวางมีดลง แล้วย้ายมือมาไว้บนหลังมือขาวนั้นแทน เขาบีบกระชับมันเบา ๆ ให้อีกคนอุ่นใจ

“ฉันจะกลับมา ฉันสัญญา”

มาร์คเผยรอยยิ้มกว้าง แม้จะไม่สดใสเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ทำให้เขาไม่อยากให้เวลาเดินต่อไปเลยสักวินาทีเดียว

“นายไม่เคยผิดสัญญา แจ็คสัน”

แล้วเขาจะกลับมา

ตามที่เขาได้สัญญากับมาร์คไว้

 

FIN