#จาร์คแฟนบอย – 2 New York in Love

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


THE SECRET LIFE OF MARK TUAN

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

2
New York in Love

ยามเช้าอันแสนสดใสของมาร์ค ต้วน เริ่มด้วยอาหารเช้ารสชาติไม่แย่นักในห้องอาหารของโรงแรมที่เขาพัก แต่ทุกอย่างดูจะสดใสขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเขาพบว่านอกจากเขาและพ่อที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ ยังมีคุณหวังและลูกชายที่ขอมานั่งด้วย

              “ตื่นเช้ากันจริง ๆ เลยนะ” คุณหวังเอ่ยขึ้น แล้วหันมายิ้มให้มาร์คที่กำลังตั้งอกตั้งใจปาดแยมลงบนขนมปังปิ้ง “วันนี้ฝากมาร์คดูแลเจ้าแจ็คสันหน่อยนะ”

“ฮะ?” มาร์คแทบทำขนมปังร่วง หันไปมองคุณหวัง แล้วเผลอไปสบสายตากับคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาสักพัก ก่อนจะละล่ำละลักตอบ “…เอ่อ ครับ ได้ครับ”

“เป็นอะไรเรา ดูไม่ค่อยมีสมาธินะ” เรย์มอนด์เอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง แน่นอนว่ามาร์คทำได้แค่ส่ายหน้าปฏิเสธ

“นอนไม่พอนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”

คำตอบเหมือนจะขอไปที แต่มาร์คไม่อยากจะบอกว่ามันเป็นความจริงทุกประการ เมื่อคืนเขานอนน้อยกว่าปกติ หลังจากแยกย้ายกันกลับห้องหลังงานเลี้ยงเลิก แทนที่จะล้มตัวลงนอนให้สมกับความล้าตลอดทั้งวัน เขากลับเปิดแล็ปท็อปต่อเข้าไวไฟฟรีของโรงแรมเพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยวในแมนฮัตตัน

ทั้งหมดก็เพราะคำพูดไม่คิดอะไรของแจ็คสัน หวังนั่นแหละ

ถ้าระหว่างเขากับแจ็คสันเป็นแค่คนที่รู้จักกันเพราะพ่อสนิทกันมันคงดี แต่สำหรับมาร์คมันไม่ใช่… แจ็คสันสำหรับเขาเป็นมากกว่านั้น มากเกินกว่าที่จะบรรยายได้

ดังนั้น การที่เขามีสตินั่งปาดขนมปังอย่างใจเย็นได้นี่ก็สุดยอดแล้ว

เพราะความจริงมาร์คอยากปาของทุกอย่างลงแล้ววิ่งกลับห้องไปหยิบกล้องถ่ายรูปเสียเหลือเกิน

แจ็คสันวันนี้แต่งตัวสบาย ๆ เหมาะกับอากาศที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของนิวยอร์ก เป็นเสื้อยืดลายเก๋ ๆ กับสูทสีเข้ม ดูดีแบบที่สมควรจะเป็น เพราะสำหรับมาร์คต่อให้แจ็คสันสวมเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์มันก็ยังดูดีอยู่ดี

“แล้วคิดหรือยังว่าจะไปไหนวันนี้” เรย์มอนด์โพล่งถามขึ้นมา มาร์คกลืนขนมปังชิ้นสุดท้ายลงคอ เอ่ยตอบผู้เป็นพ่อก่อนคว้าน้ำส้มมาดื่ม “คงเที่ยวรอบ ๆ เกาะแมนฮัตตันแหละครับ แค่ในเซนทรัลปาร์คก็เดินได้ทั้งวันแล้ว”

คุณต้วนพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่จะอยู่ยาวไม่กลับพร้อมป๊า?”

“…ครับ”

“แจ็คสันก็จะอยู่ยาวเหมือนกัน” คุณหวังเอ่ยบ้าง “พอดีมีงานต่อที่นิวยอร์ก มาร์คก็เหมือนกันเหรอ?”

คนโดนถามได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ พลางตอบรับเสียงแผ่ว “…ก็ทำนองนั้นแหละครับ”

“อย่าให้เสียงานแล้วกัน”

เรย์มอนด์ย้ำอีกครั้ง และมาร์คก็ได้แต่รับคำในคอ “ครับป๊า…”

ถ้าป๊ารู้ว่าอยู่ต่อเพราะไปงานมีตแจ็คสัน หวังนี่คงตาย

              เอ๊ะ แต่แจ็คสันก็อยู่ตรงนี้นี่หว่า

              “รีบกินแล้วรีบไปเถอะ เดี๋ยวสายแล้วจะเสียเวลา” คุณหวังเร่งลูกชาย แจ็คสันที่วันนี้เงียบผิดวิสัยเลยรีบจัดการอาหารของตัวเอง แล้วก็ต้องงงเมื่อผู้เป็นพ่อลุกขึ้นก่อน

“…ไปไหนครับ?”

“ป๊าจะรีบกลับก่อน มีงานต่อ ดูแลตัวเองได้ใช่ไหม?”

แจ็คสันที่ยังคาบขนมปังไว้ในปากพยักหน้ารับ “ผู้จัดการก็อยู่”

“ลืมไป” คุณหวังตบบ่าลูกชายเบา ๆ “โชคดี เดินทางปลอดภัย ไปพร้อมกันเลยไหม เรย์มอนด์”

“ได้ ๆ” แล้วคุณต้วนก็ลุกบ้าง หันมาหาลูกชายที่ทำหน้างงไม่ต่างกัน “แล้วเจอกันที่บ้าน มีอะไรก็โทร.มาหานะ”

มาร์คพยักหน้ารับงง ๆ แล้วเขากับแจ็คสันก็ได้แต่มองตามสองชายวัยครึ่งค่อนอายุที่เดินไปหัวเราะไปออกจากห้องอาหาร

ก่อนที่จะกลับมาสบตากันอีกครั้ง

“…”

ภาพของแจ็คสันที่กำลังคาบขนมปังไว้ในปากทำเอามาร์คเผลอยิ้มกว้าง เกือบจะหัวเราะแล้ว ถ้านัยน์ตาคมไม่ส่งสายตาแปลก ๆ มาก่อน

“…อะไรของคุณ”

“คุณนั่นแหละอะไร? ขำอะไรผมครับ”

ถึงกับต้องใช้มือข้างหนึ่งถือขนมปังไว้ มาร์คส่ายหน้า พยายามกลั้นขำ “ช่างเหอะ คุณรีบกินเถอะ จะไปเที่ยวไม่ใช่หรือไง”

แจ็คสันยักไหล่ “ผมดีใจนะที่คุณไปด้วย”

“อ้าว ก็คุณพูดเอง”

“ผมไม่นึกว่าคุณจะตกลงจริง ๆ นี่นา”

มาร์คถอนหายใจ “คุณควรจะรู้ว่า คนเป็นแฟนคลับน่ะ ไอดอลขออะไรก็พร้อมให้ทั้งนั้นแหละ”

แจ็คสันเลิกคิ้ว “บางทีผมก็ควรใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์หรือเปล่า”

“ถ้าจะหลอกใช้ผมก็คิดดี ๆ นะ เพราะถึงคุณจะหลอกจนผมหมดตัว ผมก็ไม่เลิกเป็นแฟนคลับคุณหรอก”

คำตอบนั้นทำเอาคนฟังชะงักมือที่กำลังจะคว้าแก้วน้ำ แจ็คสันกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่แปลกจากปกติ

ที่มาร์คคิดว่ามันแปลก เพราะมันไม่เหมือนรอยยิ้มที่เขาเคยเห็นผ่านกล้อง …มันเป็นรอยยิ้มที่แจ็คสันไม่เคยเผยให้เห็นที่ไหนมาก่อน

“พูดเหมือนสารภาพรักเลยนะ มาร์ค”

              ดวงหน้าขาวเหมือนจะร้อนขึ้นมาพอโดนเรียกชื่อแบบนั้น มาร์คไม่สบตาอีกคน แต่รีบเก็บจานซ้อน ๆ กันไว้แล้วทำท่าจะลุกจากโต๊ะ

“ผมไม่ได้สารภาพรัก ผมแค่พูดตามที่คิด ในฐานะแฟนคลับที่อยากจะอยู่ข้างคุณจนถึงวินาทีสุดท้าย จนกว่าคุณจะตัดสินใจทิ้งพวกผม…”

 

 

 

เมเนเจอร์อิมไม่ไปด้วยเหรอครับ?” มาร์คถามขึ้นหลังจากที่แจ็คสันกำลังเดินมาหาเขาที่ยืนรออยู่หน้าโรงแรม ไอดอลหนุ่มที่พรางใบหน้าด้วยแว่นตาแฟชั่นสีดำกรอบหน้าส่ายหน้ายิ้ม ๆ

“เขาบอกว่าอยากไปไหนก็ไป แต่ให้ระวังตัวเองน่ะ”

เมเนเจอร์อิมที่มาร์คถามถึงคือผู้จัดการส่วนตัวของแจ็คสัน ไม่มีใครรู้ชื่อจริง แต่มาร์ครู้… โอเค เขารู้เพราะเลขาปาร์คฯ บังเอิญไปสืบเจอน่ะ รู้สึกจะชื่ออิม แจบอม หน้าตาจัดว่าโดดเด่นเข้าขั้นไอดอล มาร์คเคยเห็นบ้างตอนไปตามแจ็คสัน

“แปลว่าวันนี้คุณก็ค่อนข้างจะเป็นอิสระสินะ”

“ทำไมใช้คำว่าค่อนข้างล่ะ” แจ็คสันยิ้มขำ “อย่างน้อยผมก็ไปไหนมาไหนสะดวกกว่าอยู่แถวเอเชียนะ”

“ถือว่ามาพักผ่อนก่อนงานพรุ่งนี้แล้วกันครับ” มาร์คยิ้มบาง พยายามไม่สบตาอีกคน ต้องให้บอกไหมว่าเพราะอะไร? เขินไง

“แล้ววันนี้ มาร์คมีแผนเที่ยวอะไรบ้างล่ะครับ”

คนโดนเรียกชื่อสูดหายใจลึก รู้สึกแปลก ๆ ทุกครั้งที่คนที่ตัวเองปลื้มมาเรียกชื่อต้นกันแบบนี้ ชายหนุ่มหยิบไอแพดเครื่องประจำที่ตัวเองพกติดตัวตลอดขึ้นมาเปิดให้ดู เปิดแอปพลิเคชั่นแผนที่ประกอบ

“โรงแรมเราอยู่ใกล้เซนทรัลปาร์ค งั้นเดี๋ยวค่อยแวะเที่ยวตอนขากลับก็ได้ ผมว่าเราน่าจะเข้าไปดูแถวมิดทาวน์ นั่งเมโทรเอาก็น่าจะสะดวกดี หรือคุณว่ายังไง? จะนั่งบัสหรือแท็กซี่ไหม? อยากประหยัดหรือเอาที่สะดวก”

เขาช้อนตาขึ้นมาถามอีกคน ก่อนจะชะงักเมื่อพบว่าคนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่ง ไม่ได้มีทีท่าว่ากำลังฟังประโยคคำถามของเขาเลย

อะไรล่ะนั่น…

“…เฮ่ แจ็คสัน คุณได้ฟังคำถามของผมเมื่อกี้หรือเปล่าครับ?”

เจ้าของชื่อกะพริบตาปริบ ๆ รอยยิ้มยังคงอยู่บนดวงหน้าหล่อเหลา “ฟังสิ ผมว่าบัสน่าจะดีนะ ถูกกว่าแท็กซี่แล้วยังได้ชมเมืองด้วย ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน รถคงไม่ติดมาก”

เหรอ… มาร์คเหลือบมองการจราจรบนถนนตามที่อีกคนพูด ก่อนจะยักไหล่ “เอางั้นก็ได้ครับ”

พวกเขาตัดสินใจขึ้นรถบัสจากป้ายรถใกล้ ๆ โรงแรม มาร์คโดนบังคับให้นั่งติดหน้าต่างทั้งที่คนอยากเที่ยวคือแจ็คสัน แต่เขาก็ขัดใจอะไรไม่ได้มากหรอก ก็รู้อยู่ว่าเพราะอะไร

              รถบัสเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวสู่ย่านมิดทาวน์แอนด์เธียเตอร์ดิสทริคท์ ศูนย์รวมจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อของมหานครนิวยอร์ก แจ็คสันละสายตาจากภาพบรรยากาศร่มรื่นของเซนทรัลปาร์คที่ตัดกับตึกระฟ้าสูงชะลูดขณะรถเคลื่อนผ่าน มามองเสี้ยวหน้าของคนที่บอกว่าตัวเองเป็นอเมริกันบอย แต่ยังดูตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ เมื่อเห็นสิ่งแปลก ๆ เข้ามาในคลองสายตา แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

โชคดีที่ที่พักของพวกเขาอยู่ในย่านลีนอกซ์ฮิลล์ซึ่งมีทิศใต้ติดกับมิดทาวน์ ใช้เวลาไม่นานนักรถบัสก็จอดลงใกล้กับแยกอเวนิว 5th ตัดกับถนน 49th สิ่งที่สะดุดตาแจ็คสันคือร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย ที่ทำเอาเขาต้องหันมามองหน้ามาร์ค

“…อะไรครับ”

“พาผมมาช็อปปิ้งหรือไง?”

“ไม่ใช่สักหน่อย” มาร์คหัวเราะ “มาทางนี้สิ จริงอยู่ว่าร็อกกี้เฟลเลอร์เซนเตอร์มีร้านค้าเยอะ แต่ผมไม่พาคุณมาซื้อของหรอก ผมจะพาไปดูนิวยอร์กต่างหาก”

คำพูดที่ทำเอาแจ็คสันต้องเลิกคิ้วมองด้วยความสนใจ แต่ก็ยอมเดินตามอีกคนแต่โดยดีโดยไม่ได้ปริปากถามอะไรอีก

ตามสองข้างทางของอาคาร เต็มไปด้วยคำโฆษณา ‘Top of the Rock’ แล้วนั่นก็ทำให้แจ็คสันพอจะคาดเดาอะไรได้

“…จะพาผมไปดูมุมสูงของนิวยอร์กหรือไง?”

คนที่เดินนำอยู่ชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนลงให้มาเดินข้าง ๆ กัน มาร์คมุ่ยหน้า “เดาถูกด้วย”

“มันเดาไม่ยากนะคุณ…”

“อยากไปดูที่เอ็มไพร์สเตทมากกว่าหรือเปล่า? คือผมคิดว่าคนมันน่าจะเยอะก็เลยพามาที่นี่ คนไม่พลุกพล่านเท่า คุณน่าจะรู้สึกดีกว่า”

คำพูดแสดงความใส่ใจทำเอาคนฟังยิ้มกว้างกว่าเดิม และเพราะรอยยิ้มนั้นมาร์คเลยต้องเร่งฝีเท้าเดินหนี

“อ้าว! เฮ้! มาร์ค ช้า ๆ หน่อย”

ไอดอลหนุ่มได้แต่ก้าวเร็ว ๆ ตามไปโดยที่พยายามกลั้นขำกับท่าทางตลก ๆ ของแฟนคลับของเขา

อืม… น่ารักแฮะ

 

 

 

ชั้นบนสุดของอาคารร็อกกี้เฟลเลอร์เซนเตอร์จัดว่าน่าประทับใจมากสำหรับคนเพิ่งมานิวยอร์กอย่างแจ็คสัน ที่แน่ ๆ เขามั่นใจว่าในโทรศัพท์ตัวเองตอนนี้เต็มไปด้วยภาพจากมุมสูงของมหานครแห่งนี้ และโดยไม่ตั้งใจ กว่าครึ่งเป็นภาพใบหน้าตื่นเต้นของคนที่เขาบังคับให้พามาเที่ยวด้วย ซึ่งเขาบังเอิญถ่ายติด

หรือบางทีเรียกว่าแอบถ่ายอาจจะเหมาะกว่า

รู้หรอกน่าว่าการกระทำแบบนี้มันเข้าข่ายโรคจิตและผิดกฎหมายด้วย แต่พอเห็นท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ที่ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างไปเสียหมด ทั้งที่วางท่าเหมือนจะเป็นคนนำเขาเองแบบนั้นแล้ว ก็ทำเอาอดจะหยิบมือถือมาแอบถ่ายรูปไม่ได้

              ไหนป๊าบอกว่าแก่กว่าเขาไม่ใช่เหรอ มาร์ค ต้วน น่ะ

              ทำไมทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้

              แถมน่ารักด้วยนะ

“ถ่ายรูปไว้หรือยัง คุณ” มาร์คหันมาถามขณะที่มือทั้งสองข้างยังทาบอยู่กับกระจกใสอย่างไม่อยากผละออก สิ่งที่แจ็คสันค้นพบคือ คุณแฟนคลับคนนี้ไม่กลัวความสูงแน่นอน

“ถ่ายไว้แล้ว คุณล่ะ ให้ผมถ่ายให้ไหม?”

มาร์คชะงัก ส่ายหน้าเล็กน้อย “ผมถ่ายไว้แล้วล่ะ…”

แจ็คสันพยักหน้ารับรู้ มองนักท่องเที่ยวรอบข้างแล้วหันกลับมายิ้มให้มาร์คอีกรอบ

“เซลฟี่ไหม?”

“หะ…หา?”

มาร์ค ต้วน เหมือนสมองช็อตไปอีกรอบ ดวงหน้าเล็กเหมือนจะขึ้นสี ขณะที่ดวงตาเบิกกว้างขึ้น และอ้าปากค้างเหมือนพูดไม่ออก

อืม…น่ารักจริง ๆ ด้วยแฮะ

              “…ซะ…เซลฟี่เหรอ? กับใคร? คุณกับผม?”

แจ็คสันหรี่ตา “ใช่สิคุณ ผมมากับคุณจะให้เซลฟี่กับเทพีเสรีภาพเหรอครับ?”

“ถ่ายคนเดียวก็ได้นี่”

“ไม่เอา มา ๆ มาถ่ายด้วยกันเลย”

ไม่ทันได้ตั้งตัว มาร์คก็แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อใต้สูทแฟชั่นสีเข้มนั่นคว้าไหล่ไปโอบ พร้อมกับได้ยินเสียงนับถอยหลัง พอเขาหันกลับไปอีกคนก็ชิงกดชัตเตอร์ไปก่อน

“…เฮ่ยยยยย”

“โอ้ ไม่เลว ๆ อีกรูปนะคุณ ยิ้มหน่อย ๆ”

ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้มาร์คตื่นเต้นมาก ไม่ใช่แค่ได้มาดูภาพสวย ๆ อันน่าตื่นตาตื่นใจของนิวยอร์ก ตอนนี้เรื่องนั้นน่าตื่นเต้นไม่ได้ครึ่งของสิ่งที่เขากำลังเผชิญ

แจ็คสัน หวัง กำลังเซลฟี่กับเขา

              แจ็คสัน หวัง โอบไหล่เขาอยู่

              แจ็คสัน หวั—-

   ฟหากด่หวสกด่ากห่ดวสกดากดสกาหดาดหก

“มาร์ค… มาร์ค ฮัลโหล? มาร์ค ยังอยู่หรือเปล่าครับ”

เหมือนโดนดึงสติกลับมา ใบหน้าของแจ็คสันอยู่่ห่างจากเขาไปเพียงช่วงแขน แววตาเป็นห่วงทำให้มาร์คแทบจะร้องไห้

ฟินกว่านี้มีอีกไหมในโลก T_____T

              “…เป็นอะไรหรือเปล่า? เห็นเงียบไป”

“เปล่า ๆ” มาร์คโบกมือปัดไปมา “ผมแค่ตื่นเต้น”

“ตื่นเต้นอะไร? วิวข้างนอกหรือผม?”

“…” คนโดนถามถึงกับเงียบ ก่อนจะเลี่ยงคำตอบ “คุณถ่ายเสร็จหรือยัง?”

ว่าพลางขยับมืออีกคนออกจากไหล่ตัวเอง ถึงมาร์คจะคลั่งแจ็คสันขนาดที่ว่าตอนนี้อยากกระโดดจากยอดตึกมากแค่ไหนก็เถอะ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี

รู้สึกเหมือนเอาเปรียบคนอื่นอย่างบอกไม่ถูก T____T

              แจ็คสันไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำนั้น เพียงแค่ยิ้มนิด ๆ มุมปากแบบที่ชอบทำแล้วก็หันไปกดมือถือ

มาร์คจะถือว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งการพักหายใจ โดนคอมโบติด ๆ กันหลายรอบเขาเริ่มทำใจรับไม่ไหว แม้จะแสร้งทำเป็นตื่นเต้นกับบรรยากาศด้านนอก แต่พอนึกได้ว่าตัวเองกำลังมาเที่ยวกับใคร มาร์คยิ่งเก็บความตื่นเต้นไม่ได้

ตื่นเต้นมากเลย ทำไงดี

คำนี้วนอยู่ในหัวเขาเป็นสิบ ๆ รอบ แต่ต้องขอบคุณประสบการณ์การทำงานร่วมกับป๊าต้วนที่ทำให้เขารู้จักเก็บสีหน้า… แม้จะมีหลุดท่าทางเอ๋อ ๆ ออกมาบ้างก็เถอะ ก็ใครเล่นให้พี่ท่านเข้ามาใกล้ขนาดนี้ล่ะ แค่ตอนขอไซน์มาร์คยังจะตายเลย ปกติก็มองแค่ผ่านเลนส์กล้อง

พอมาเจอตัวจริง ๆ แล้วแบบ…

   (ไม่สามารถบรรยายความปิติเป็นตัวอักษรได้)

              “หลังจากนี้จะไปไหนต่อเหรอ?” แจ็คสันที่ละสายตาจากมือถือหันมาถาม มาร์คหลุดจากภวังค์ความคลั่งของตัวเองกลับมาเป็นมาร์ค ต้วน อเมริกันบอยคนสุขุมคนเดิม

“ไทม์สแควร์ครับ” มาร์คตอบยิ้ม ๆ

 

 

 

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในย่านมิดทาวน์ย่อมไม่พ้นไทม์สแควร์ ย่านที่อุดมไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ ถ้ามองด้วยสายตาคงจำแนกไม่หมด สองข้างทางคือร้านค้ามากมายและนักแสดงข้างถนนที่สร้างสีสันตลอดเส้นถนน แจ็คสันหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไม่ทันตอนที่สไปเดอร์แมนโหนตัวอยู่บนเสาไฟข้าง ๆ หรือมิกกี้กับมินนี่เมาส์ที่เดินเล่นถ่ายรูปกับเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา

“…เหมือนมีขบวนพาเหรดอยู่ตลอดเลยนะ” แจ็คสันพึมพำให้คนข้าง ๆ ได้ยิน แต่คนที่ปกติจะตอบรับอย่างน้อยก็ในลำคอ กลับเงียบสนิท

พอเขาหันไปมองก็เห็นว่ามาร์คจ้องมองอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อมองตามสายตาไปก็พบ…

ไอรอนแมน

              ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามาร์คคงชอบมาก

              “…ให้ผมถ่ายรูปให้ไหม?”

แจ็คสันถาม มาร์คพยักหน้ารับเหมือนไม่มีสติอยู่กับตัว ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาไอรอนแมน พูดคุยกันสองสามประโยคแล้วก็กวักมือเรียกแจ็คสันให้ไปถ่ายรูปให้

ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคนตรงหน้าทำเอาแจ็คสันหลุดขำจนภาพสั่น แล้วต้องขอถ่ายใหม่อยู่สองรอบ กว่าจะได้ภาพที่พอใจกันทุกฝ่าย มาร์คยื่นทิปให้คุณไอรอนแมนไปตามสมควร ก่อนจะรีบพุ่งมาหาเขา

“ไหน ๆ ขอผมดูรูปหน่อย”

แจ็คสันเลื่อนภาพให้ดู คนตรงหน้าดูตื่นเต้นมากจริง ๆ มือไม้สั่นไปหมด นัยน์ตาก็พราวเป็นประกาย ริมฝีปากพึมพำอะไรที่จับใจความไม่ได้

น่ารัก…

“…เดี๋ยวผมส่งภาพให้ไหม?”

คำถามที่ทำเอาคนกำลังสนใจรูปในมือถือของอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาใสแจ๋วล้อมด้วยแพขนตาหนาจ้องมาทางเขาอย่างงง ๆ

“ก็ได้ครับ…”

“ขอไอดีคาทกหน่อยสิ”

มาร์คหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะกดเข้าแอปพลิเคชั่นแชทสีเหลือง เห็นอิโมติค่อนหน้าตาน่ารักที่เขาซื้อมาเพราะเห็นว่าเป็นของออฟฟิเชียลของแจ็คสันแล้วก็อดยิ้มนิด ๆ ไม่ได้ ก่อนจะชะงัก

เดี๋ยวนะ

“…คาทกของคุณเหรอ?”

“ครับ?”

แจ็คสันทำหน้างง “อะไรเหรอ?”

“คือว่า” มาร์ครู้สึกเหมือนหัวใจเต้นรัว “ที่ขอไอดีคาทกผมเนี่ย จะส่งรูปให้ใช่ไหมครับ?”

“…ก็ใช่”

“แล้วใช้คาทกส่วนตัวของคุณเหรอ?”

“…ก็ใช่สิครับ”

“…….”

ว้ากกกดฟา่กหดาหก่ดาวกหดกหดาากสาหดาสกดหาด

ยิ่งกว่าคำว่าโชคหล่นทับ ลัคกี้แฟน แฟนคลับผู้โชคดีอันดับหนึ่ง มาร์คอ้าปากค้าง ทำหน้าไม่เชื่อสุดชีวิต

“…ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มาร์ค มันตลกนะ”

“เอ่อ… ฮะ? ตลกอะไร” มาร์คกะพริบตาปริบ ๆ “…เอ่อ ไอดีคาทกใช่ไหม” ก้มหน้าก้มตาหาไอดีตัวเองทั้งมือสั่น ๆ รู้สึกเลยว่าตอนนี้ปากจะฉีกไปถึงหูแล้ว โธ่ว้อย ใจเย็น ๆ มาร์คต้วน ใจเย็น ๆ

ในที่สุดมาร์คก็ได้ไอดีคาทกของแจ็คสัน หวังมาไว้ในเครื่องจนได้ …เรื่องเหลือเช่ือที่สุดในชีวิต ตอนนี้ของเมื่อวานเขายังรู้สึกว่าอีกคนอยู่ห่างไกลจนเอื้อมไม่ถึง แล้วตอนนี้…

แอบเปิดดูรูปดิสเพลย์ของอีกคนแล้วก็ขำ มันเป็นภาพแจ็คสันที่ไม่ได้เมคอัพ ทำหน้าตลก ๆ อ้าปาก ทำตาโต ชี้ไปที่เมเนเจอร์อิมที่เดินเข้าเฟรมมาพอดี

สักพักเสียงแจ้งเตือนก็ดังมาเป็นชุด คือภาพของมาร์คที่แจ็คสันส่งมาให้นั่นเอง มาร์คมองมือถือแล้วเหลือบไปมองคนที่ก้มหน้าก้มตาส่งรูปให้เขา ก่อนจะอมยิ้มแล้วกดส่งอิโมติค่อน

“…โห สมเป็นแฟนคลับผม มีอิโมติค่อนอันนี้ด้วยเหรอ”

แจ็คสันหันมาหัวเราะใส่เขา มาร์คเกาแก้มแก้เขิน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นภาพที่อีกคนส่งมาให้เขา

มันคือภาพที่เขาโดนบังคับให้เซลฟี่กับแจ็คสัน

“ถือว่าเป็นแฟนเซอร์วิสก็ได้”

แฟนเซอร์วิส…

เกือบลืมไปเลยว่าโลกนี้มีคำนี้อยู่ มาร์คยิ้มแห้ง ๆ ให้แจ็คสันก่อนจะเก็บมือถือ ข่มความรู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ ที่ไม่ควรจะมีลงไป แล้วชี้ไปยังอีกทาง “ไปหาอะไรกินกันเถอะครับ จะเที่ยงแล้ว”

ร้านที่ว่าคือร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อโอลีฟการ์เด้น ราคากลาง ๆ สำหรับมาร์คกับแจ็คสันอาจจัดได้ว่าค่อนข้างถูก แจ็คสันเลือกที่นั่งติดหน้าต่างและสั่งอาหารเพียงไม่กี่อย่าง มาร์คสั่งเมนูคล้าย ๆ กัน ก่อนจะต่างคนต่างนั่งเงียบ

“…เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ครับ?”

มาร์คทำหน้างง “หมายถึงอะไร?”

“คุณดูเงียบ ๆ เหนื่อยเหรอ? กลับกันไหม?”

นี่ก็แฟนเซอร์วิสเหรอ? มาร์คคิดข่อนขอดในใจ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มกว้างอวดเขี้ยวขาว

“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คงเพราะหิวน่ะ กินแล้วไปเที่ยวต่อดีกว่า”

นัยน์ตาคู่คมใต้แว่นกรอบหนามองมาทางเขาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ ความเงียบระหว่างพวกเขาดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและค่อนข้างจะอึดอัดในความรู้สึกของมาร์ค

แฟนเซอร์วิสเหรอ…

แต่แฟนเซอร์วิสที่ไหนมันจะขนาดนี้?

“…Excuse me?”

เสียงทักจากด้านหลังทำให้มาร์คหันไปมอง ขณะที่แจ็คสันละสายตาจากมือถือไปดู แล้วยิ้มการค้าให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่

เป็นสาวเอเชียสองคนที่ทำท่าตื่นเต้นสุด ๆ

“…เอ่อ แจ็คสัน หวัง ใช่ไหมคะ?”

สำเนียงภาษาอังกฤษแปร่ง ๆ มาจากคนหนึ่งในนั้น

“ครับ”

สิ้นคำตอบรับ สองสาวปิดปากกระโดดอยู่ข้างหลังมาร์ค… ที่ตอนนี้กำลังทำตัวให้ไม่มีตัวตนที่สุด

“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?”

ไอดอลหนุ่มพยักหน้ารับ “เชิญครับ”

สองสาวคงรู้สึกเหมือนได้รางวัลใหญ่ ผลัดกันเซลฟี่กันพอเป็นพิธี แล้วเหมือนพวกเธอเพิ่งจะสังเกตเห็นมาร์คที่นั่งเงียบมานาน

“…เอ่อ…”

“ไม่เป็นไร ถ่ายไปเถอะครับ” มาร์คยิ้มบาง ๆ ให้สองสาวที่ดูจะช็อกไม่น้อย คงรู้สึกเสียมารยาทมาก แต่มาร์คไม่ได้มีปัญหาอะไรสักหน่อย

“…ถ้าอย่างนั้น รบกวน ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ?”

พูดพร้อมกับยื่นมือถือมาให้ มาร์คเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ารับ

เขาถ่ายรูปสองสาวกับแจ็คสันไปประมาณสี่ห้ารูป กันเสียด้วย (ติดเป็นนิสัยไปแล้ว) พอยื่นให้สองสาวก็ทำหน้าตื่น ๆ

“เอ่อ ขอถ่ายรูปคุณด้วยได้ไหมคะ?”

“…ฮะ?”

ใช้เวลาประมวลผลคำพูดอยู่พักหนึ่ง มาร์คจึงเข้าใจว่าสองสาวขอถ่ายรูปเขา แต่ยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ อีกคนที่เมื่อครู่เป็นจุดสนใจสุด ๆ แต่ตอนนี้เหมือนจะถูกลืมไปแล้วก็ขัดขึ้น

“ไม่ได้หรอกครับ เพื่อนผมคนนี้เขาไม่ค่อยอยากออกสื่อน่ะ”

สองสาวมองหน้ากัน “…เพื่อนเหรอคะ?”

ไม่ใช่หรอกครับ เป็นอย่างอื่นน่ะ เขาก็พูดไปงั้น มาร์คบ่นในใจ ก่อนจะยิ้มตอบ “ขอโทษนะครับ คงไม่ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หนึ่งในนั้นส่ายศีรษะดิก “แค่รู้สึกว่าคุณดู… โดดเด่น”

ถ้าโดดเด่นจริงแล้วใครเมินเขาเมื่อกี้วะ

มาร์คยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณครับ” พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟ สองสาวโดนบังคับให้ต้องล่าถอยไปเพราะรบกวนลูกค้าท่านอื่น แจ็คสันมองส่งพวกเธอพลางโบกมือให้ แล้วกลับมาสนใจมาร์คที่จ้องหน้าเขาอยู่

“ทำไมครับ?”

“…แฟนเซอร์วิสเหรอครับ?”

“นิดหน่อยน่ะ เราก็ต้องสร้างภาพลักษณ์เป็นมิตร”

“อึดอัดไหมครับ?”

แจ็คสันหั่นเนื้อหมูพลางตอบ “ก็ไม่นะครับ เลือกจะเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องยอมรับเท่านั้นแหละ”

มาร์คพึมพำในลำคออย่างเข้าใจ ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์จะดังขึ้น

เขาหันไปขอโทษแจ็คสันเล็กน้อย เสียมารยาทพอควรกับการนั่ง ๆ อยู่แล้วมือถือดังแบบนี้ แต่ก็ต้องเปิดอย่างช่วยไม่ได้ แอปพลิเคชั่นที่แจ้งเตือนขึ้นมาคือทวิตเตอร์

 

Mentioned by @bambam1a: @mtuan93 เห็นยังครับ? twitter.com/…

 

มาร์คกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องชะงัก

 

 ReikaWang @reikajswxx 1m

              We’re so lucky! @ari_5428 #jacksonwang #WelcomeJSWangToNYC #JSWangNYC1stFanMeeting

              (รูปแจ็คสันกับสองสาวที่เบลอหน้าไว้ด้วยสติกเกอร์หน้าตาน่ารัก)

 

“…ทำไมทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว?”

คุณแจ็คสัน หวัง ที่นั่งตรงข้ามหันมาถามเขา มาร์คเม้มปาก ก่อนอธิบาย

“คุณไม่ได้เล่นทวิตเตอร์ใช่ไหม?”

“ไม่มีออฟฟิเชียลแอคเคาท์ครับ”

“อื้ม งั้นก็คงไม่รู้…เดี๋ยวนะ” มาร์คชะงัก “…….คุณไม่ได้เล่นทวิตเตอร์ใช่ไหมครับ? ตะกี้ผมถามแบบนี้ใช่ไหม?”

แจ็คสันยิ้ม “ใช่ครับ”

“แต่คุณตอบว่า… คุณมีแอคลับเหรอ?”

คนตรงหน้ายักไหล่ “ไม่อย่างนั้นผมจะตามข่าวแฟน ๆ ได้ยังไงล่ะครับ”

OH MY GOSH

รู้สึกเหมือนได้ล่วงรู้สิ่งที่ไม่ควรรู้ มาร์คลูบหน้าตัวเองเรียกสติ ก่อนจะผ่อนลมหายใจ

“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่สองคนเมื่อกี้เขาทวีตภาพที่ถ่ายรูปกับคุณน่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นให้ดู “ลองไปตามเซฟเอาทีหลังแล้วกันนะครับ โอโห คนรีเป็นร้อยแล้ว”

แจ็คสันหัวเราะ “คุณเลิกยุ่งกับมันแล้วกินเถอะครับ จะเย็นหมดแล้ว ไหนว่าจะไปเที่ยวต่อ เอ้า กินครับ”

เลื่อนจานมาให้พร้อมกับแบ่งเนื้อบางส่วนของตนมาให้ด้วย มาร์ครีบวางมือถือแล้วก้มหน้าก้มตากิน แอบเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ ๆ ขณะที่ในใจยังเต้นรัว

คิดไม่ผิดจริง ๆ

คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ชอบ…

 

 

 

 

ใช้เวลาครึ่งวันไปกับมิดทาวน์ หลังจากนั้นมาร์คก็พาไอดอลคนดังอย่างแจ็คสัน หวัง กลับมาเซนทรัลปาร์ค ที่ต้องรีบกลับมาตั้งแต่หัววันเพราะสวนสาธารณะแห่งนี้กว้างขวางมาก ชนิดที่ว่าเดินวันเดียวยังไงก็ไม่มีทางหมด แต่ไหน ๆ ที่พักก็อยู่ไม่ห่างมาก พวกเขาเลยนั่งรถมาจอดแถวอัปเปอร์เวสต์ไซด์ก่อน แวะซื้อคุกกี้ที่ร้าน Levain Bakery ใกล้ ๆ กับแยกอัมสเตอร์ดัม ต่างคนต่างชื่นชมความอร่อยของคุกกี้และอดไม่ได้ที่จะอัพขึ้น SNS อวดชาวโลก

มาร์คกดโพสต์รูปถุงคุกกี้ขึ้นอินสตาแกรม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ตอบข้อความจากแบมแบม รุ่นน้องที่เขารู้จักในบอร์ดแฟนคลับแจ็คสัน นิ้วเรียวเลื่อนกดเข้าทวิตเตอร์แล้วกดตอบเมนชั่น

 

     Mark Tuan @mtuan93 1m

              @bambam1a เห็นแล้ว ขอบคุณที่บอกนะ

 

ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเลขฟอลโลเวอร์ของตนเพิ่มมา มาร์คกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

 

GG followed you

 

พร้อมกับดิสเพลย์รูปไข่สีขาวบนพื้นหลังสีส้ม ไบโอว่างเปล่า เห็นแค่ชื่อยูสเซอร์เนม jgsg89542 ที่สำคัญล็อกทวิตด้วยนะ

…สงสัยมาฟอลเฉย ๆ มั้ง?

“มาร์คครับ ไปกันเถอะ”

แล้วพวกเขาก็ค่อย ๆ เดินเรื่อย ๆ กันอย่างไม่รีบร้อน มองดูสภาพอาคารบ้านเรือนแถวย่านนี้ กว่าจะถึงเซนทรัลพาร์คก็ใช้เวลาพักใหญ่ และตัดสินใจว่าเดินผ่านที่ไหนก็แวะที่นั่นแล้วกัน

“แต่ผมมีที่ที่ต้องไปให้ได้นะ” มาร์คแนะนำ

“ที่ไหนบ้างล่ะ?”

ปราสาทเบลเฟเดียร์ บีเทสด้า เดอะมอลล์ โวลล์แมนริงค์...”

“…เยอะเหมือนกันนะ”

มาร์คพยักหน้า “มันน่าไปหมดเลยนี่นา คือต้องไปอะ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงเซนทรัลพาร์ค”

แจ็คสันหัวเราะ “โอเค ได้ ไปก็ไป ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว”

คนฟังชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะเกาหัวอย่างไม่รู้จะแก้อาการเขินยังไง แล้วรีบเดินนำอีกคนไปยังจุดหมายปลายทาง

แจ็คสันและมาร์คเลือกเดินเข้าทางประตูฝั่งตะวันตกของสวนสาธารณะขนาดใหญ่นี้ ซึ่งบังเอิญผ่านสตรอเบอร์รี่ ฟิลด์ หรืออนุสรณ์ของจอห์น เลนนอน นักร้องชื่อดังของวงดนตรีสัญชาติอังกฤษ เดอะ บีทเทิลส์ ซึ่งถูกฆาตกรรมขณะเดินกลับที่พักซึ่งอยู่ตรงข้ามสวนเมื่อปี 1980 บนพื้นหินวาดลวดลายวงกลมสีขาวที่มีอักษรคำว่า IMAGINE เขียนไว้ได้รับการแตกแต่งด้วยใบไม้ที่ร่วงกระจายอยู่เต็มพื้น กลีบกุหลาบและดอกไม้จำนวนไม่น้อยที่วางอยู่ใกล้ ๆ เพื่อระลึกถึงนักร้องชื่อดัง แจ็คสันเห็นมาร์คยืนสงบนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กับขอบวงกลมเลยทำตาม ประมาณหนึ่งนาทีมาร์คก็หันมายิ้มน้อย ๆ ให้เขา

“ถ่ายรูปไหมครับ?”

“เอาสิ ผลัดกันถ่ายนะครับ”

มาร์คพยักหน้าหงึกหงัก พวกเขาผลัดกันถ่ายรูปพอเป็นพิธี แล้วส่งให้กันในคาทก ทีนี้แจ็คสันก็ได้ฤกษ์อัปเดต SNS ตนเองสักที

“อ๊ะ” ชายหนุ่มที่เพิ่งกดโพสต์รูปได้ไม่ถึงวินาทีหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ส่งเสียงตกใจแปลก ๆ มาร์คเหมือนจะรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรเปิ่น ๆ ไปเลยรีบร้อนยกมือปิดปาก ก้มหน้าก้มตาขอโทษเขา แล้วควานหยิบมือถือในกระเป๋าตัวเองมาดู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

มันคือภาพลานกว้างแห่งนี้ที่ไม่มีแจ็คสันอยู่ในรูป

 

Strawberry Fields – Central Park                                                    2s

jacksonwang852g7  Let me take you down

Cause I’m going to Strawberry Fields

Nothing is real

And nothing to get hung about

Strawberry Fields forever

– The Beatles –

 🙂 #JohnLennon #TheBeatles #StrawberryFields #CentralPark #NewYork #USA #Manhattan

 

“คุณชอบเดอะบีทเทิลส์เหรอครับ?” มาร์คอดถามไม่ได้ แน่นอนว่าเขากดแคปหน้าจอไอจีของแจ็คสันไว้แล้วเรียบร้อย ได้ยินเสียงแจ็คสันตอบกลับมาว่า “ชอบสิครับ คุณไม่ชอบหรือไง?”

“I can’t believe

              That she would leave

              Me on my own

              It’s just not right

              Where every night

              I’m all alone”

มาร์คตอบเป็นทำนองเพลงสั้น ๆ ที่พอคนฟังได้ยินถึงกับตาโต

“Don’t bother me?”

“นั่นว่าผมอยู่หรืออะไรครับ”

“หมายถึงชื่อเพลงสิ” แจ็คสันหัวเราะกับมุกตลกของมาร์ค แน่นอนว่าอีกคนก็หัวเราะกับมุกของตัวเองเช่นกัน

ลมอุ่น ๆ บ่งบอกสภาพอากาศที่เริ่มเข้าสู่ฤดูใบ้ไม้ผลิของนิวยอร์กพัดผ่านขณะพวกเขาพากันเดินลงมาทางทิศใต้และเดินไปตามทางเดินที่เรียกว่า Terrace Dr มองร่มเงาของต้นไม้สูงสองข้างทางจนมาถึงหนึ่งในสถานที่ที่มาร์คบอกว่าอยากจะมาให้ได้

ลานกว้างสีอิฐที่เป็นขั้นบันไดไล่ระดับลงไปหนึ่งชั้น ตรงกลางคือสระน้ำพุรูปวงกลม ที่ตรงกลางคือรูปปั้นบรอนซ์ของนางฟ้าบีเทสด้าที่ยืนเด่นเป็นสง่าสยายปีกอยู่ตรงกลาง

น้ำพุบีเทสด้า!” คนที่อยากมานักหนาแทบจะกระโดดโลดเต้น สีหน้าดีใจที่ปิดไม่มิดทำให้นักท่องเที่ยวตัวจริงอมยิ้ม

“ทำไมถึงอยากมานักล่ะ มาร์ค”

“เขาบอกว่า ถ้ามาไม่ถึงที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงนิวยอร์กน่ะครับ”

“เขาไหนกัน?”

แจ็คสันถามไปอย่างนั้น เพราะอีกคนไม่รอฟังเขาแล้วรีบเดินเร็ว ๆ ลงบันไดไปแล้ว แจ็คสันรีบสาวเท้าตาม ชักสงสัยว่าตกลงใครพาใครเที่ยวกันแน่

ก่อนถึงลานน้ำพุมีสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า ระเบียงบีเทสด้า อยู่ สิ่งก่อสร้างสูงสองชั้นที่ด้านบนเป็นสถานที่สำหรับชมน้ำพุ และด้านล่างเป็นซุ้มประตูสวยงามสไตล์ตะวันตก และแน่นอนว่ามาร์คไม่พลาดจะวิ่งเข้าไปถ่ายรูป

น่ารัก

แจ็คสันพึมพำคำนี้อยู่ในใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่ทราบ

ท่าทางร่าเริงมีความสุขเกินพิกัดของคนที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับเขา แต่ทำตัวเป็นธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อทำให้แจ็คสันอดยกมือถือมาถ่ายอีกคนอีกรอบไม่ได้ ดูทำหน้าเข้าสิ ทำแก้มป่อง ๆ แบบนั้นมันน่าฟัดมากเลยรู้ไหม

…………แล้วเขาก็เอาแต่ยืนยิ้มอยู่เนี่ย

ผลัดกันถ่ายรูปไปเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครพกกล้องถ่ายรูปมา คิดว่ามีแค่มือถือก็พอ แต่ตอนนี้มาร์คชักเสียดายแล้ว ฟ้าสวย ๆ แบบนี้ถ้าได้่ถ่ายรูปแจ็คสันกับสถานที่แบบนี้คงดี

ว่าแล้วก็อดถามคนข้าง ๆ อย่างเกรงใจไม่ได้

“แจ็คสันครับ…”

คนโดนเรียกเลิกคิ้วขณะมือยังไล่ดูรูปในโทรศัพท์ “ว่าไงครับ?”

“ที่บอกว่าจะให้ถ่ายรูปอะ ผมขอตรงนี้รูปนึงได้ไหม?”

แจ็คสันพยักหน้า “ได้สิ จริง ๆ คุณจะถ่ายกี่รูปผมก็ไม่ว่าหรอก ถือว่าแลกเปลี่ยนที่ให้คุณต้องมาวุ่นวายดูแลผมทั้งวันนี้แล้วกัน”

มาร์คส่ายหน้าช้า ๆ “ผมไม่ได้วุ่นวายอะไรสักหน่อย”

“เหรอครับ” แจ็คสันกดล็อกหน้าจอ ก่อนยิ้มกว้าง “งั้นก็ถ่ายเถอะ มีที่ที่อยากไปอีกไม่ใช่เหรอครับ?”

แฟนไซต์ในคราบนักท่องเที่ยวธรรมดาบอกให้แจ็คสันยืนอยู่ตรงลานระหว่างน้ำพุกับระเบียงบีเทสด้า ก่อนตัวเองจะวิ่งเข้าไปด้านในตัวระเบียง แจ็คสันเลิกคิ้วมองการกระทำนั้นอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายืนชมนกชมไม้ มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่สักพัก แล้วมาร์คก็วิ่งกลับมา

“…ไปไหนมาครับ จะถ่ายหรือยัง?”

มาร์คยิ้มกว้าง อวดเขี้ยวขาวที่แจ็คสันเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเหมาะกับคนตรงหน้าอย่างประหลาด “เสร็จแล้วครับ”

“เอ๊ะ?”

มาร์คเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอวด ๆ “โชคดีที่ผมเอาเลนส์เสริมสำหรับมือถือมาด้วย ภาพก็ออกมาไม่เลว แต่ถ้าได้กล้องคงดีกว่านี้”

ภาพแจ็คสันที่ยืนเหม่อมองอยู่กลางลานน้ำพุดูราวกับภาพจากภาพยนตร์สักเรื่อง องค์ประกอบภาพที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อส่งให้รูปนี้ดูสวยเกินกว่าจะถ่ายจากกล้องมือถือ

“…แค่นี้ก็เยี่ยมแล้วล่ะครับ ผมขอรูปบ้างได้ไหม”

มาร์คชะงัก พยักหน้าน้อย ๆ ก้มหน้าก้มตาส่งรูปให้เขาในคาทก

และแจ็คสันก็ทันเห็นใบหูขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดง ๆ นั่นด้วย

ชายหนุ่มอมยิ้ม

น่ารักจังเลยน้า มาร์ค ต้วน เนี่ย

 

 

 

ตั้งใจว่าจะเดินเที่ยวต่อ แต่กว่าจะหาสถานที่ต่อไปได้ก็ไกลเกินกว่าจะเดินด้วยเท้า ครั้นจะหาจักรยานเช่าสถานที่เช่าก็อยู่ห่างชนิดที่ว่ากลับโรงแรมเลยคงดีกว่า สุดท้ายแจ็คสันกับมาร์คก็ตัดสินใจโดยสารรถแท็กซี่คันหนึ่งกลับโรงแรมของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเที่ยวต่อ แต่ฟ้าที่เริ่มมืดลงและคนที่เริ่มพลุกพล่านทำให้พวกเขาคิดว่า แค่นี้ก็โอเคแล้ว

“เสียดายที่ไม่ได้ไปตั้งหลายที่” มาร์คพึมพำ ดวงหน้าหวานมุ่ยลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้แจ็คสัน “ขอโทษด้วยนะครับ ผมเป็นไกด์ที่วางแผนเที่ยวไม่ได้เรื่องเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” แจ็คสันยิ้มกว้าง “แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้ว”

“ที่ได้มาเที่ยวนิวยอร์กเหรอครับ?”

“ครับ” นัยน์ตาคมเหลือบมามองเขา ก่อนจะเบนไปมองนอกรถ พึมพำเสียงแผ่ว “…กับคุณ”

“…ครับ?” มาร์คได้ยินไม่ชัด “ว่าอะไรนะครับ?”

“ไม่มีอะไรครับ” แจ็คสันยิ้มขำ “มีรูปอะไรที่คุณยังไม่ส่งให้ผมหรือเปล่า?”

“ส่งหมดแล้วล่ะครับ คุณเถอะ คงไม่ได้แอบถ่ายอะไรผมไว้ใช่ไหม?”

มาร์คแซวขำ ๆ ขณะที่คนโดนแซวหัวเราะเบา ๆ ไม่กล้ายอมรับหรอกว่าตัวเองถ่ายรูปอีกฝ่ายไว้จริง ๆ เยอะด้วย

แต่ขืนมาร์ครู้คงไม่ดี

“วันนี้ SNS ของแจ็คสัน หวัง คงมีแต่รูป” มาร์คยิ้ม “ผมจะรอไลค์รอเมนท์นะครับ”

แจ็คสันมองรอยยิ้มนั้นแล้วได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนจะเบือนสายตากลับไปมองนิวยอร์กที่กำลังอยู่ใต้ท้องฟ้าสีส้มแดง

ให้ตายเถอะ

ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วย

แจ็คสันทิ้งตัวลงกับเตียงทันทีที่ถึงห้องพัก อิมแจบอมถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเอ่ยถามเสียงดัง “กินอะไรตอนเย็นหรือยัง”

“ยังอะ พอดีรีบ ๆ”

“เออ สมควรรีบอยู่หรอก เห็นมีแฟนคลับเจอด้วยนี่”

แจ็คสันพึมพำในลำคอไม่ยอมตอบ พอแจบอมเดินเข้ามาจึงเห็นว่าไอดอลหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของตัวเองนอนตะแคงข้างเล่นมือถืออยู่

“…เป็นไร”

“…เปล่า”

“แน่ใจ?”

“อืม”

อิมแจบอมหรี่ตา

“แล้วคุณต้วนคนลูกเป็นยังไงบ้าง ชื่อมาร์คใช่ไหม ฉันจำได้ว่าเคยเห็นหน้าเขาในงานแฟนไซต์นาย เป็นแฟนคลับเหรอ?”

แจ็คสันละสายตาจากมือถือไปจ้องหน้าผู้จัดการของตนเอง “เขาเป็นแฟนคลับฉันเอง”

“น่ารักดีนะ”

“ใช่ไหม?” แจ็คสันผุดลุกขึ้นมาทันที “ตอนแรกนึกว่าคิดไปเอง แต่เขาน่ารักมาก ๆ อะ แบบ อยู่ใกล้ ๆ แล้วรู้สึกใจสั่นเลย ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ขนาดตอนแสดงกับพี่ซอนมียังไม่รู้สึกเลย”

พูดจบก็นั่งทำหน้าเพ้อไปพักหนึ่ง แล้วทิ้งตัวลงไปนอนอีกรอบ

“…….อย่าบอกนะว่าที่เป็นแบบนี้เพราะมาร์ค ต้วน”

เสียงแจบอมบ่งบอกความระอาขั้นสุด จนแจ็คสันต้องขมวดคิ้ว ทั้งที่ตามองเพดานห้อง “แบบนี้นี่แบบไหน”

“ท่าทางเหมือนคนเพ้อรัก”

“………ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ”

“ส่องกระจกดูดิ”

พูดจบก็เดินออกจากห้องไปเลย แต่ก่อนออกก็ทิ้งท้ายไว้ “เดี๋ยวฉันบอกรูมเซอร์วิสให้เอาอาหารขึ้นมาให้”

แจ็คสัน หวัง นอนมองเพดานห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมา แล้วผุดลุกนั่งบนเตียงดี ๆ มือกดจิ้มโทรศัพท์อย่างตั้งใจ

เมื่อมาร์ค ต้วน มาถึงห้อง สิ่งแรกที่เขาทำคือกระโดดลงเตียง

เอาหน้าซุกหมอน แล้วโวยวาย

“โอ๊ยยยฟยดฟหา่ดาวกดสาดกดา อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

เอาหมอนปิดหน้าตัวเองแล้วกลิ้งไปมารอบเตียงอยู่สามสี่รอบ เขาไม่แคร์ถ้าจะมีคนว่าเขาบ้า เพราะตอนนี้ไม่มีใครในห้องนอกจากเขา

จนรู้สึกสะใจแล้วเลยเงยหน้าขึ้นมา นั่งข้างเตียง แล้วถอนหายใจยาว

ชายหนุ่มมองนาฬิกา จะทุ่มนึงแล้ว เขาควรจะสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมากินดินเนอร์ แต่ตอนนี้บอกเลยว่า ไม่หิว

มีความสุขจนอิ่มไปหมด

จะทำเป็นไม่ได้ยินประโยคแฟนเซอร์วิสอะไรนั่น เพราะถึงจะแฟนเซอร์วิสจริงมาร์คก็ไม่สนอีกแล้ว เขาอยากจะเมาท์กับกลุ่มเพื่อนแฟนคลับด้วยกันถึงประสบการณ์ล้ำค่าที่ได้เจอววันนี้มาก แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่เปิดโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทร.หาพี่สาวสุดที่รัก

“…ฮัลโหล? โทร.มาทำไม ฉันเลี้ยงลูกอยู่”

“นี่คือคำทักทายของพี่สาวใช่ไหม?” มาร์คถอนหายใจ แต่ยังอารมณ์ดีเกินกว่าจะใส่ใจกับเรื่องแค่นี้ “พี่แทมมี่ มาร์คมีความสุขมากเลยอะ ทำไงดี”

“…….แป๊บนะ — ฝากดูไลลาหน่อย — เอ้อ ว่ามา เป็นอะไร”

ได้ยินปลายสายคุยกับสามี ขณะที่มือข้างหนึ่งเอื้อมไปคว้าหมอนมากอดอย่างเคยชิน คางแนบขอบนุ่ม ๆ ของหมอน มาร์คเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วที่คนฟังรู้สึกเลยว่า อีกฝ่ายมีความสุขอย่างปากว่าจริง ๆ

“พรุ่งนี้มีแฟนมีตแจ็คสันที่นิวยอร์ก”

“อืม รู้แล้ว และแกก็อยู่ที่นั่น แล้วทำไม”

“คือว่า… เห็นที่แจ็คสันอัปรูปวันนี้ไหม”

“เห็น ที่เซนทรัลปาร์คใช่ไหม?”

“…อืม”

“ทำไม”

“…มาร์คถ่ายเองแหละ”

“……………………………อะไรนะ?”

ชายหนุ่มลงไปนอนกับเตียง “มาร์คเป็นคนถ่ายรูปนั้นเอง”

“…เดี๋ยว หมายความว่าไงวะ เขาเอารูปแฟนไซต์แกมาลงเหรอ? ก็ไหนว่าวันนี้ไม่ตาม?”

“ไม่ใช่” มาร์คกลอกตา “คือจริง ๆ แล้ว แจ็คสันเป็นลูกเพื่อนป๊าต้วน”

“……………………………ตลกแล้ว”

“เรื่องจริง” มาร์คเอ่ยเสียงหนักแน่น แล้วเริ่มเล่าให้พี่สาวแท้ ๆ ฟัง

“……แก แก… ไอ้มาร์ค โอ๊ยยยยยยย ฉันฟินแทนนนนนนนนน แก ฉันแบบ — ไลลา อย่าเพิ่งยุ่งกับแม่ลูก แม่คุยกับอามาร์คอยู่ — อามาร์ค อามาร์ค — ไลลาจ๊ะ… มาร์ค แค่นี้ก่อนนะ”

ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของหลานสาวแล้วมาร์คอดยิ้มตามไม่ได้ “ได้ ๆ ไว้ค่อยคุยกันก็ได้”

“เออ ๆ โชคดีนะ”

แทมมี่วางสายไปแล้ว แต่มาร์คยังคงนอนมองเพดานห้องที่ประดับอย่างสวยงามอยู่ จนได้ยินเสียงแจ้งเตือนมือถือดัง

 

jacksonwang852g7 just posted a video.

 

มือเรียวกดเข้าไปดูทันที

ภาพลานกว้างในสตรอเบอร์รี่ ฟิลด์ ขึ้นมาเป็นภาพแรก ก่อนจะตัดไปเป็นทางเดินในเซนทรัลปาร์ค มาร์ครู้สึกหน้าร้อนวูบเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของคนที่แจ็คสันกำลังเดินตามคือตน ได้ยินเสียงตัวเองแทรกเข้ามาด้วย แต่ไม่เห็นหน้า แล้วภาพก็ตัดไปเป็นบีเทสด้า บรรยากาศรอบ ๆ ลานน้ำพุ และก็เห็นอีกไกล ๆ ว่ามีเขาวิ่งไปวิ่งมาถ่ายรูปอยู่แถวนั้น ก่อนจะสิ้นสุดที่รูปแจ็คสันหวังเซลฟี่ตัวเองส่งท้ายคลิป

 

♥︎ 626 likes

jacksonwang852g7 THE BEST DAY EVER IN NYC. THANK YOU. See ya tmr. #jacksonwang #nyc #JSWangNYC1stFanMeeting

bambam1a Enjoy your trip!

yu_gyeom miss you!

 

ชายหนุ่มอ้าปากพะงาบ ๆ ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะตัดสินใจกดไลค์ แล้วคอมเมนต์

 

jswang94 Welcome to NYC. See ya 🙂

 

คืนนี้คงเป็นคืนที่เขาฝันดีที่สุดในโลก

 

TBC

 

#จาร์คแฟนบอย – 1 Lucky Fan

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


THE SECRET LIFE OF MARK TUAN

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

1
Lucky Fan

 

 

แมนฮัตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

เสียงดนตรีบรรเลงด้วยเครื่องสายจำพวกไวโอลินจากยกพื้นสูงกลางห้องโถงพาให้บรรยากาศในงานเลี้ยงรับรองของสมาคมนักธุรกิจเอเชียแห่งสหรัฐอเมริกาดูผ่อนคลายมากขึ้น หลังจาก เรย์มอนด์ ต้วน เพิ่งประกาศแผนโครงการใหม่สำหรับไตรมาสหน้า และลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คนในชุดสูทสากลหรูทั้งห้องประชุม เหล่านักธุรกิจในห้องนี้รู้ดี ใต้หน้ากากอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีดุจซานตาคลอส คือเสือที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์

เรย์มอนด์ขยับหูกระต่ายสีดำของตนให้เข้าที่ก่อนผ่อนลมหายใจระบายความตึงเครียด เขาเพิ่งประกาศโครงการใหม่ที่จะช่วยนำร่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขา และโครงการนี้จะสำเร็จไม่ได้หากเขาขาดเพื่อนซี้ที่ตัดสินใจยอมลงมาเสี่ยงด้วย เศรษฐีฮ่องกงที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เกาลูน

“ป๊าครับ โอเคไหม?”

เสียงเรียกหาด้วยความห่วงใยทำให้ชายชราหันไปยิ้มให้ แล้วได้รับรอยยิ้มสดใสของลูกชายคนโตตอบกลับมา มาร์ค ต้วน สมบัติล้ำค่าของเขาและครอบครัว

“เห็นป๊าเป็นคนยังไงฮึ? แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกน่า” เรย์มอนด์ยิ้มให้ลูกชาย “เราเถอะ เบื่อล่ะสิ ต้องมาอุดอู้อยู่ในนี้”

มาร์คทำปากยื่นใส่คนเป็นพ่อเมื่อโดนรู้ทัน และนั่นทำให้เรย์มอนด์หัวเราะลั่น

เรย์มอนด์ ต้วน เป็นชาวไต้หวันที่สร้างตัวขึ้นมาจากธุรกิจในลอสแองเจลิสจนเป็นเศรษฐี มีลูกสี่คน สองคนแรกเป็นลูกสาวหน้าตาสะสวย คือเกรซและแทมมี่ คนโตค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองสูงและพอโตพอที่จะออกเรือนก็ชิ่งไปเที่ยวต่างประเทศค้นหาตัวตนอะไรไปตามเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็ดูจะมีหน้าที่การงานดีเพราะเวลาติดต่อมาก็ไม่เคยเอ่ยปากเรื่องเงิน

แทมมี่เป็นลูกสาวที่เรย์มอนด์ภูมิใจทีเดียว นอกจากจะสวยเหมือนแม่แล้ว พอถึงวัยก็ได้แต่งงานกับนักธุรกิจมีชื่อที่คนเป็นพ่อรู้จักดี ตอนนี้ก็มีลูกสาวหน้าตาน่ารักชื่อไลลา ที่ทุกวันนี้ติดอามาร์คจนคนเป็นแม่แทบไม่ต้องทำอะไร

ลูกชายสองคนของเรย์มอนด์ คือมาร์ค และโจอี้ ต้วน ลูกชายคนเล็กนั้นเรย์มอนด์ไม่ห่วงอะไรมาก เพราะเพิ่งสอบเรียนต่อทางด้านเภสัชกรได้ ก็คงหาสายงานที่เข้ากับตัวเองได้ไม่ยาก ส่วนมาร์คนั้น เขาวางไว้ให้เป็นกำลังหลักในธุรกิจของตัวเองในอนาคตเลยทีเดียว แม้เจ้าตัวจะดูไม่ค่อยชอบก็เถอะ

มาร์ค ต้วน ปีนี้อายุยี่สิบสองปี เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการ (แม้แทมมี่จะพูดกรอกหูเขาอยู่ทุกวันว่ามาร์คหน้าเหมือนแม่มากกว่าตัวแทมมี่เองก็เถอะ) ผิวขาวจัดเพราะหลัง ๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ในขณะที่ถ้าเป็นเมื่อสมัยไฮสกูล คุณไม่มีทางจะได้เห็นเขาอยู่บ้านหรอก มาร์คน่ะดื้อและเที่ยวเอาการเลย เรย์มอนด์มั่นใจว่าลูกชายของเขาน่าจะผ่านมาแล้วทุกอย่าง… เหล้า บุหรี่ ผู้หญิง ฯลฯ เพื่อนแต่ละคนก็แสบ ๆ ทั้งนั้น แต่เพราะเห็นกันมาแต่เล็กเขาเลยวางใจ (อีกอย่างคือเพื่อนของมาร์คแต่ละคนก็เป็นลูกของเพื่อนนักธุรกิจของเขาทั้งนั้น เรย์มอนด์หายห่วง) พอเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำได้ดีจนสอบได้เกียรตินิยม และสำเร็จการศึกษาทางด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยในนิวยอร์ก ตอนนี้ก็มาช่วยเขาดูแลธุรกิจ เรย์มอนด์เลยหิ้วมาดูงานที่นิวยอร์กนี้ด้วย เผื่อลูกชายจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น แม้ท่าทางจะเบื่อเต็มทนก็เถอะ แน่ล่ะ ถ้าไม่ออกมางานเลี้ยงกับเขาก็ต้องหมกตัวอยู่ในโรงแรม แต่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงนี้ก็ไม่ได้รู้สึกต่างกันมากนัก

“สวัสดีค่ะ คุณต้วน” หญิงกลางคนที่แขนข้างหนึ่งคล้องสาวน้อยหน้าตาสะสวยมาด้วยเข้ามาทักเขา “ยินดีด้วยกับโครงการที่เพิ่งเปิดไปนะคะ”

“สวัสดีครับ…” เรย์มอนด์หันไปทักทายกลับพอเป็นพิธี และดูเหมือนลูกชายของเขาจะเดาจุดประสงค์การเข้ามาของหล่อนได้แล้วเลยทำท่าจะเลี่ยงไปหยิบเครื่องดื่มให้เขาเพิ่ม แต่อีกฝ่ายมาเหนือชั้นกว่า ชิงทักลูกของเขาก่อน

“แหม นี่ลูกชายคนโตที่เขาพูดถึงกันใช่ไหมคะ? แหม หน้าตาหล่อเหลาเหมือนคุณสมัยหนุ่ม ๆ เลยนะคะ”

สองพ่อลูกได้แต่ยิ้มรับ แม้ในใจจะสงสัยก็เถอะว่า หล่อนไปรู้จักหน้าตาเขาสมัยหนุ่ม ๆ ได้อย่างไร

“อ้อ นี่ลูกสาวดิฉันค่ะ” คุณเธอหันไปจะแนะนำสาวน้อยที่ท่าทางเขินอายเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็โดนเงาร่างของใครสักคนเข้ามาบังก่อน

“เอ๊ะ คุณ มายืนขวางได้ยังไงคะ เสียมารยาท…”

หล่อนแหวไว้ก่อน แต่พอเห็นคนหนึ่งในนั้นหันมายิ้มเป็นเชิงขอโทษด้วยดวงหน้าที่หล่อบาดใจก็ทำเอาหล่อนพูดไม่ออก

“ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิง พวกผมมีธุระเร่งด่วนจะคุยกับคุณต้วนน่ะครับ”

 

 

 

 

ขณะที่คุณนายท่านนั้นกำลังจะนำเสนอลูกสาวตัวเอง ก็มีร่างในชุดสูทสากลสองร่างเข้ามาขวางไว้เสียก่อน มาร์ค ต้วน เลิกคิ้วประหลาดใจกับกริยานั้นและท่าทางที่ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน แต่หนึ่งในนั้นหันหลังให้เขาไปคุยกับสุภาพสตรีทั้งสองเสียก่อน จึงเหลือแต่ชายกลางคนที่มาร์คยังรู้สึกว่าคุ้นหน้าอย่างประหลาด

“ไม่เจอกันนานนะ เรย์มอนด์”

และอีกฝ่ายก็ทักทายพ่อของเขาด้วยภาษาจีนกลางที่ทำเอามาร์คปรับสมองไม่ทัน จริงอยู่ว่าเขาพูดและฟังจีนกลางได้ แต่ก็ไม่ได้คล่องแคล่วมากนักเพราะไม่ค่อยได้ใช้

พ่อของเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบ่นพึมพำ “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว แต่เอาเถอะ มาก็ดี ขอบคุณมากที่ร่วมหัวจมท้ายกับโครงการนี้ด้วยกัน”

“พูดอย่างนั้นเหมือนฉันจะต้องขาดทุนแน่ ๆ ยังไงไม่รู้”

“อย่าพูดเป็นลาง!”

เสียงหัวเราะดังจากเขาและคู่สนทนาของคุณพ่อ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหันมามองเขาอย่างสนใจ

“หืม? แล้วนี่? ลูกสาวเหรอ?”

เรย์มอนด์ ต้วน แทบชกหน้าเพื่อน “ตาบอดแล้วเหรอ เพื่อน”

“ล้อเล่นน่า ก็เห็นหน้าตาน่ารักดี” อีกคนหัวเราะ “มาร์ค ต้วน สินะ?”

มาร์คชะงัก ก่อนจะยิ้มรับ “ครับ คุณ…?”

พ่อของเขาก็ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักเลยจริง ๆ หรือ?

ชายวัยกลางคนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปสะกิดเงาร่างอีกคนที่คุยกับสุภาพสตรีทั้งสองอย่างสนุกสนานให้หันมา

ทันทีที่เห็นดวงหน้าคมนั้น มาร์คแทบหยุดหายใจ

“ฉันเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอสมัยเรียนที่เกาลูนน่ะ อ้อ นี่ลูกชายฉัน รู้จักกันไว้สิ ถ้าอยู่วงการนี้คงได้เจอกันอีก นี่แจ็คสัน หวัง ลูกชายฉันเอง แจ็คสัน นี่มาร์ค ต้วน ลูกชายของคุณเรย์มอนด์”

แจ็คสัน หวัง หันไปจับมือกับพ่อของมาร์ค ก่อนจะหันมายิ้มให้เขาแล้วทักทายเป็นภาษาอังกฤษ

“สวัสดีครับ มาร์ค ไม่นึกว่าจะเจอกันที่นี่นะ”

รอยยิ้มกว้างที่ยิ้มไปถึงตา มาร์คทำได้เพียงยิ้มตอบแม้ในใจจะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะและกรีดร้องเป็นบ้าอยู่ในความคิด

แจ็คสัน หวัง!!!

          ทำไมแจ็คสัน หวัง คนนั้น ถึงมาอยู่ตรงนี้!?

          พอนึกย้อนความทรงจำที่เคยรู้มาก่อนหน้านี้แล้วมาร์คแทบลมจับ อา ใช่ แจ็คสัน หวัง ที่เขารู้จัก มีประวัติว่าพ่อเป็นเศรษฐีฮ่องกง แต่เขาไม่ได้รู้รายละเอียดเชิงลึกเรื่องธุรกิจของพ่อแจ็คสัน เพราะคนที่เขาสนใจคือแจ็คสัน ไม่ใช่พ่อของเขา

แล้วทำไมพ่อของเขาถึงไปรู้จักพ่อแจ็คสัน หวัง ได้ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ!

แม้ฉากหน้ามาร์คจะยิ้ม แต่ในใจเขาอยากจะเป็นลมไปเลย ภาพของแจ็คสันที่เขาเห็นบ่อย ๆ กับแจ็คสันที่อยู่ตรงหน้ากำลังบีบให้เขาอยากออกไปวิ่งรอบเกาะแมนฮัตตัน

ถามว่าทำไมมาร์คเป็นถึงขนาดนี้น่ะเหรอ?

ถ้าคุณเจอไอดอลที่คุณคลั่งไคล้มาก ๆ ในระยะห่างกันไม่ถึงสองเมตรและพบว่าเขาเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของพ่อคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไรล่ะครับ?

 

 

 

 

แจ็คสัน หวัง ที่มาร์ค ต้วน รู้จัก คือไอดอล

เป็นไอดอลชาวฮ่องกงที่ไปเดบิวต์และมีชื่อเสียงในเกาหลีใต้ ด้วยเวลาเพียงแค่ครึ่งปีแรกก็สร้างฐานแฟนคลับทั่วประเทศ ครบปีมีเอเชียทัวร์ และตอนนี้สองปีแล้ว แจ็คสัน หวัง กำลังมีมีตติ้งในอเมริกา

ส่วนที่ว่า มาร์ค ต้วน ผู้ไม่ค่อยสนใจโลกเพราะวัน ๆ เอาแต่เรียนไปรู้จักเขาได้ยังไงนั้น เขาขอยกความดีความชอบ(?)ให้แทมมี่ ต้วน พี่สาวผู้น่ารักของเขาเลย

เริ่มด้วยวันนั้นเป็นวันหยุดยาวที่พี่สาวมาหาเขาที่หอในนิวยอร์ก แล้วคงเพราะเจ้าหล่อนว่างเกินไป เลยเปิดเพลงเสียงดังลั่นห้อง แต่จังหวะและทำนองเพลงมันสะดุดใจจนมาร์คต้องถามว่าเพลงของใคร หล่อนก็ตอบมาว่า

“แจ็คสัน หวัง นักร้องเกาหลีอะ ตอนนี้กำลังดัง”

          ตอนนี้ที่แทมมี่บอกคือปีที่แล้ว

แล้วหลังจากนั้นแทมมี่ก็เริ่มเปิดเพลงของแจ็คสันให้เขาฟังบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ จนมาร์คลองไปหาฟังเองบ้าง เขาชักหลงใหลเสียงนุ่ม ๆ เวลาร้องเพลงของคน ๆ นี้ รวมถึงจังหวะการแร็ปในบางเพลงด้วย

แล้วมันก็ลามไปสู่การสืบค้นประวัติและหน้าตาของ แจ็คสัน หวัง

จริง ๆ มาร์คก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่เขาก็ยังอุตส่าห์แบ่งเวลาจากการติวหนังสือไปหาเรื่องราวของแจ็คสัน และเซฟรูปภาพไว้จนแทบจะเต็มแล็ปท็อป ยิ่งรู้จักมากเท่าไหร่ มาร์คยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้

เขาสนใจแจ็คสันอย่างจริงจัง

ออกตัวก่อนว่ามาร์คไม่ได้เป็นเกย์ เขาก็แค่รู้สึกว่าคน ๆ นี้มีเสน่ห์บางอย่าง ในทุกรูปที่แฟนคลับถ่ายมา ทั้งความสดใส มุมขี้เล่นน่ารัก หรือมุมดิบเถื่อน มาร์ครู้สึกว่ามันน่าหลงใหลอย่างประหลาด

รู้สีกตัวอีกทีมาร์คก็มีโปสเตอร์ของแจ็คสันที่สั่งมาจากเกาหลีใต้ และขอบคุณมากที่คุณผู้ช่วยคนสนิทของเขา หรือที่รู้จักกันดีว่าคือ จูเนียร์ หรือเลขาปาร์ค เป็นหนุ่มเกาหลีใต้ที่บินไปกลับประมาณเดือนละครั้ง เพื่อติดต่อธุรกิจและอื่น ๆ มาร์คเลยได้คนคอยหิ้วของชั้นดี

นอกจากจูเนียร์แล้วก็มีพี่แทมมี่ที่รู้เรื่องนี้ พอเขาเริ่มคลั่งแจ็คสันได้สักสี่เดือน หล่อนก็ถามว่า

“ไม่ลองเปิดบ้านแฟนไซต์ดูล่ะ? จะได้หาเงินเก็บไว้ด้วย”

ถึงแทมมี่จะพูดแบบนั้น แต่เงินทุกดอลลาร์ที่เขาเสียไปเพื่อของออฟฟิเชียลของแจ็คสัน ก็เป็นเงินที่เขาหักมาจากเงินเดือนตัวเองที่ทำงานกับป๊าต้วนนะ…

แต่ก็ดูเป็นข้อเสนอที่ดี มาร์คเริ่มหารายละเอียดการเปิดบ้านแฟนไซต์ ลองถามกลุ่มแฟนคลับด้วยกันและโชคดีที่เขาต้นทุนชีวิตสูงกว่าคนอื่นอยู่นิดหน่อย… เลยถอยกล้องดี ๆ กับเลนส์ระดับเทพมาได้ เรียนรู้วิธีการถ่ายอยู่พักหนึ่งก็พร้อมจะออกรบ

แฟนไซน์แรกที่มาร์คตัดสินใจไปปรากฏตัวคือแฟนไซน์ในฮ่องกง บ้านเกิดของแจ็คสัน ตอนนั้นแจ็คสัน หวัง เริ่มเอเชียทัวร์ได้สักพักแล้ว แน่นอนว่าฐานแฟนที่ฮ่องกงก็ไม่ธรรมดา กว่ามาร์คจะฝ่าฟันหาวิธีการเข้าไปในงานได้ก็แทบจะก้มกราบเลขาฯ ตัวเองสักสามรอบ (แล้วมาร์คก็นั่งบ่นให้จูเนียร์ฟังทุกวันเรื่องระบบแฟนคลับที่เยอะแยะวุ่นวายของวงการนี้) แต่สุดท้ายเขาก็เข้ามาได้

บอกตรง ๆ ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่จะได้ใกล้ชิดแจ็คสัน หวังขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่เคยไปคอนเสิร์ตของเขา แต่ตอนนั้นก็แค่ไปลองเชิงดูว่าตัวเองจะชอบได้มากสักแค่ไหน แถมไปเสียบัตรถูกสุด (แล้วตอนนี้ก็มานึกเสียใจทีหลัง) ตอนนี้ชายหนุ่มตื่นเต้นมาก รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปตอนครั้งแรกที่ต้องนำเสนองานให้ศาสตราจารย์ที่พร้อมสับงานเขาได้ทุกเวลา

มาร์คขยับแว่นตาของตนให้เข้าที่ ปกติเขาจะใส่คอนแทคเลนส์มากกว่า แต่ด้วยความไม่มั่นใจบางอย่างทำให้เขาเลือกจะหยิบแว่นสายตามาใช้แทน แล้วก็เลือกสวมเสื้อสีขาวเรียบ ๆ (ที่ยี่ห้อไม่เรียบด้วย) กับกางเกงยีนส์ฟอกสีจนซีด รองเท้าสนีกเกอร์คู่เก่งสีไม่สะดุดตา ที่ไม่ลืมคือกล้อง SLR ที่เพิ่งถอยมาใหม่กับเลนส์ที่คนที่นั่งข้างเขาถึงกับสูดหายใจลึกตอนเห็นเขาหยิบออกมา

งานวันนั้นมาร์ครัวชัตเตอร์จนเมโมรี่การ์ด 4GB 4 อันที่พกแทบไม่พอ ทั้งที่เวลางานไม่กี่ชั่วโมงแท้ ๆ นอกจากนี้เขายังได้ลายเซ็นต์ของแจ็คสันมาด้วย แล้วยังได้… ไฮทัชกับพูดคุยกันนิดหน่อย…

มาร์คจำได้ดี ตอนที่เข้าไปใกล้แจ็คสัน หวัง คนที่เขาได้แต่มองผ่านเลนส์กล้องและมองจากที่ไกล ๆ ตอนที่แจ็คสันทำหน้าประหลาดใจใส่เขา แล้วหันมายิ้มกว้างให้

“ว้าว ผมไม่นึกว่าจะมีแฟนคลับผู้ชายด้วย ดีใจจัง”

          มาร์คตอนนั้นคงเด๋อด๋าน่าดู… คิดแล้วก็อายตัวเอง เขาตอนนั้นได้แต่ยิ้มโง่ ๆ ใส่ไอดอลคนโปรดของตัวเองแล้วยื่นแผ่นไซน์ให้แบบไม่ค่อยมีสติ ได้ยินคนตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตาเซ็นต์ถามเขาว่า ชื่ออะไร เขาก็พึมพำตอบไปว่า มาร์ค เสียงแผ่วมาก จนแจ็คสันต้องขยับมาใกล้ ๆ แล้วถามอีกรอบ

“อะไรนะ? ผมไม่ได้ยินเลย”

          “มาร์ค M-A-R-K”

          แจ็คสันพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพูดต่ออีก “มาร์คพูดจีนเก่งจังเลยนะครับ แต่ไม่ใช่คนฮ่องกงใช่ไหม?”

          ยังไม่ทันได้ตอบอะไร การ์ดก็เตือนให้มาร์คเดินต่อ เลยต้องลาออกมาทั้งอย่างนั้น แม้ในใจจะเต้นรัวและเหมือนไม่มีสติเลยก็เถอะ

อืม… ไม่มีสติจริง ๆ แหละ เมื่อกี้คุยอะไรกับแจ็คสันบ้างนะ โฮ T_____T

แต่ที่แน่ ๆ คือ… อย่าคิดว่าเขาจะเลิกติ่งได้ง่าย ๆ นะ มาร์ครู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมใหญ่ลงไปเสียแล้ว

แล้วหลังจากนั้นมาร์คก็ไปโผล่ตามงานที่แจ็คสันออกเรื่อย ๆ ลงทุนบินจากแอลเอไปตามเขาถึงเอเชีย แทมมี่กับจูเนียร์ตอนแรกว่าเขาเต็มที่ว่าไม่มีสติแล้ว แต่ผ่านไปสักพักก็ปลง จูเนียร์ก็จัดการตารางงานให้ไม่ชนจนได้

นับจากตอนนี้ก็ปีกว่าแล้วที่มาร์คติดตามแจ็คสันในฐานะแฟนคลับ และแฟนไซต์ในนาม jswang94 (ชื่อนี้สิ้นคิดมาก เพราะมาร์คดัดแปลงมาจากชื่อทวิตเตอร์ตัวเอง…) รายได้ในการติดตามก็มาจากโฟโต้บุ๊คที่ขายให้กลุ่มแฟนคลับบ้าง และรายได้ประจำจากที่ทำงานที่บริษัท

น่าอัศจรรย์ใจที่แม้เขาจะทำตัวเป็นแฟนบอยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ป๊าต้วนก็ยังไม่รู้เรื่อง คงเพราะเขายังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ไม่ขาดตกบกพร่องเหมือนเดิม หรือป๊าคิดว่าเขาบินไปดูงานต่างประเทศก็ไม่รู้… (แต่ค่าตั๋วเขาก็ออกเองนะ… ลากจูเนียร์ไปด้วยทุกรอบ)

แจ็คสัน หวัง ยังคงสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเรื่อย ๆ จนล่าสุดมีประกาศว่าจะมีแฟนมีตติ้งที่อเมริกา มาร์คจำได้เลยว่าตอนตัวเองรู้ข่าวนี่ดีใจน้ำตาไหล จะได้ไม่ต้องบินหลาย ๆ รอบให้เหนื่อยเล่น (เจ็ทแล็กจนเขาชินแล้ว…) ตามง่ายตามสะดวกด้วยเพราะถิ่นเขาเอง แทมมี่กับจูเนียร์ก็ยินดีกับเขาประหนึ่งว่าเขาจะประกาศแต่งงาน เอาเป็นว่า มันเป็นข่าวดีมากในชีวิตของเขาแล้วกัน

มาร์คจัดตารางไว้เรียบร้อยแล้วว่าต้องไปตามวันไหนบ้าง วันที่แจ็คสันมาถึงอเมริกาเขาก็ไปรับ ไปตามถ่ายรูป แต่ก็ยังไม่นึกว่า… จะมาเจอในงานเลี้ยงที่มีแต่นักธุรกิจวัยเท่าพ่อเขาแบบนี้…

ก็ว่าทำไมรีบมาจัง ในเมื่องานแฟนมีตก็มะรืนนี้

กลับมาที่ปัจจุบัน มาร์คยืนยิ้มเหือดแห้งฟังคุณพ่อของตัวเองคุยอย่างออกรสกับคุณพ่อของแจ็คสัน–คนที่มาร์คเคยเห็นหน้าตอนไปตามที่ฮ่องกงและบางงานที่เกาหลีใต้ และเคยเห็นตอนค้นประวัติแจ็คสัน– ก่อนจะขอตัวออกมาหาอะไรกิน เพราะเริ่มทนสายตาที่แจ็คสันมองมาได้

…มองเขาทำไม

แล้วไหนจะประโยคแปลก ๆ ที่พูดอีก “สวัสดีครับ มาร์ค ไม่นึกว่าจะเจอกันที่นี่นะ” นี่คืออะไร? จำเขาได้เหรอ?

          ไม่มีทาง แฟนคลับแจ็คสันมีเป็นหมื่นคน จะจำเขาได้ยังไง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

คิดอยู่ในใจขณะที่มือข้างหนึ่งยกค็อกเทลขึ้นจิบ รสชาติของเครื่องดื่มที่ผ่านคอไปไม่อยู่ในประสาทรับรู้ของเขาด้วยซ้ำ มาร์คอยากสลายตัวออกไปจากงานแล้วกลับไปขังตัวเองอยู่ในห้องที่มีแค่โปสเตอร์ ตั้งสติแล้วบอกว่าตัวเองว่าฝันไป

ใจเย็น ๆ มาร์ค ต้วน อย่าตื่นเต้นมากมาย ตอนนี้เขาก็แค่ลูกชายของคุณหวัง ไม่ใช่แจ็คสัน หวัง บนเวที

หลอกตัวเองเข้าไป

ทนไม่ได้จนต้องยกแก้วในมือกระดกรวดเดียว

“โว้ ใจเย็นสิครับ…”

แล้วก็แทบพ่นน้ำออกมา

โชคดีที่มาร์คกลืนลงไปทัน แต่ก็ยังอดไอออกมาไม่ได้ นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างมองคนที่จู่ ๆ ก็ชะโงกหน้ามาคุยกับเขาจากด้านหลัง

แจ็คสัน หวัง!

“ดื่มเร็วขนาดนั้นมันไม่ดีนะครับ คุณมาร์ค ถึงจะเป็นแค่ค็อกเทลก็เถอะ”

มาร์คไม่รู้จะตอบอะไรดี เลยได้แต่เสยื่นแก้วเปล่าให้บริกรที่เดินผ่านมาพอดี

แต่คนตรงหน้าไม่ยอมหยุดจ้องหน้าเขาสักที โอ๊ย ให้ตายเถอะ

“…ผมจำคุณได้นะครับ มาร์ค”

ประโยคที่ทำเอาสะดุ้ง “…จำอะไรได้ครับ ผมไม่เห็นจำคุณได้เลย คุณจำคนผิดมั้ง”

เบี่ยงประเด็นไปนู่น แม้ในใจจะรู้สึกว่าเป็นประโยคสุดงี่เง่าก็ตาม

แจ็คสันหัวเราะเบา ๆ

“โธ่ พูดอย่างนี้ผมก็เสียใจนะ ผมยังอุตส่าห์จำแฟนคลับเจ้าประจำที่เห็นหน้ากันมาเป็นเดือน ๆ ได้เลย ทำไมคุณจะจำผมไม่ได้”

“…”

อยากตายตรงนี้โดยสมบูรณ์แบบ T_____________T

ไม่รู้ว่าปกติแจ็คสันทำแบบนี้กับแฟนคลับคนอื่นไหม หรือเพราะเขาเป็นผู้ชายก็ไม่รู้ แต่ไอ้การขยับหน้าเข้ามาพูดจาหยอกล้อใกล้ ๆ นี่คืออะไร คิดว่าเขามีภูมิต้านทานขนาดนั้นไหม รู้ไหมว่าตัวเองหล่อขนาดไหน โอ๊ย

มาร์ค ต้วน จะไม่ทน

“คุณช่วยขยับออกไปสักนิดเถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง” มาร์คแทบกลั้นหายใจตอนพูด แต่ไม่รอให้อีกคนถอยหรอก เขานี่แหละถอยเอง “ผมดีใจนะที่คุณจำผมได้ ในฐานะแฟนคลับ แต่ตอนนี้ได้โปรดอย่าพูดเรื่องนั้นและทำเป็นลืมไปเถอะครับ ผมค่อนข้างลำบากใจ”

แจ็คสันเลิกคิ้ว “คุณต้วนไม่รู้เหรอว่าคุณเป็นแฟนคลับผม”

“รู้ก็แปลกแล้วครับ…”

คราวนี้คนฟังทำหน้าประหลาดใจ “โห ผมจำได้ว่าคุณตามผมมาเป็นปีแล้วนะ ไม่น่าเชื่อ ว่าแต่นี่คุณอยู่อเมริกาเหรอ?”

“สัญชาติอเมริกันครับ” มาร์คตอบไปตามเรื่อง และได้รับสีหน้าช็อกกลับมา

“……แล้วคุณก็ไปตามผมที่เกาหลีใต้?”

มาร์คเผลอกัดปากเพราะติดนิสัยเวลาคิด แถมยังไม่สบตาอีกคนอีก ขณะตอบ “ก็อย่างนั้นแหละ…”

คำตอบนั้นทำเอาต่างฝ่ายต่างเงียบไปนาน มาร์คยืนปล่อยเข่าแบบไม่มีที่ไป ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จะเดินออกไปก็กลัวจะเสียมารยาท อีกใจก็ไม่อยากเดินออกไป แหม ก็ไม่ใช่ทุกวันนี่ที่คุณจะได้ใกล้กับไอดอลที่คุณชอบขนาดนี้น่ะ

แล้วแจ็คสันก็เริ่มบทสนทนาอีกรอบ จริงอยู่ว่าที่รู้มาแจ็คสันเป็นคนพูดเก่ง อัธยาศัยดี แต่พอมาเจอกับตัวเองมาร์คก็แอบรับมือไม่ได้

“แล้วแฟนมีตวันมะรืนนี้คุณจะไปไหม?”

มาร์คพยักหน้า “ถ้าคุณทำเป็นลืมว่าวันนี้เราเจอกันผมจะดีใจมาก”

แจ็คสันหัวเราะอีกรอบพลางส่ายหน้า “ผมจะลืมคุณได้ยังไง พูดอะไรตลก”

 แล้วพูดอะไรให้ชวนคิดลึกแบบนั้นล่ะครับ คุณแจ็คสัน

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณก็ว่างอยู่สิ ให้ผมเดาคุณคงอยู่นิวยอร์กยาวเลย จนกว่าจะแฟนมีตผมเสร็จสินะ”

มาร์คฟังแล้วได้แต่พยักหน้า ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธสักประโยค

“งั้นพรุ่งนี้ผมจองคุณนะ”

“ฮะ?”

มาร์คเหวอไปชั่วขณะ “อะไรครับ? จองอะไร?”

“พาเที่ยวหน่อยนะ ผมไม่ได้มาอเมริกาบ่อย ๆ ยิ่งนิวยอร์กยิ่งแล้วใหญ่ คนพื้นที่น่าจะพาผมเที่ยวได้นะ”

มาร์คคิดว่าหน้าตัวเองตอนนี้คงดูโง่สุด ๆ ไปเลย “คุณพูดอะไร ผมไม่ใช่คนนิวยอร์กนะ ผมคนแอลเอ”

“แอลเอบอย? งั้นก็ถือว่าไปเที่ยวด้วยกันไง ดีไหม?”

ดีบ้าบออะไรครับ มาร์คแทบทรุด สามวันแรกก่อนมีทติ้งนี่ทุกคนตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้เป็นเวลาส่วนตัวของแจ็คสัน ไม่ตาม ไม่ถ่ายอะไรทั้งนั้น ยกเว้นแฟนแอค แต่นี่………..

“ผมให้คุณถ่ายรูปได้นะ ดีไหม?”

“…”

อยากเอาหัวโขกพื้นพรมจังเลยครับ

มีใครเคยเจอไอดอลของตัวเองรุกหนักแบบนี้ไหมครับ ต้องทำยังไง

คงเพราะเห็นเขาเงียบไปนาน แจ็คสันเลยยอมถอยออกมาหน่อย

“…ถ้าผมทำให้คุณลำบากใจ…”

“จริง ๆ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นครับ” มาร์คถอนหายใจ “แต่คุณควรรู้ว่าถ้าผมไปไหนกับคุณ นั่นไม่ใช่ในฐานะแฟนคลับทั่วไป เพราะแฟนคลับทั่วไปไม่ทำแบบนั้น”

“…งั้นก็ในฐานะเพื่อนก็ได้ครับ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

ท่าทางเหมือนลูกหมาชอบอ้อนทำเอามาร์คใจแกว่ง อย่าลืมว่ามาร์คน่ะคลั่งแจ็คสันมากนะ ขนาดที่ยอมบินไป ๆ มา ๆ เพื่อตามถึงเกาหลีใต้เชียวนะ

“…ถ้างั้นก็คงได้แหละครับ”

แต่ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องทำเนียนไม่รู้เรื่อง เหมือนตัวเองไม่ใช่แฟนไซต์สินะ

ภาวนาอย่าให้มีคนเคยเห็นหน้าเขามาเห็นตอนเขาอยู่กับแจ็คสันพรุ่งนี้แล้วกัน T______T

 

ถึงเลขาฯ ปาร์ค: จูเนียร์ พรุ่งนี้ผมต้องออกไปข้างนอกนะ แต่ยังอยู่ในนิวยอร์ก คุณไม่ต้องห่วง หลังแฟนมีทติ้งของแจ็คสันผมกลับแน่ ๆ ฝากงานทางนั้นด้วย

 

ถึงคุณมาร์ค: ดีใจที่ได้เห็นคุณส่งข้อความมาหาผมบ้างนะครับ คุณมาร์ค แต่ผมเพิ่งทราบข่าวมาว่าแจ็คสัน หวัง ไปปรากฏตัวที่งานของสมาคมฯ ด้วย คิดว่าพรุ่งนี้คงเห็นเขาในหน้าหนังสือพิมพ์ ยังไงคุณก็อย่าลืมหลบ ๆ กล้องสำนักข่าวหน่อยนะครับ

 

TBC

 

#108missionswithmarkson – 5

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

5

“ติดยัง?”

“สัญญาณไม่ค่อยดีปะ… อ๊ะ มาแล้ว”

“สวัสดีครับ พวกเราแจ็คสัน…” เจ้าของชื่อหันไปมองคนที่ยิ้มใส่กล้องอยู่เป็นเชิงให้พูดต่อ

“และมาร์ค”

“จากก็อตเซเว่นครับ”

“ตอนนี้พวกเราอยู่ที่…” มาร์คขยับกล้องออกให้เห็นชัดขึ้น พวกเขานั่งอยู่บนโซฟาสีดำ ทั้งสองสวมเสื้อกล้ามแบบที่ชอบใส่ประจำ ของมาร์คเป็นสีขาวส่วนของแจ็คสันเป็นสีดำ “…ห้องซ้อมครับ”

“นี่เป็นช่วงพักพอดี เราซ้อมติด ๆ กันมาหลายชั่วโมงแล้วครับ ตอนนี้พอมีเวลาว่างนิดหน่อย” แจ็คสันพูดบ้าง “ก็เลยชวนกันมาทำรายการของเรากันต่อดีกว่า”

“ใช่ครับ 108 Missions with Markson กลับมาแล้ว”

ต่างฝ่ายต่างหันไปแท็กมือใส่กัน ก่อนจะไล่อ่านคอมเมนต์ในมือถือ

“ก่อนเริ่มภารกิจวันนี้ ขออ่านคอมเมนต์ของแฟน ๆ ก่อน” แจ็คสันว่า “คิดถึงพวกเราใช่ไหมครับ เราก็คิดถึงทุกคนนะ”

“ช่วงนี้เป็นช่วง Q&A อยากถามอะไรก็ได้ครับ ถ้าเห็นจะตอบให้นะ” มาร์คถือโอกาสเปิดช่วงใหม่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนแจ็คสันต้องหันมามอง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะมาร์คหันมาทำหน้าเป็นเชิง ‘มีปัญหาเหรอ?’ ใส่เขา

ใครจะไปกล้ามีปัญหาด้วยล่ะ…

“อะ คอมเมนต์นี้ตลกจัง” มาร์คหลุดขำ “เห็นหน้าแจ็คสันอปป้าแล้วเหมือนจะท้องเลย ฮ่า ๆ”

คนโดนหาว่าทำคนอื่นท้องเพียงแค่มองหน้าหลุดยิ้ม ก่อนจะพูดใส่กล้อง “Hi. Pregnant.”

มาร์คขำจนต้องพิงไหล่แจ็คสัน ขณะที่อีกคนยังพูดซ้ำ ๆ “Hi~ Hi~ Pregnant~.”

แจ็คสันดันร่างคนตัวผอมกว่าให้นั่งดี ๆ ก่อนจะทำท่าเป็นชี้ตัวเอง แล้วชี้มาร์คที่กลั้นขำแต่ทำหน้างง ๆ ใส่เขา หนุ่มฮ่องกงหันไปพูดกับมาร์ค

“Hi. Pregnant.”

“…I’m not a pregnant.”

แจ็คสันยักไหล่ แล้วขยับหน้าไปใกล้ ๆ หน้าท้องของอีกคนก่อนจะพูดเสียงดัง

“I’m dad.”

มาร์คถึงกับยกมือขึ้นขยี้ผมสีดำที่ตัดสั้นของอีกคนด้วยความหมันไส้ ก่อนจะผลักให้กลับไปนั่งดี ๆ เหมือนเดิม

“พอเหอะ ฉันไม่ท้องกับนายหรอกนะ” หนุ่มอเมริกันพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะไล่อ่านคอมเมนต์อื่นบ้าง “อ่า คนอื่นอยู่ไหน? ออกไปพักกันครับ เดี๋ยวก็กลับมา”

“ทำไมพวกเราอยู่ตรงนี้แต่ถามหาคนอื่นล่ะ นี่มาร์คสันอยู่ตรงนี้เลยนะ”

มาร์คแกล้งทำท่ากลอกตา แน่นอนว่าคนข้าง ๆ เห็นเลยล็อกคอเขาแรง ๆ หนึ่งทีจนมาร์คต้องฟาดชายโครงอีกฝ่ายเบา ๆ กลับเป็นการโต้ตอบ

“โอเคครับ” แจ็คสันเข้าเรื่อง “มาทำมิชชั่นดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาก่อนแล้วจะไม่ได้เล่น”

“มิชชั่นของวันนี้คือ…?”

มาร์คหันไปถามคนข้าง ๆ แจ็คสันขยับตัวนั่งให้ดูเป็นทางการก่อนจะเอ่ยเสียงดังฟังชัด

“แข่งจ้องตา!”

“กติกาคือ ใครหลบตาก่อนแพ้” มาร์คว่าต่อ “ทำอะไรก็ได้ให้อีกฝ่ายหลบตา เล่นรอบเดียว คนแพ้ต้อง…”

“หอมแก้มคนชนะ… นี่คิดวิธีลงโทษแบบอื่นไม่ออกแล้วเหรอครับ” แจ็คสันขมวดคิ้ว ขณะที่มาร์คขยับขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนโซฟา แล้วหันข้างให้กล้อง หันหน้าเข้าหาแจ็คสัน

“มาร์ครีบเหรอ…”

“รีบ เร็ว ๆ เดี๋ยวไปซ้อมอีก”

แจ็คสันบึนปากใส่ แต่ก็ยอมหันท่าเดียวกับคนข้าง ๆ พวกเขาต่างคนต่างนั่งชิดเข่าอีกฝ่าย และพร้อมสำหรับการเล่นเกมนี้แล้ว

“เอาล่ะ นับหนึ่งถึงสามแล้วเริ่มนะ” แจ็คสันว่า

“ได้”

“หนึ่ง”

“สอง”

“สาม”

สายตาสองคู่จับจ้องซึ่งกันและกัน

ตอนแรกมาร์คเพียงแค่จ้องตาคนตรงหน้าเฉย ๆ ก่อนจะเริ่มเล่นหูเล่นตา เลิกคิ้ว ทำแก้มป่อง ทำปากจู่ใส่ แล้วก็กะพริบตารัว ๆ สักพักพอเบื่อก็กลับมาจ้องตาอีกฝ่ายเฉย ๆ อีกรอบ จ้องจนเห็นนัยน์ตาเหมือนลูกหมานั่นเป็นประกายแปลก ๆ

ส่วนแจ็คสัน… เขาต้องใช้สมาธิพอสมควรเพื่อบอกตัวเองไม่ให้หลบสายตา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่จ้องตากันทีไรตัวเขาเองมักเป็นฝ่ายหลบตาก่อนเสมอ พอมาร์คจ้องมาเฉย ๆ เขาก็มองกลับ เห็นแพขนตายาว นัยน์ตาเป็นประกายเหมือนเก็บดาวไว้เป็นล้านดวง เห็นจุดสีดำเล็ก ๆ ในนัยน์ตาขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว มาจนถึงไฝใต้ตา แล้วมาร์คก็ทำให้มันยากขึ้นไปอีกด้วยการทำเล่นหูเล่นตาใส่เขา

อืม…

“นายกัดปากทำไม” มาร์คพึมพำเสียงเบาใส่เขา พอดีกับที่แจ็คสันยอมแพ้ให้กับเกมตรงหน้า

เขาหลบตามาร์ค

“ฮ่า หลบตาแบบนี้ แพ้แล้วนะ แจ็คสัน”

อีกฝ่ายดูสะใจ ส่วนเขานี่ลงไปนอนกับโซฟาแล้ว

รุนแรงเกินไป ทนไม่ได้จริง ๆ

แจ็คสันกลับขึ้นมานั่งดี ๆ ลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อตั้งสติแล้วหันมายิ้มแหย ๆ ให้กล้อง

“แพ้แล้วครับ”

“ผมชนะ” มาร์คทำสองนิ้วเอียงคอแล้วยิ้มตาหยีแบบที่ชอบทำประจำ จะน่ารักเกินไปแล้ว แจ็คสันเห็นคอมเมนต์ที่เด้งรัว ๆ อยู่บนหน้าจอ

“ขอปิดรายการด้วยบทลงโทษแล้วกันครับ”

แจ็คสันว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะคว้าคอคนข้าง ๆ มากดจูบลงเบา ๆ ที่แก้มโดยไม่ให้ทันตั้งตัว มาร์คมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ส่วนตัวเขาหันมาหากล้อง

“จนถึงตอนนี้ ก็อยู่กับพวกเราแจ็คสัน และ…”

“…มาร์ค”

“จากก็อตเซเว่น แล้วเจอกันตอนหน้าครับ”

FIN

extra.

รายการจบลงไปแล้ว มาร์คยกมือลูบแก้มตัวเองที่โดนขโมยจูบเบา ๆ ก่อนจะเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ทำท่าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนสิ่งใดบนโลกแล้วก็บ่นพึมพำ

“Damn you….”

“What?”

แจ็คสันหันมาเลิกคิ้วใส่เขา ท่าทางกวนประสาทจนมาร์คอยากต่อยเหลือเกิน แต่พอดีแจบอมกลับเข้ามาในห้องก่อน

“…มีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า” เขาตอบเสียงแข็ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิด

แจบอมหันมาหาอีกคนที่นั่งยิ้มอยู่

“มีอะไรปะ?”

“ไม่อะ แกล้งมาร์คนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยไปง้อ”

ฟังแล้วคนเป็นหัวหน้าได้แต่ส่ายหัวกับความสัมพันธ์แปลก ๆ ของสมาชิกในวง

เอาที่สบายใจกันเลยนะ…

TBC

#108missionswithmarkson – Special: Happy Valentine’s Day

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

Special Episode
– Happy Valentine’s Day –

 

 

ปกติแล้วมาร์ค ต้วน ไม่ถนัดการเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง แต่สำหรับวันนี้คงต้องยกเว้น ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวคอกลมสวมผ้ากันเปื้อนสีแดงสดใสยืนยิ้มกว้างให้กล้อง ผมหน้าม้าสีน้ำตาลเข้มปรกหน้าผากบาง สภาพของเขาวันนี้แทบเรียกได้ว่าหน้าสด เพราะเป็นรายการที่ถ่ายเองเล่นเอง…

108 Missions with Markson เจ้าเดิมครับ

“สวัสดีครับ ทุกคน” มาร์คยิ้มอวดฟันสวย “มาร์ค ต้วน ก็อตเซเว่นครับ วันนี้ก็เป็นรายการ 108 Missions with Markson เหมือนเดิม” ว่าพลางเกาแก้มอย่างคนไม่ชินกับการจัดรายการคนเดียว “วันนี้แจ็คสันไปถ่ายรายการครับ ก็เลยไม่อยู่ แต่ผมมีภารกิจที่ต้องทำก่อนแจ็คสันจะกลับมาล่ะ”

มาร์คหยิบกล้องมาถือไว้แล้วหันกล้องใส่สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ “ดูสิว่านี่คืออะไร…”

ภาชนะใส่วัตถุดิบหลากหลายอย่างเต็มโต๊ะไปหมด มาร์คเลื่อนกล้องเข้าไปใกล้ทีละอย่างพลางพูดอธิบาย “พวกนี้คือภารกิจสำหรับวันนี้ครับ” ก่อนจะหันกล้องกลับไปหาตัวเอง “ขนมวันวาเลนไทน์ของแจ็คสัน”

กล้องกลับไปวางที่เดิม เผยภาพมาร์คที่ยืนอยู่หน้าวัตถุดิบจำนวนมาก แล้วอธิบายต่ออย่างผิดวิสัยคนพูดน้อย

“ใช่ครับ วันนี้วันวาเลนไทน์ ก็ Happy Valentine’s Day ให้ทุกคนเลย ส่วนภารกิจวันนี้คือต้องทำขนมให้แจ็คสันครับ คือทุกคนก็รู้ใช่ไหมว่าแจ็คสันควบคุมน้ำหนักอยู่ แล้วผมก็ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง… ก็เลยหาอะไรที่ทำง่าย ๆ เร็ว ๆ ก็คงหวานพอสมควรเพราะเป็นขนม แต่ไม่ได้กินทุกวัน คงไม่เป็นอะไร…” เงียบไปแป๊บหนึ่งแล้วหลุดขำ “มั้ง?”

ก่อนมือขาวจะเอื้อมไปหยิบไอแพดของตัวเองมาเลื่อนเปิด “ผมก็เลยลองหาดูว่ามีอะไรทำง่าย ๆ เร็ว ๆ บ้าง แล้วก็เจอเจ้านี่แหละ” หน้าแท็บเล็ตย้ายมาอยู่ตรงหน้ากล้อง “Heart Brownies เผื่อแบ่งไว้ให้เมมเบอร์คนอื่นด้วย”

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากด้านนอกครัว มาร์คเอี้ยวตัวไปหา “ว่าไงจินยอง?”

“พี่ทำอะไรอะ?” ได้ยินเสียงลอดมา

“ทำขนมวาเลนไทน์”

“ให้แจ็คสันเหรอ?”

“อืม”

“อ่อ… ทำเผื่อด้วยดิ อยากกินอะ”

จินยองเดินเข้ามาในครัว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกล้องมือถือที่ตั้งอยู่ “…สวัสดีครับทุกคน ก็อตเซเว่น จูเนียร์ครับ”

“พอ ๆ นายออกไปเลย นี่รายการของฉันนะ” มาร์คดันอีกคนที่ยิ้มแป้นเข้ามา แต่จินยองกลับหัวเราะ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย มา ๆ เดี๋ยวผมช่วยบรรยายรายการ พี่พูดไม่เก่งไม่ใช่หรือไง”

มาร์คทำปากยื่นเหมือนงอน แต่ก็ยอมแต่โดยดี

“โอเค งั้นผมถือกล้องนะ”

แล้วจินยองก็คว้ากล้องไปถือไว้เอง มาร์ควางไอแพดไว้ตรงแท่นวาง แล้วเริ่มเตรียมวัตถุดิบ

“พี่มาร์คกำลังจะทำอะไรครับ?” เสียงจินยองดังขึ้น

“ฮาร์ตบราวนี่”

“ต้องเตรียมอะไรบ้าง”

“เอ่อ…” มาร์คชี้ไปทีละอย่างพลางพูดอธิบายไป หันมามองกล้องไป “น้ำมันพืช น้ำตาล กลิ่นวานิลลา ไข่สามฟอง แป้ง ผงโกโก้ ผงฟู แล้วก็เกลือ”

“อืม… ต้องทำยังไงบ้างครับ?”

มาร์คหยิบชามผสมชามใหญ่มา ตวงน้ำมันใส่ถ้วยตวงครึ่งถ้วย แล้วเทลงไป พลางอธิบาย

“ก็ใส่น้ำมึนครึ่งถ้วยตวง แล้วก็น้ำตาลหนึ่งถ้วย… หวานน่าดูเลย แล้วก็กลิ่นวานิลลาหนึ่งช้อนชาครึ่ง”

กล้องถ่ายภาพใบหน้าที่กำลังตวงส่วนผสมอย่างใจจดจ่อ ก่อนมาร์คจะเปลี่ยนไปหยิบที่ตีไข่มาคนให้ส่วนผสมเข้ากัน

“แล้วก็คนให้เข้ากัน…”

“…นี่หอเรามีของพวกนี้ด้วยเหรอ”

มาร์คเลิกคิ้ว ยิ้มบาง ๆ “ไปขอยืมคนอื่นมาน่ะ หอเราจะไปมีได้ไง”

“ยืมใครมาอะ?”

คนที่กำลังตีส่วนผสมให้เข้ากันเหลือบมองก่อนยักไหล่ “ก็แถว ๆ นี้แหละ”

“…บอกไม่ได้เหรอ?”

“ไม่อยากบอกอะ”

จินยองหัวเราะ ขณะที่คนพูดก็หัวเราะลั่นพอกัน พอดีกับที่ส่วนผสมทั้งหมดรวมเป็นเนื้อเดียว มาร์คหยิบไข่มาตอกใส่ชามทีละใบด้วยท่าทีที่ดูชำนาญเกินคาด

ขณะที่มาร์คเริ่มตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จินยองก็ชวนคุย

“พี่ดูทำอาหารเก่งนะ”

“ก็ไม่นะ”

“คือดูมีทักษะอะไรงี้”

“เหรอ?” มาร์คยิ้มขำ ๆ “ก็คงมีทักษะกว่านายมั้ง?”

“ไม่ต้องลากผมไปเกี่ยวก็ได้ ใช่ซี่ แจ็คสันเคยชมว่าพี่ทำอาหารอร่อยนี่”

“ตอนไหน?”

“ในรายการที่เราเคยถ่ายกันไง? พี่ลืมแล้วเหรอ?”

มาร์คเลิกคิ้วไม่ตอบ ตั้งหน้าตั้งตาตีส่วนผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวอีกรอบ แล้วหันไปตวงแป้ง

“ใช้แป้งเท่าไหร่ครับ?”

จินยองถาม มาร์คเอี้ยวตัวไปมองในไอแพดก่อนตอบ “หมดนี่เลย ครึ่งถ้วยตวงอะ”

จากนั้นก็ใส่ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือตามลงไป แล้วเริ่มคนให้เข้ากันอีกครั้ง จินยองจงใจซูมหน้ามาร์คที่ดูจริงจังจนน่ารัก

“พี่ดูจริงจังมากอะ”

“…อืม”

“เคยให้ช็อกโกแลตใครปะ?”

“ไม่อะ ตอนอยู่อเมริกาฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้หรอก วันวาเลนไทน์น่ะ”

“แล้วทำอะไร?”

“ก็…” มาร์คทำท่าครุ่นคิดขณะที่มือยังคนส่วนผสมไปด้วย “รอช็อกโกแลตจากสาว ๆ ไม่งั้นก็ให้ดอกไม้สาวที่แอบชอบ”

“แล้วพี่เคยให้ใครปะ?”

“สมัยเรียนก็เคยนะ แต่ตอนนั้นแห้วอะ” พูดแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะหยุดมือที่ตีส่วนผสมเมื่อมันเข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน

“ฉันต้องอุ่นเตาก่อน แล้วอบไว้ครึ่งชั่วโมงอะ” มาร์คบอกจินยอง “นายจะอยู่รอเหรอ?”

“ได้”

“อืม…แต่ว่า” มาร์คหันไปหากล้อง “ผมว่าครึ่งชั่วโมงคงทำให้พวกคุณเบื่อ งั้นเดี๋ยวพออบขนมเสร็จเรามาเจอกันอีกทีนะครับ? ตอนนี้ก็ไปหาอะไรกินกันก่อนนะ”

ก่อนที่ภาพจะตัดไป

 

 

 

 

แป้งบราวนี่สีน้ำตาลที่วางอยู่บนกระดาษไขปรากฏขึ้น ก่อนที่ภาพจะค่อย ๆ ซูมออกและหันกล้องไปยังคนถ่าย มาร์คคนเดิมนั่นเอง ตอนนี้เจ้าตัวกำลังยิ้มภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองทำอยู่

“กลับมาเจอกันอีกแล้ว อืม ผมอบขนมเสร็จแล้วล่ะ ตอนนี้ก็จะตัดให้เป็นรูปหัวใจ ด้วยเจ้านี่” เขาหยิบบล็อกรูปหัวใจมาอวด “แล้วก็ตกแต่งด้วยไวท์ช็อกโกแลตสีขาวกับสีแดงที่ผสมไว้แล้ว อีกสักพักแจ็คสันก็จะมาถึงแล้ว ผมหวังว่าคงทันนะ”

ว่าแล้วก็วางกล้องลงแล้วเริ่มหันไปตัดแป้งบราวนี่ให้เป็นรูปทรงตามบล็อก

“อ้อ” มาร์คนึกขึ้นได้เลยเงยหน้ามามองกล้อง “ตะกี้จินยองอยู่ด้วย แต่ว่าออกไปข้างนอกกับแจบอมครับ เลยปล่อยให้ผมจัดการเองเหมือนเดิม”

ไม่นานมาร์คก็จัดการตัดขนมเสร็จ ตกแต่งหน้าขนมเรียบร้อย มีชิ้นที่เขียนคำว่าหวังเป็นภาษาจีนไว้ด้วย

“ผมเขียนจีนไม่เก่ง แต่แซ่หวังจำได้นะ เขียนง่าย”

มาร์คพูดกับกล้อง พลางยิ้มขำ

เมื่อจัดขนมใส่กล่องสีดำที่ผูกริบบิ้นสีแดงเสร็จเรียบร้อย มาร์คก็ยกกล้องขึ้นมาแล้วยิ้มยิงฟัน

“เสร็จแล้วครับ รอแจ็คสันกลับมา…”

“ฮายยยยยยย ทำไมเงียบกันจังเลย?”

เสียงหนึ่งดังทะลุเข้ามาในกล้อง มาร์คเลิกคิ้ว ก่อนจะพึมพำ “กลับมาพอดีเลย” แล้วรอให้แจ็คสันชะโงกหน้าเข้ามาในครัว

“มาร์ค ทำอะไร?”

“108 มิชชั่นฯ”

“เพิ่งเริ่มเหรอ?” แจ็คสันเดินเข้ามาหาเขา ก่อนจะยื่นหน้ามาหากล้อง “สวัสดีครับ ก็อตเซเว่น แจ็คสันครับ”

“ถ่ายตั้งนานแล้ว”

“แล้วถ่ายได้ไงไม่มีผม?”

“ก็มันเป็นภารกิจ”

“ภารกิจ?”

คนฟังทำหน้างง มาร์คเหลือบมองกล้องในมือตัวเอง ก่อนจะยิ้มแหย ๆ “…คือต้องให้หน้ากล้องแบบนี้เลยเหรอ?”

แจ็คสันเลิกคิ้ว เหลือบสายตามาอ่านคอมเมนต์ก่อนจะตาโต “อะไร? ทำขนมวาเลนไทน์ไว้ให้เหรอ? จริงปะ?”

“โห รีบบอกทำไม” มาร์คมุ่ยหน้า แต่ก็ยื่นกล่องขนมให้แต่โดยดี “อะ แฮปปี้วาเลนไทน์สเดย์ครับ คุณแจ็คสัน”

เจ้าของชื่อรับกล่องมา แล้วเปิดออกอย่างตื่นเต้น พอเห็นว่าเป็นมีขนมที่มีนามสกุลตัวเองอยู่ก็รีบยกอวดกล้องใหญ่

“ขอบคุณมากนะ มาร์ค”

“อืม…” มาร์คเพียงแค่เอนตัวพิงเคาท์เตอร์แล้วมองสีหน้ามีความสุขของอีกคนเงียบ ๆ ก่อนจะนึกได้เลยหยิบกล้องมาถือไว้

“งั้นคงต้องปิดรายการแล้วล่ะ”

“อ๋อ” แจ็คสันชะงัก เงยหน้าขึ้นมาหากล้อง

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักนะ” มาร์คยิ้มแป้นให้กล้อง ก่อนจะสะกิดให้แจ็คสันพูดบ้าง

“อืม… แฮปปี้วาเลนไทน์เช่นกันครับ ขอให้มีความสุขกับคนที่ตัวเองรักเนอะ”

“อื้ม”

“แล้วก็ ก่อนจากกัน”

มาร์คหันมามองงง ๆ “มีอะไรอีก”

แล้วแจ็คสันก็เอื้อมมือมาพาดไหล่เขาก่อนจะกดจมูกลงใส่แก้มขาว ๆ ตรงหน้า แล้วหันมาหากล้อง

“Happy Velentine’s Day! See ya!”

แล้วรายการก็จบลง

 

END – Special EP.

 

 

Extra หลังกล้อง

 

มาร์คหันมามองคนที่ขโมยหอมแก้มเขาหน้าตาเฉย ก่อนจะรีบดันตัวออกแล้วเอื้อมมือไปดีดหน้าผากสวยนั่นเบา ๆ

“ทำอะไรของนาย”

“ก็หอมแก้มไง”

“…”

คนเป็นพี่กลอกตา ก่อนจะชะงักเมื่อแจ็คสันดันให้เขานั่งบนเคาท์เตอร์ แล้วยื่นกล่องขนมให้

“ป้อนหน่อยดิ”

“…กินเอง”

“ป้อนหน่อยนะ”

มาร์คหน้างอไปนิดหน่อย แต่ก็ยอมหยิบชิ้นหนึ่งมายัดเข้าปากแจ็คสัน

“อร่อย”

“ไม่ต้องโกหกน่า”

“อร่อยจริง ๆ!”

มาร์คหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ

“ไม่เชื่อ? ชิม”

แล้วแจ็คสันก็หยิบขนมใส่ปากเขาบ้าง มาร์คยังไม่ทันรับรู้รสชาติของบราวนี่ในปาก อีกฝ่ายก็ยื่นหน้ามาละเลียดชิมขนมในปากเขาเอง

…………………….แจ็คสันนี่แจ็คสันจริง ๆ

พักใหญ่ทีเดียวกว่าจะยอมผละริมฝีปากออกจากกัน มาร์คแอบกัดริมฝีปากล่างอีกฝ่ายไปทีข้อหาหมันไส้

“เห็นว่าพวกจินยองไม่อยู่หรอกนะ” มาร์คบ่น

แจ็คสันยิ้มกว้าง ก่อนจะกอดเขาไว้แน่น

“ขอบคุณจริง ๆ นะ มาร์ค”

“…เรื่องอะไร?” เขาถามอีกฝ่าย

“ทุกอย่างเลย”

“…อืม แล้วมีของอะไรให้ฉันไหมเนี่ย?”

“อยากได้อะไรล่ะ?”

มาร์คก้มมองคนที่กอดเขาแน่นแล้วยิ้มบาง “อยากให้นายหายป่วย”

“…จะพยายามครับ”

มาร์คเอื้อมมือไปลูบผมอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาแล้วมายืนข้าง ๆ

คนเป็นพี่จ้องมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมองเขาเช่นกัน นึกอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ที่ทำมีเพียงการยื่นมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”

เขาพูดกับอีกฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่แจ็คสันยิ้มตอบกลับมา

“อืม สุขสันต์วันวาเลนไทน์”

 

END

 

#108missionswithmarkson – 4

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

4

“ตั้งกล้องตรงนั้นได้เหรอ ระวังตกนะ”

“ไม่เป็นไร ได้อยู่ นี่ไง ๆ ใช้ไม้เซลฟี่”

“โอเค…”

เสียงกุกกัก ๆ ดังขึ้นโดยภาพที่เห็นคือผนังกระเบื้องสีขาว ๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงคนหนึ่งจะเปิดกล้องหน้าเผยให้เห็นใบหน้าขาว ๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนของมาร์ค ต้วน ยิ้มอวดฟันเรียงสวยให้กล้อง

“สวัสดีครับ มาร์ค GOT7 ครับ” มือขาวยกโบกหย็อย ๆ ทักทายคนดู “108 Missions with Markson is Back!”

“เฮ่ ช่วยกันหน่อยสิ…” อีกเสียงดังขึ้นมา มาร์คละสายตาจากหน้าจอพลางเรียก “โคโค่! มานี่มา” ก่อนจะก้มลงช้อนเจ้าหมาน้อยมาไว้ในมือ แล้วยื่นไม้เซลฟี่ให้คนที่เข้ามาทีหลัง

“สวัสดีคร้าบ~” ดวงหน้าหล่อเหลาติดจะซีดเซียวนิดหน่อยแต่ยังประดับรอยยิ้มกว้างของแจ็คสัน หวัง ปรากฏขึ้น “แจ็คสัน GOT7 คนเดิมครับ”

ชายหนุ่มหันไปหาคนตัวบางที่หยอกกับเจ้าสุนัขสีขาวพันธุ์มอลทีสอย่างไม่สนใจโลกอยู่ “วันนี้เราจะทำอะไรเหรอครับ คุณมาร์ค”

“วันนี้” มาร์คเงยหน้าขึ้นจากเจ้าตัวเล็กมายิ้มให้กล้อง “เราจะอาบน้ำให้โคโค่กัน”

“ปกติเป็นมาร์คกับยองเจที่จัดการเรื่องนี้ครับ” แจ็คสันอธิบาย ขณะที่มาร์คเริ่มตะล่อมเจ้าหญิงในอ้อมแขนให้เตรียมลงอ่าง “แต่วันนี้ยองเจไม่อยู่ กลับไปเยี่ยมญาติ ผมเลยอาสามาแทน”

“อย่าเรียกว่าอาสา ผมบังคับเขามาเอง” อีกเสียงดังแย้ง

แจ็คสันขมวดคิ้ว “หมดกันภาพลักษณ์ที่พยายามสร้าง”

“ไร้สาระน่า เร็ว ๆ มานี่มา”

มาร์คเรียกแจ็คสันเหมือนเรียกโคโค่เด๊ะเลย ทำเอาคนโดนเรียกมุ่ยหน้า แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร เพียงแค่ขยับกล้องไปใกล้เจ้าของหมาตัวจริงมากขึ้น

ในอ่างอาบน้ำมีกะละมังที่บรรจุน้ำไว้เต็ม ข้าง ๆ เป็นแชมพูสำหรับสุนัข และก็มีสุนัขตัวขาวกับเจ้าของที่ขาวพอกันนั่งจ๋องมองหน้ากันอยู่

มาร์คหันไปคุยอะไรกับโคโค่สักอย่าง ก่อนเงยหน้ามามองเขาตาแป๋ว “เคยอาบน้ำหมาไหม?”

“เคยดิ” เสียงแจ็คสันดังมาจากหลังกล้อง “เดี๋ยวผมอาบตัว พี่อาบหัวก็ได้ ดีไหม?”

“ก็ได้” มาร์ครับกล้องมาถือเอง ส่วนแจ็คสันก้าวลงไปในอ่าง “เบา ๆ มือนะ”

“ผมเคยทำรุนแรงหรือไง” คนอายุน้อยกว่าบ่นกลับ เลยได้ยินเสียงหัวเราะแหลม ๆ ของพี่โตดังขึ้นมา

แจ็คสันในเสื้อกล้ามสีดำค่อย ๆ บรรจงวักน้ำรดตัวเจ้าหนูโคโค่อย่างใจเย็น พลางพูดปลอบไม่ให้เจ้าหล่อนกระโดดออกจากอ่าง (ซึ่งทำไม่ได้หรอก) แต่บางทีคุณเธอก็จะมีอาการชวนให้โวยวาย เช่น…

“อ๊ะ! โคโค่!”

สะบัดน้ำใส่

มาร์คหัวเราะ ยื่นกล้องไปใกล้ ๆ คนที่ทำปากยื่นปากยาวบ่นหมา แต่มือก็ยังบรรจงทำความสะอาดร่างกายเจ้าตัวเล็ก แจ็คสันหันมามองกล้องก่อนพึมพำ

“รู้ปะ เมื่อก่อนผมเคยอาบน้ำให้โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ด้วย”

“โห…” มาร์คทำเสียงชื่นชม “ไม่ไล่จับกันตายหรือไง”

“ใช่ไง กว่าจะสะอาด คนก็เลอะไปด้วย”

“ฮ่า ๆ” คนฟังหัวเราะ เอื้อมมือไปเกาคางของเจ้าตัวเล็กในอ่างเบา ๆ “แต่โคโค่ไม่ดื้อนา เป็นเจ้าหญิงเนอะ”

เจ้าหมาไม่ตอบแต่มองกลับตาแป๋ว กระดิกหางดุ๊กดิ๊กอย่างมีความสุข

“โห ทีกับพี่มาร์คนี่เล่นจัง กับผมนี่เมินเฉย”

“อย่ามาเถอะ ปกติก็รักกันดีไม่ใช่หรือไง”

“แน่สิ นี่เจ้าหญิงน้อยของพวกเรานะ”

คนฟังขำ ไม่นานแจ็คสันก็ล้างเนื้อล้างตัวเจ้าตัวเล็กเสร็จ ผลัดให้เขาลงอ่างไปบ้าง

กล้องถ่ายให้เห็นภาพที่เปลี่ยนจากแจ็คสันเป็นมาร์คลงไปในอ่างแทน คนตัวขาวสวมกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีเข้ม แล้วก้มไปคุยกับลูกสาวยิ้ม ๆ

“โคโค่ เดี๋ยวล้างหน้าให้เนอะ”

เวลาคุยกับลูกสาวทีไร มาร์คใช้เสียงสองทุกที

ขณะที่มาร์คเริ่มล้างหน้าล้างหัวให้โคโค่ เสียงแจ็คสันก็ดังมาจากหลังกล้อง

“ทำไมปากพี่แดงจัง”

เจ้าของปากแดง ๆ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองกล้อง “แดงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็แดงอะ…”

แดงแบบว่า มาร์คผิวขาว ผมก็สีอ่อน เจ้าโคโค่ก็ตัวขาว แล้วปากมาร์คเด่นขึ้นมาอย่างเดียวเนี่ย แดงพอไหม?

“ช่างมันเถอะ… อา โคโค่ เดี๋ยวนวดให้น้า”

ว่าพลางค่อย ๆ นวดช่วงหัวเล็ก ๆ นั่นอย่างเบามือจนเจ้าหมาน้อยทำหน้าเคลิ้ม

“โห อิจฉาอะ”

“ทำไม อย่างให้ฉันนวดให้บ้างเหรอ?”

“ทำให้ได้ไหมล่ะ?”

มาร์คยักไหล่ “ขอดิ ถ้าขอก็ให้หมดล่ะ”

แจ็คสันไม่ได้ว่าอะไรต่อ ขณะที่มาร์คก็จดจ่อกับการค่อย ๆ ล้างหน้าหมาตัวเล็กให้สะอาดสะอ้าน ไม่นานคนพี่ก็เอ่ยสั่ง

“หยิบผ้าขนหนูให้หน่อย”

แจ็คสันยื่นให้จากหลังกล้อง มาร์ครับมาแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ใต้ผ้าขนหนู

กล้องเปลี่ยนกลับไปเป็นกล้องหน้าอีกครั้ง แจ็คสันยืนพิงสะโพกกับอ่างล้างหน้า ขณะที่มาร์คอุ้มโคโค่วางในอ่าง เช็ดขนให้แห้งหมาด ๆ แล้วหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าเจ้าตัวขาว

“ใช้ไดร์เป่าแห้งไวดีครับ” แจ็คสันอธิบายแทนคนที่เงียบ “แต่ก็ต้องเช็ดให้หมาด ๆ ก่อน เหมือนเวลาสระผมเลย”

โคโค่เอียงหน้าหลบลมร้อนที่เป่าใส่หน้า ขณะที่นั่งอยู่บนตักของมาร์ค คนที่อุ้มอยู่ก็คอยพูดคุยกับมันไปด้วย “โคโค่อา อยู่เฉย ๆ นะ เดี๋ยวจะสวยแล้วน้า”

พูดเหมือนมันฟังรู้เรื่องเลย น่ารักจัง

“น่ารักจังอา…”

แจ็คสันพึมพำ ขณะที่อีกคนถามกลับ “หมายถึงอะไร?”

“ทั้งหมด”

“อะไรคือทั้งหมด?”

แจ็คสันหันมากะพริบตาปริบ ๆ ใส่เขา “นี่จะให้พูดจริง ๆ เหรอ?”

มาร์คหันมาทำตาโตใส่เหมือนกวนประสาท ก่อนจะหลุดหัวเราะ พอดีกับที่กดปิดไดร์เป่าผมแล้วเช็ดตัวโคโค่อีกที

“เดี๋ยวไปห้องนั่งเล่น” แจ็คสันว่า “ต้องปิดกล้องนิดนึง เดี๋ยวเห็นหมดว่าหอเราตอนนี้เป็นยังไง”

ว่าแล้วก็ยื่นมือมาปิดเลนส์ ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงมาร์คบ่นหาของ ก่อนที่ภาพจะเผยอีกครั้งให้เห็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาสีดำเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก มีแจ็คสันนั่งรออยู่ก่อน

“เจอละ” เสียงมาร์คดังขึ้น แล้วเจ้าของเสียงก็ทรุดนั่งพร้อมกับลูกหมาบนตัก ในมือข้างหนึ่งมีแปรงหวีขนสุนัขกับยาหยอดกันเห็บ “เดี๋ยวหวีขนแล้วก็เช็ดตัวอีกที หยอดยาก็เสร็จแล้ว”

ว่าแล้วก็ค่อย ๆ บรรจงหวีขนให้เจ้าโคโค่ แจ็คสันมองคนที่ตั้งหน้าตั้งตากับเรื่องแบบนี้แล้วอดยิ้มไม่ได้

“นี่ชอบหมามากเลยปะ”

คนฟังพยักหน้าทั้งที่มือยังสาละวนอยู่กับลูกสาว “จริง ๆ ชอบสัตว์หมดทุกอย่างอะ”

“แล้วชอบมากกว่าผมปะ?”

มือเรียวที่กำลังแปรงขนชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวโคโค่ให้หน่อยนะ”

โชคดีที่คนถามก็ไม่เค้นเอาคำตอบ มาร์คยื่นโคโค่ที่หวีขนเรียบร้อยแล้วให้แจ็คสันอุ้ม ก่อนจะค่อย ๆ หยอดยาใส่หูให้ลูกสาว

“เรียบร้อย”

ทันทีที่ปล่อยมือ โคโค่ก็กระโดดลงจากตักแจ็คสันทันที พวกเขาก็เลยปล่อยไปเพราะไม่มีเหตุให้ต้องอุ้มไว้อีก

“เอาจริง ๆ คลิปวันนี้มีอะไรนอกจากอาบน้ำโคโค่?”

แจ็คสันหันมาถาม มาร์คก็ตอบซื่อ ๆ “ไม่อะ”

“แล้วเกือบทั้งหมดเป็นฝีมือพี่อะ นี่ผมทำอะไรบ้างเนี่ย”

“ก็ยังมีคนช่วยไง” คนพี่ยืดแขนบิดตัว แล้วเอื้อมมือไปพาดไหล่หนาของอีกคน “ถ้าทำคนเดียวนี่เหนื่อยตาย”

“ไม่แปลกใจเลย…”

“ปกติถ้าอาบน้ำให้โคโค่กับยองเจจะใส่แค่บ็อกเซอร์แหละ เพราะมันเปียกอะ”

แจ็คสันนึกถึงที่โคโค่สะบัดน้ำใส่พวกเขา “แต่นี่อัดรายการอยู่ไง ทำงั้นไม่ได้นะ”

หนุ่มเมกันหัวเราะคิกคัก แล้วเปลี่ยนมาถือกล้องบ้าง

“หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับคลิปของเรานะ”

“เจ้าหญิงของพวกเราน่ารักมากจริง ๆ”

“ไม่ต้องอิจฉาโคโค่นะ” มาร์คพูดยิ้ม ๆ แต่อีกคนพยักหน้ารัวทันที

“ใช่ ๆ เพราะทุกวันนี้ผมก็อิจฉาเธอจะตายอยู่แล้ว”

มาร์คหันไปมองหน้าคม “อิจฉาอะไร?”

แต่แจ็คสันไม่ตอบ

“เอาเป็นว่า มิชชั่นวันนี้เสร็จสิ้น” หนุ่มแซ่หวังหันมาหากล้อง “แล้วเจอกันในมิชชั่นหน้านะครับ”

ก่อนจะยกมือทำท่าบ๊ายบาย มาร์คเลยต้องบ๊ายบายตามขำ ๆ แล้วกล้องก็ปิดลง

“อิจฉาอะไรอะ?”

“ไม่บอก” แจ็คสันตอบกลับทันทีเมื่อมาร์คถามเขาอีกครั้ง คนถามพอได้ยินคำตอบแบบนั้นก็มุ่ยหน้า

“เดี๋ยวนี้หัดมีลับลมคมใน”

“เอาน่า” คนน้องว่า ยื่นมือไปยีผมสีอ่อนเบา ๆ “ทีนายยังไม่ตอบฉันเลยว่าระหว่างหมากับฉันชอบอะไรมากกว่ากัน”

“…จะให้ตอบจริง ๆ เหรอ”

“จริงสิ รอฟังอยู่นะเนี่ย”

มาร์คมองเขานิ่ง ก่อนจะหลุดขำ

“แน่นอนว่าหมาสิ”

“………มาร์ค…”

“เนอะ หวังพัพพี่”

TBC

EXTRA

จะถ่ายอะไรกันรบกวนเช็คด้วยว่ากล้องเปิด-ปิดดีไหม อย่าให้ต้องเดือดร้อนผมไปกราบอ้อนวอนพีดีให้ตัดบางส่วนของคลิปออกตอนรีอัป เข้าใจไหม?

จาก จินยอง

“…แล้วรายการสดทำไงอะ?”

“ก็ทำอะไรไม่ได้ไง”

“พูดจาไร้ความรับผิดชอบชะมัด”

“ให้ฉันรับผิดชอบนายเหรอ? ยังไง? แต่งงานกัน”

“นอกเรื่องไปไกลแล้ว หวังแจ็คสัน”

“เอาเป็นว่าคราวหน้าจะระวัง เดี๋ยวจินยองพิโรธอีก”

“…นั่นสินะ”

“…”

“…”

“…แต่นายทำตัวน่าจูบก่อนเองนะ”

“หุบปากไปเลย”

– end extra –

#108missionswithmarkson – Special: Merry Christmas

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

Special Episode
– Merry Christmas –

 

แจ็คสันไม่มีปัญหากับการถือกล้องสำหรับเทปพิเศษเนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส เขาหันกล้องหามาร์คที่กำลังสาละวนอยู่กับการพยายามติดหนวดเคราทำจากสำลีสีขาวที่โครงหน้าเรียว ผมสีบลอนด์ซีกลืนไปกับสีเคราปลอมและสีผิวใต้แสงไฟสีเหลืองนวล มาร์คในชุดสีแดงขาวดูสดใสเข้ากับบรรยากาศที่ตบแต่งด้วยไฟหลากสีและต้นคริสต์มาสเป็นฉากหลัง แต่ภาพความเงอะงะของมาร์คก็ทำเอาคนถือกล้องหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ และเสียงหัวเราะนั่นก็ดังพอจะทำให้มาร์คหยุดมือแล้วหันมามอง ก่อนจะโวยวายเสียงดัง

“เฮ้! ทำไมถ่ายไม่บอก…”

“ก็มันตลก” เสียงแจ็คสันดังมาจากหลังกล้องที่สั่นเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ “พี่ไม่ต้องติดไอ้เครานั่นหรอก”

“ก็จะได้เป็นซานตาคลอสไง”

“เหมือนซานตาริน่ามากกว่าอะ”

มาร์คหันมาจ้องหน้าเขาทันที แจ็คสันเลยเปลี่ยนเรื่อง ขณะที่มาร์คโยนเคราปลอมนั่นไปไว้ตรงไหนก็ไม่รู้

“อะ โอเค เข้ารายการเหอะ งงกันทั้งโลกแล้วมั้ง” เขาหัวเราะก่อนจะหันกล้องมาทางตัวเองแล้วขยับไปยืนข้าง ๆ มาร์ค

“สวัสดีครับ พวกเราก็อตเซเว่นแจ็คสันและ…”

“มาร์คครับ”

ก่อนที่แจ็คสันจะเหลือบมามองคนข้าง ๆ ที่หันมาหาเขาพอดี แล้วหันกลับมาหากล้องพร้อมกัน

“Merry Christmas~!”

“ล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง” มาร์คพูดต่อ แล้วหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ที่หัวเราะอยู่ แจ็คสันหันไปยิ้มตอบแล้วกลับมาหากล้องอีกครั้ง

“คริสต์มาสปีนี้อยู่กับใครบ้างครับ? ทำอะไรเอ่ย? มีอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม หรือแค่นอนเฉย ๆ แล้วตื่นมารอให้หมดวันไปเหมือนวันหยุดอื่น ๆ ? ผมเข้าใจนะว่าชีวิตคนเราทำงานหนักก็อยากพักบ้าง แต่ก็ไม่อยากให้ปล่อยเทศกาลแบบนี้ทิ้งไปเหมือนกันนะ…”

“ปีหนึ่งมีครั้งเดียว”

“ใช่ ๆ ดังนั้น เลือกคนพิเศษที่อยากอยู่ด้วย ใช้เวลาด้วยกันให้คุ้มค่า แล้วก็สร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกัน”

“อืม…”

“ส่วนพวกเราสองคนก็… จริง ๆ วันนี้ไม่มีอะไร” แจ็คสันเหลือบมองคนที่ยิ้มอวดเขี้ยวแบบที่ชอบทำ แล้วเลื่อนมือไปโอบไหล่อีกคนให้เข้ามาใกล้ ๆ ซึ่งมาร์คก็ว่านอนสอนง่ายเอียงหัวมาซบเขาแต่โดยดี “ก็แค่อยากอวยพรทุกคน”

“คริสต์มาสนี้ขอให้มีความสุขนะครับ”

“ถึงป๊ากับหม๊าที่ฮ่องกง ปีนี้ไม่ได้กลับไปฉลองคริสต์มาสด้วย แต่ก็ขอให้มีความสุขเหมือนทุกครั้ง แล้วก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ” แจ็คสันที่พูดประโยคดังกล่าวเป็นภาษาจีนเหลือบมาหาคนข้าง “มาร์คพูดอะไรกับที่บ้านไหม?”

“อ่า…” มาร์คกลอกตา ก่อนจะพึมพำภาษาอังกฤษว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ ไม่ได้กลับไปหาแต่คิดถึงมากนะ เอ่อ… ปีนี้คงไม่ได้ไปโบสถ์ แต่หม๊าคงไปเหมือนเดิม ก็… ขอให้สนุก มีความสุขกันมาก ๆ เหมือนทุกปีนะ คิดถึงครับ”

แจ็คสันฟังแล้วเลิกคิ้ว “ไปโบสถ์?”

“อืม” มาร์คกะพริบตาปริบ ๆ “ทำไม”

“ไปไหมอะ? ตอนนี้วิ่งไปก็ทันนะ”

“ดึกป่านนี้… ไม่ไปแล้ว” มาร์คหรี่ตาขำ ๆ แล้วหันกลับมาหากล้อง “ส่วนพวกเราสองคนก็จะฉลองคริสต์มาสกับ GOT7 ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับวันหยุดยาวนี้นะครับ”

“แล้วเจอกันงานกาโยครับ”

“บาย”

รายการจบไปแล้วแต่แจ็คสันกับมาร์คไม่จบ ทันทีที่วางกล้องลง พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่

ฉลองคริสต์มาสกับ GOT7

พูดแบบนั้น ทั้งที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน…

“ผมมีนัดอะพี่ ไว้เจอกันนะ” ชเวยองเจเป็นคนแรกเลยที่โพล่งขึ้นมาทันทีที่แจ็คสันชวนทุกคนปาร์ตี้ ทำเอาความคิดจะชวนคนต่อ ๆ ไปลดฮวบ ยิ่งเจเจโปรเจกต์พูดต่อ

“ฉันกับพี่เจบอมก็ไม่สะดวกอะ ขอโทษน้า” พัคจินยองกล่าว

และความหวังสุดท้ายของวงอย่างมักเน่ไลน์

“จองตั๋วหนังรอบดึกไว้อะ พี่มาร์ค พี่แจ็คสัน ขอโทษน้า” แบมแบมแทบจะก้มกราบพวกเขา ก่อนจะจูงมือยูคยอมลากไปดูสตาร์วอร์สด้วยกัน

เหลือพวกเขาสองคนถ่ายรายการแอ๊บความสดใสให้เข้ากับบรรยากาศ

“เอาไงดีเรา”

แจ็คสันหันมาถามมาร์คที่กำลังจัดสายรุ้งให้เข้าที่ ก่อนที่คนเป็นพี่จะครุ่นคิดไปชั่วขณะ

“ออกไปข้างนอกไหมล่ะ?”

“ไปโบสถ์ไหม? พี่อยากไปหรือเปล่า? ถ้าไปก็ทันนะ”

มาร์คเอียงคอ “ยังไงก็ได้”

“งั้นไปโบสถ์กัน อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งเงียบ ๆ ในนี้”

“โอเค…” มาร์คพยักหน้าหงึกหงัก “โชคดีที่โคโค่นอนแล้ว ไปเถอะ”

พวกเขาสองคนคาดมาสก์และสวมเสื้อผ้ากันอากาศหนาวเย็นและป้องกันการโดนทักเต็มที่ แม้จะค่ำมากและใกล้เข้าสู่วันใหม่แล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนเดินขวักไขว่กันอยู่บนท้องถนนสมกับเป็นช่วงเทศกาล โบสถ์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากหอของพวกเขาไปพอสมควร แต่ดูเหมือนมาร์คจะอยากไปมากสังเกตจากการที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ

“ปกติไปโบสถ์ทุกปีเหรอ? หมายถึงตอนอยู่แอลเอ” แจ็คสันชวนคุย ซึ่งมาร์คก็ตอบ

“อืม หม๊าไปเล่นเปียโนให้โบสถ์เลยตามไปด้วยตลอดเลย”

“แล้วพอมาอยู่นี่ล่ะ?”

“ไม่ค่อยได้ไปหรอก” มาร์คหัวเราะ “มีเวลาที่ไหน? วันก่อนหม๊าก็บ่น ๆ อยู่ว่าห่างพระห่างเจ้าจังเลยนะ อืม ฉันอาจจะไม่ได้เคร่งศาสนามาก แต่ก็ไม่ได้ห่างขนาดนั้นสักหน่อย”

แจ็คสันฟังแล้วอมยิ้ม แต่ไม่ได้พูดตอบอะไร บางทีเขาก็เป็นฝ่ายฟังมาร์คบ่นบ้าง ตลกดีเหมือนกัน

เดินมาไม่นานก็ถึงโบสถ์เป้าหมาย ได้ยินเสียงทำมิสซามาจากด้านใน แจ็คสันทำท่าจะพามาร์คเข้าไปแต่คนเป็นพี่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“อ้าว…”

“อยู่ตรงนี้ก็ได้”

“ไม่หนาวเหรอ?”

มาร์คส่ายหน้า “ไม่อยากเข้าไป”

“โอเค…”

พวกเขาหาบริเวณที่เหมาะจะยืนเงียบ ๆ ใกล้ ๆ โบสถ์ จนไปเจอต้นไม้ต้นใหญ่ประดับด้วยช่อมิสเซิลโทและสายรุ้งมากมาย มาร์คกับแจ็คสันยืนพิงลำต้นแข็งแรงของต้นไม้ ขณะฟังเสียงพิธีกรรมที่ดังอยู่ด้านใน

เสียงเปียโนแผ่วพริ้วสลับกับเสียงร้องเพลงที่ดังขึ้นเป็นระยะเรียกให้คนเป็นพี่พึมพำบางอย่างผ่านหน้ากากที่ปิดเสี้ยวหน้าด้านล่าง เมื่อฟังดี ๆ จึงพบว่าเป็นเพลงในพิธีและบทสวดซึ่งแจ็คสันเกือบลืมไปแล้ว

เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ควรชวนคุย จึงขยับไปยืนใกล้ ๆ จนไหล่ชิดกัน สัมผัสความอบอุ่นจากคนที่ยืนเงียบ ๆ แล้วก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้

บางทีแค่นี้ก็อาจจะเพียงพอ

ไม่นานก็มาถึงช่วงสุดท้ายของพิธี ส่วนคุณพ่อที่ได้ยินลอดมาจากบานประตูทำให้พวกเขาหันมามองหน้ากัน

“จะไปไหนต่อไหม?” มาร์คเป็นคนถาม แจ็คสันส่ายหน้า

“ฉันคิดไม่ออกหรอก นายจะไปไหนล่ะ?”

“ไม่รู้สิ…” มาร์คพึมพำ “งั้นอยู่ตรงนี้อีกสักพักแล้วกัน”

“โอเค…”

เสียงในพิธีดำเนินไปเรื่อย ๆ ยิ่งใกล้เวลาเข้าวันใหม่เสียงร้องเพลงยิ่งดังขึ้น แจ็คสันเหลือบมองคนข้าง ๆ แล้วเงยหน้าแหงนมองด้านบน เห็นช่อมิสเซิลโทที่ถูกผูกติดกับกิ่งใหญ่ของต้นไม้เด่นชัด

อืม… มิสเซิลโท

“มาร์ค”

“ว่า?”

“เคยได้ยินเรื่องมิสเซิลโทไหม?”

มาร์คพยักหน้า “เคยทำด้วยล่ะ สมัยมัธยม จูบกับเด็กผู้หญิงใต้ต้นมิสเซิลโท”

“แล้วเป็นไง”

มาร์คหัวเราะ “ก็แบบทุกวันนี้ไง เลิกกันไปตั้งนานแล้ว”

แจ็คสักพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ทันใดนั้นเขาก็เรียกคนข้าง ๆ อีกครั้ง

“มาร์ค”

“หืม?”

คราวนี้คนโดนเรียกหันมามอง ก่อนจะชะงักเมื่อเจ้าของเสียงเอ่ยเรียกชื่อเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปาก พอดีกับเสียงระฆังที่ดังไปทั่วบริเวณ

มาร์คหลับตาลง ปล่อยให้อีกคนแช่สัมผัสนั้นไว้สักพัก เมื่อแจ็คสันผละออกเขาจึงลืมตาขึ้น พอดีกับที่คนตรงหน้าพูด

“Merry Christmas”

“Merry Christmas” เขาพูดตอบ แล้วเอ่ยเสริมไปอีกว่า “ส่วนจูบเด็กน้อยตะกี้นั่นถือว่าเป็นการทักทายนะ”

แจ็คสันแค่นเสียง ๆ เอื้อมมือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อไปยีเส้นผมอีกคนเบา ๆ จนมาร์คขมวดคิ้ว

“กลับได้แล้ว”

“อืม กลับเหอะ”

แจ็คสันก้าวนำออกไปก่อน รอจนมาร์คเดินมายืนข้าง ๆ เขาจึงก้าวออกไปจากบริเวณนั้นด้วยกัน

END – Special EP.

#108missionswithmarkson – 3

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

3

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีพร้อมกับใบหน้าคมที่โผล่เข้ามาในกล้องในจังหวะเดียวกัน แจ็คสัน หวัง ที่สภาพหน้าเรียกได้ว่าปราศจากเครื่องสำอางใด ๆ ยกเว้นครีมบำรุงกำลังยืนเช็กตัวเองอยู่หน้ากล้อง ขณะที่ปากก็พูดด้วย

“ก็อตเซเว่น แจ็คสันหวัง เหมือนเดิมครับ และตอนนี้คุณก็อยู่กับรายการ 108 Missions with Markson ซึ่งตอนนี้มาร์คแต่งตัวอยู่ในห้องครับ ผมเลยออกมาหาอะไรกินระหว่างรอ”

กล้องฉายภาพในครัวที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย แจ็คสันพาไปที่ตู้เย็น หยิบผลไม้กับนมออกมาตั้งบนโต๊ะ “ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกินอะไรดี แต่ต้องกินครับ ขาดมื้อเช้าไม่ได้”

ตอนนั้นเอง มาร์คก็เดินเข้ามาในครัว ดวงหน้าสวยไม่ได้แต่งแต้มด้วยอะไรเป็นพิเศษเลิกคิ้วมองกล้องและคนที่กำลังหยิบผลไม้กินหน้าตาเฉยอยู่

“ไม่มีอะไรกินเหรอ? แล้วถ่ายอะไรอะ? 108?”

“อืม” แจ็คสันตอบ กวักมือเรียกมาร์คให้เดินมาใกล้ ๆ พอมาถึงระยะที่เอื้อมถึงก็ดึงมาร์คลงมานั่งบนโต๊ะด้วยกัน

“เพิ่งเริ่มรายการ” เขาชี้ไปที่กล้อง มาร์คเลยยิ้มให้กล้องพร้อมกับเอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับ ก็อตเซเว่น มาร์คครับ”

“วันนี้สดมาก ไม่มีสคริปต์…ไม่สิ จริง ๆ ก็ไม่เคยมีสคริปต์อยู่แล้วสำหรับรายการนี้” แจ็คสันพูดต่อ หยิบองุ่นเข้าปากไปหนึ่งชิ้น ขณะที่มาร์คก้มหน้าก้มตาปลอกเปลือกส้มอย่างใจเย็น “ภารกิจจริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ก็ทำให้พวกเราต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่นหน่อย”

“อืม คนอื่นยังไม่ตื่นกันเลย” มาร์คพึมพำตอบ เด็ดกลีบส้มที่ปอกแล้วยื่นใส่ปากแจ็คสัน แล้วถาม “เปรี้ยวไหม?”

พอเห็นแจ็คสันส่ายหน้าเลยหยิบกินบ้าง

ต่างคนต่างกินกันไปสักพัก มาร์คก็พูดบ้าง “อ้อ ภารกิจวันนี้น่ะ คือ… อยู่ไหนนะ?” หันไปถามแจ็คสันที่นั่งมองหน้าเขาอยู่

“ในห้องอะ”

“เดี๋ยวฉันไปหยิบให้”

“อืม เดี๋ยวรอตรงนี้แหละ”

สิ้นคำ มาร์คก็เดินหายออกไปจากกล้อง แจ็คสันมองตามเพียงเสี้ยววินาทีแล้วหันกลับมาหากล้องอีกรอบ

“ก็ ภารกิจวันนี้… เดี๋ยวรอมาร์คไปเอาอุปกรณ์มาก่อนนะครับ ทุกคนอย่าเพิ่งหลับกันนะ ถึงตอนนี้จะเช้ามากก็เถอะ อย่าไปหลับในห้องเรียนด้วยนะครับ!”

แล้วมาร์คก็โผล่เข้ามาพร้อมกับสายรัดบางอย่าง ชายหนุ่มยื่นมันมาอวดกล้อง ก่อนจะเอาไปพันมือเล่น

“และนี่แหละครับภารกิจวันนี้”

มาร์คยิ้ม ก่อนชูให้สายรัดนั่นอยู่ในระดับสายตาพร้อมพูดพร้อมกับแจ็คสันว่า

“ผูกข้อมือติดกัน 24 ชั่วโมงครับ”

“สวัสดีครับ ก็อตเซเว่น แบมแบมครับ” เสียงสดใสดังขึ้นพร้อมกับภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยแก้มกลม ๆ ของเด็กหนุ่มตาโตชาวไทยยื่นเข้ามาในกล้อง ก่อนจะต้องถอยออกไปอยู่อีกฝั่งเมื่อเพื่อนสนิทเข้ามาเล่นด้วย

“ก็อตเซเว่น ยูกยอม ครับ”

พูดจบก็เหลือบมามองหน้ากันก่อนจะหรี่ตาแล้วยักคิ้วให้กล้อง

“ผมรู้ว่ากล้องนี้คือกล้องรายการ 108 Missions with Markson… ชื่อยาวจริง” แบมแบมพูดต่อ “แต่เจ้าของรายการตอนนี้ไม่ว่างครับ กำลังถ่ายแบบอยู่ ถ่ายทั้ง ๆ ที่มือติดกันนั่นแหละ”

แล้วกล้องก็ฉายภาพด้านหลังยูกยอมกับแบมแบม แจ็คสันกับมาร์คยืนเถียงกันอยู่หน้ากล้องโดยมีสตาฟฟ์ยืนมอง สักพักมาร์คก็ถอนหายใจ แล้วยักไหล่ พูดเสียงดังว่า “OK. Fine. Do whatever you want.”

“เฮ่ ๆ อย่าทะเลาะกันสิ” แบมแบมพึมพำกับเพื่อน “นายว่าจะงอนกันนานไหม”

“ไม่หรอก” คนตัวสูงกว่าตอบทันที “ถ้าผูกข้อมือติดกันแบบนั้น โกรธกันได้ไม่นานยังไงก็ต้องดีกัน” แล้วชี้ไปที่เชือกผ้าที่ยึดข้อมือทั้งสองคนไว้ด้วยกัน

การถ่ายแบบหลังจากนั้นเหมือนเป็นการง้อกันผ่านหน้ากล้อง แจ็คสันแกล้งหยอกมาร์คบ้างล่ะ แกล้งจิ้มแก้มขาวบ้างล่ะ โดยมีมาร์คทำสายตาระอามาให้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหรี่ตามองกลับอย่างหมันไส้

“ดูเหมือนผู้กำกับจะชอบอะ ไม่ว่าเลย”

“ก็น่ารักดีออก”

สองมักเน่วิจารณ์

“น่าจะใกล้เสร็จแล้ว เอาเป็นว่าไว้เจอกับพี่สองคนนั้นเลยดีกว่า พวกผมต้องไปละ นี่แอบถ่ายไม่บอกสองคนนั้นด้วย” แบมแบมหันกล้องหาตัวเองแล้วพูด ก่อนจะดึงยูกยอมมาเข้ากล้องด้วย “เอาเป็นว่า แล้วเจอกันตอนที่เจ้าของรายการกลับมาครับ บาย” ก่อนจะโบกมือลาพร้อม ๆ กัน

แจ็คสันนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ขณะที่มาร์คนั่งจิ้มมือถืออยู่ข้าง ๆ เพราะข้อมือข้างหนึ่งติดกัน แจ็คสันเลยแก้ปัญหาด้วยการใช้มือข้างที่ติดกันนั้นกุมข้อมือมาร์คไว้เลยจะได้ไม่เกะกะ ขณะที่มือที่ว่างก็ถือไม้เซลฟี่หันกล้องเข้าตัวเอง

“หายไปพักหนึ่งเลยเมื่อกี้ ไปถ่ายงานมาครับ” แจ็คสันเล่า แล้วเหล่ไปมองมาร์ค “แน่นอนว่าถ่ายกับมาร์คนี่แหละ”

“อย่าลืมอุดหนุนกันด้วยครับ” มาร์คเงยหน้ามาบอก “แมกกาซีนอะไรจะบอกเร็ว ๆ นี้” แล้วกลับไปสนใจมือถือต่อ

แจ็คสันมองมาร์คแล้วหันกลับมามองกล้อง พองแก้มเล็กน้อยแสดงอาการไม่พอใจ ก่อนจะพูดลอย ๆ ขึ้นมา

“ฮยอง… สนใจกล้องหน่อยดิ”

“หืม?” มาร์คเหลือบตามามอง “อ๋า… ขอโทษที”

“ทำอะไรอยู่น่ะ อย่าบอกว่าเล่นเกมนะ?”

“เปล่า ๆ คุยกับโจอี้อยู่”

“หา?” แจ็คสันทำหน้าตกใจ “กี่โมงกี่ยามแล้ว? น้องยังไม่นอนเหรอ?”

มาร์คไม่ตอบ แต่จู่ ๆ ก็ยกมือถือขึ้นพร้อมกับเสียงรอสายเฟสไทม์ที่ดังขึ้นมา แจ็คสันรีบขยับกล้องเข้าไปใกล้ ๆ ทันที

ได้ยินเสียงกุกกักมาจากอีกฝั่งพร้อมกับภาพมืด ๆ และเสียงอู้อี้ ๆ ตามมา “Facetime? Now?… what? Hey… Jackson!”

โจอี้นั่นเอง มองผ่านหน้าจอไอโฟนแล้วดูเหมือนเด็กหนุ่มจะอยู่ในผ้าห่ม อาจจะแอบเล่นมือถือตอนนอนตามประสา พอเห็นหน้าแจ็คสันก็ยิ้มกว้าง “Long time no see~”

“Hi! Joey! Welcome to 108 Missions with Markson~”

“108? Wait. What? ARE YOU STREAMING?”

ทั้งสองพยักหน้าตอบ พร้อมกับภาพในจอที่ดำมืดไปชั่วขณะหนึ่ง แจ็คสันกับมาร์คหันมาหัวเราะใส่กันก่อนจะหันกลับไปหามือถือมาร์คอีกครั้ง

“Hey! Joey! Come on! Don’t be shy. It’s hard to see you so don’t worry. If you don’t turn off the light so it’s ok.”

“…you two are so…”

แล้วก็ตามด้วยเสียงบ่นมากมายที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่อีกสองคนหัวเราะจนปวดท้อง มาร์คยกมือข้างที่ผูกติดแจ็คสันกุมหน้าท้องด้วยความขำ ก่อนจะยอมคุยกับน้องชายตัวเองดี ๆ

“Ok. Ok. That’s enough. You should go to sleep now.”

“It has to be enough. Bro.” เสียงโจอี้ลอดไรฟันมา “I’m gotta go. Hope you guys enjoy your hotest couple show. Good night.”

“Good night!”

ทั้งสองพูดพร้อมกัน ก่อนที่มาร์คจะเก็บมือถือและเปลี่ยนมาเป็นคนถือกล้อง

“ตะกี้ได้คุยกับโจอี้ที่หลายคนน่าจะไม่ได้เห็นหน้ามานาน” แจ็คสันพูดยิ้ม ๆ “แต่นี่มันรายการของพวกเรามาร์คสันนะ”

ฉันคิดถึงโจอี้จัง” มาร์คชี้มาที่หน้าจอ “ดูคอมเมนต์สิ ภาษาอังกฤษของเขาเซ็กซี่สุด ๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเขามีแฟนแล้ว อากาเซ…”

“โจอี้มีแฟนแล้วครับ เพราะงั้นหมดสิทธิ์นะ!”

“แต่ผมยังไม่มีนะ”

“มาร์ค…”

คนเป็นพี่หัวเราะขำ ก่อนจะยิ้มอวดฟันเรียงสวย แล้วพูดต่อ “แจ็คสันก็ยังไม่มีแฟน!”

“งั้นฉันขอนายเป็นแฟนตอนนี้เลยดีไหม?”

“…”

เสี้ยววินาทีนั้นเหมือนเดดแอร์ไปชั่วขณะ

นัยน์ตาสองคู่สบกัน ก่อนที่มาร์คจะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะกังวานใสพาให้แจ็คสันหัวเราะตามไปด้วย ก่อนที่คนที่พูดประโยคล่าสุดจะพึมพำออกมา “ล้อเล่นก็ได้ ล้อเล่นครับ ล้อเล่น”

มาร์คหัวเราะจนหน้าแดง ก่อนจะหันมามองกล้องอีกครั้ง

“ผมไม่รู้ว่าควรเล่นอะไรดี มือเราสองคนก็ยังติดกันอยู่เลย” มาร์คชูข้อมือข้างนั้นให้ดู ก่อนที่แจ็คสันจะกางฝ่ามือออกแล้วมาร์คก็ประสานมือเข้าไว้ด้วยกัน แล้วพลิกมือซ้ายขวาให้ดู “มีใครคิดออกไหมว่าเราควรเล่นอะไร”

“เหลือเวลาอีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะได้แกะเจ้านี่ออก” แจ็คสันพูดบ้าง “ไปเล่นกับโคโค่ดีไหม?”

“เอาดิ”

แต่ยังไม่ทันลุกจากโซฟา เสียงทักทายก็ดังขึ้น “เฮ่ ทำอะไรกันน่ะ พวกพี่?”

“จินยอง มานี่สิ”

มาร์คกวักมือเรียกให้คนที่เพิ่งมาใหม่มานั่งข้าง ๆ จินยองโผล่เข้ามาในกล้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้างและรอยยับอันเป็นเอกลักษณ์ข้างตา

“ก็อตเซเว่น จินยองครับ”

“เหมือนจินยองมาเป็นแขกรับเชิญเลย”

“นี่รายการอะไรอะ? 108?”

“ใช่”

“โห คนดูเยอะจัง…”

แจ็คสันมองมาร์คกับจินยองที่ผลัดกันพูด ก่อนจะหันมาหากล้องแล้วพูดช้า ๆ ชัด ๆ

“รายการ 108 missions with Markson”

จินยองเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะหรี่ตาแล้วยิ้มนิด ๆ “ฉันรู้ชื่อรายการน่า”

“อ่าฮะ…”

“นายอยากพูดเรื่องที่ออกอากาศไม่ได้ใช่ไหมล่า แจ็คสัน” จินยองปิดปากหัวเราะ ขณะที่มาร์คกะพริบตาปริบ ๆ “งั้นฉันไปดีกว่า ผมไปก่อนนะพี่มาร์ค กินอะไรไหม? จะลงไปข้างล่าง”

คนเป็นพี่ส่ายหน้า ขณะที่แจ็คสันสะบัดมือข้างที่ว่างออกไปเหมือนไล่ “ไปเถอะ”

“นายนี่มันเด็กจริง ๆ เลย แจ็คสัน”

มาร์ครีบคว้าแขนอีกคนไว้ทันที ก่อนจะโถมตัวเข้าหาเป็นเชิงบังคับให้นั่งดี ๆ พี่ใหญ่วางศีรษะลงบนไหล่คนอายุน้อยกว่าพร้อมกับขยับกล้องให้เห็นมุมดี ๆ

“ถ้านายทำอะไรจินยอง…”

“พี่จะทำไม”

“เปล่า แต่นายอย่าไร้สาระน่า ถ่ายรายการอยู่นะ”

รายการนี้ก็จริงเกินไปแล้ว แจ็คสันถอนหายใจ พอดีกับที่มาร์คใช้มือข้างที่ผูกติดกันยกไปตีแก้มอีกคนเบา ๆ “สงบสติอารมณ์ซะบ้าง เด็กเอ๊ย”

“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก” แจ็คสันเริ่มโวยวาย “เฮ่ นี่ผมอายุยี่สิบสองแล้วนะ เผื่อพี่ลืม”

“ไม่ลืม ๆ นายห่างกับฉันหกเดือนยี่สิบแปดวัน โอเค ฉันจำได้”

“ดีมาก”

“แต่ไม่รู้สึกว่านายเห็นฉันเป็นพี่เลย”

“ทำไม โกรธหรือไง?”

“เปล่า โกรธทำไม? นายก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร”

แจ็คสันหรี่ตามองคนที่ซบไหล่เขาอยู่แล้วยกมือข้างที่ว่างขึ้นลูบเส้นผมสีอ่อนของอีกฝ่ายเบา ๆ “ผมแห้งหมดแล้ว”

“ก็กัดบ่อย”

“ทรีตเมนต์ของฉันก็มี เอาไปใช้สิ”

“คุณแจ็คสันนี่ใจดีจริง ๆ เลยครับ แบ่งชาออร์แกนิกให้บ้างสิ”

“ไม่เอา นายผอมเกินไปแล้ว กินเยอะ ๆ เหมือนเดิมแหละดี”

“นายก็ผอมเถอะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันอ้วนไง…”

มาร์คขยับศีรษะออกจากไหล่อีกคนแล้วยัดกล้องใส่มืออีกฝ่าย พอมือว่างก็ยกขึ้นบีบแก้มของคนตรงหน้าแล้วบิดไปมา

“เหรอออ นายอ้วนเหรออออ”

“อย่ามาเล่นน่า…” แจ็คสันส่งเสียงอู้อี้

“ทีนายยังเล่นแก้มฉันได้เลย”

“ก็แก้มนายนิ่ม”

“เหรออออออออ”

จะปล่อยกล้องทิ้งก็ไม่ได้ แจ็คสันเลยปล่อยให้อีกคนเล่นอะไรไปตามสบาย โดยที่ตนก็คอยถือกล้องไว้ดี ๆ ด้วยความที่กลัวมันจะพัง

มาร์คเปลี่ยนจากเล่นแก้มเขาเป็นเล่นผมเขาแทน มือเรียวสวยที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาสางผมเขาไปเรื่อยขณะริมฝีปากอิ่มพึมพำในระยะใกล้จนเห็นแพขนตายาว “ว่าคนอื่นผมเสีย ของนายก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอกน่า”

แจ็คสันมองมาร์คนิ่ง พิศมองปลายขนตายาว ไล่มาตามปลายจมูกรูปหยดน้ำจนจบที่ริมฝีปากอิ่มซึ่งขยับไปมาบ่นพึมพำบางสิ่งซึ่งกล้องไม่ได้ยินหรอก ก่อนจะถอนหายใจ

มาร์คชะงัก “ทำไม?”

“ฉันว่าเราปิดรายการเหอะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็อย่าให้แฟน ๆ รอดูเลย มันจะเสียเวลา” เขาพูดตรง ๆ ซึ่งมาร์คก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“โอเค…”

“งั้น… จนถึงตอนนี้พวกคุณอยู่กับ ก็อตเซเว่น แจ็คสัน”

“และมาร์ค”

“หวังว่าตอนนี้จะไม่น่าเบื่อเกินไป แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะครับ”

TBC…(?)

แม้จะวางกล้องลงแล้ว แต่มือของแจ็คสันกับมาร์คยังไม่ได้แกะออก มาร์คมองคนที่ทำหน้านิ่งอย่างงง ๆ

“โกรธอะไรหรือเปล่า?”

“No…”

“So…” มาร์คหรี่ตา “What’s wrong?”

แจ็คสันไม่ตอบ แต่พึมพำว่า “I’m sorry.” ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างโอบหลังคออีกคนเข้ามาและกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั่น ดูดดุนและขบเม้มมันไปมาอย่างหมดความอดทน

ให้ตายเถอะ

มาพูดอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ ทั้งสัมผัส ทั้งริมฝีปากแดง ๆ นี่ ทั้งกลิ่นหอม ๆ

คิดว่าเขาเป็นพระหรือไง

“พี่มาร์ค! แจ็คสัน! กลับมาแล้— เฮ่ย!!!!”

จินยองทิ้งข้าวของแล้ววิ่งสี่คูณร้อยมาจากหน้าประตูพร้อมกับโวยวายเสียงดัง “เข้าห้องไปเลย! ทั้งคู่!”

แจ็คสันเลยยอมผละออกแล้วดึงมาร์คที่ก้มหน้าจนชิดอกเข้าห้องไป เสียงปิดประตูดังขึ้น จินยองถอนหายใจแล้วหันไปมองกล้องที่วางทิ้งไว้

“เฮ้อ…แล้วก็ทิ้งกล้องไว้…………………….”

ชายหนุ่มพูดไม่ออก

ภาพที่เห็นทำให้เขาหน้าซีด

กล้องไม่ได้ปิด

TBC

 

#108missionswithmarkson – 2

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


108 Missions with Markson

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

2

 

ภาพที่ฉายตรงหน้าดูเบลอเพราะตัวกล้องกำลังพยายามปรับโฟกัส เห็นใบหน้าของมาร์ค ต้วน โผล่เข้ามา ยื่นมือข้างหนึ่งมาขยับกล้องให้เข้าที่ ก่อนที่ภาพจะค่อย ๆ ชัดขึ้นตามลำดับจนเห็นดวงหน้าเรียวของพี่ใหญ่ประจำวงยิ้มแป้นอยู่

“ติดแล้ว ๆ”

“โอเค งั้นเริ่มเลย”

อีกเสียงดังขึ้น ก่อนที่แจ็คสัน หวัง จะปรากฏตัวขึ้นในกล้อง ยืนเบียดไหล่กับมาร์คที่เป็นคนถือกล้อง

“รอบนี้ไม่มีไม้เซลฟี่แล้วเหรอ ฉันเมื่อยนะ”

“งั้นเดี๋ยวช่วยจับ”

มือข้างหนึ่งของแจ็คสันยกไปจับข้อมือของมาร์ค คนเป็นพี่หันมาพึมพำว่าขอบใจเบา ๆ เพราะพวกเขาอยู่ใกล้กันจนไม่จำเป็นต้องตะโกนก็ได้ ก่อนที่ทั้งสองจะหันกลับมาหากล้องอีกครั้ง

“สวัสดีครับ อากาเซที่น่ารักของพวกเรา~ วันนี้คุณก็อยู่กับแจ็คสันและ…”

“มาร์ค”

“จากก็อตเซเว่นเหมือนเดิม” หนุ่มฮ่องกงยิ้มแก้มปริ “สำหรับภารกิจวันนี้… พวกเราอยู่ที่…” กล้องยกขึ้นเผยภาพที่อยู่ด้านหลังทั้งสอง สระน้ำขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสไว้เต็ม ก่อนที่แจ็คสันจะส่งเสียงต่อ “สระว่ายน้ำ! เพราะวันนี้เป็นภารกิจที่ต้องอยู่ใต้น้ำ!”

“ภารกิจอะไรกัน?” มาร์คหันมาถามอย่างสงสัย

“เอาจริง ๆ นะ” แจ็คสันทำหน้าจริงจัง “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ้าว…”

“อ๊ะ นี่ไง มาละ”

มือของทีมงานยื่นบอร์ดมาให้จากหลังกล้อง ทั้งสองก้มไปอ่านก่อนจะเบิกตากว้าง

มาร์คเป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นมา “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย…”

“เอาจริงเหรอครับ?” แจ็คสันกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะหันมามองหน้ามาร์คที่กำลังจ้องหน้าเขาเหมือนกัน

“…จะดีเหรอ”

“ก็… ถ้าผ่านมือทีมงานมาได้ ก็คงไม่เป็นไรมั้ง” หนุ่มฮ่องกงเกาแก้ม หันมาถามคนที่อยู่หลังกล้องอีกครั้ง “ชัวร์นะครับว่าจะไม่เป็นไร?”

สุดท้ายทั้งสองก็หันกลับมาหากล้อง ก่อนมาร์คจะเป็นฝ่ายพูดก่อน

“สำหรับภารกิจวันนี้ พวกเราก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เอง”

“ใช่ครับ ภารกิจวันนี้คือ…” แจ็คสันเงียบไปพักหนึ่ง เหลือบสายตามองมาร์คที่หันมามองเขา ก่อนจะต่างคนต่างกลับมามองกล้อง “พิสูจน์ทฤษฎีส่งลมหายใจใต้น้ำ”

“คือ…เอ่อ ใครเป็นคนส่งภารกิจนี้มา อยากรู้จริง ๆ” คนเป็นพี่พึมพำ “แถมทีมงานให้ผ่านด้วย”

“ก็ ให้ถือว่าเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้วกันนะครับ” แจ็คสันหัวเราะ เอื้อมมืออีกข้างที่ว่าง ไม่ได้ช่วยมาร์คถือกล้องมาหยิกแก้มขาวเบา ๆ “มาร์คก็อย่าจริงจังมากนะ”

เจ้าของชื่อยู่ปากเล็กน้อย ก่อนจะเม้มปากแล้วลดกล้องลง “ถ้างั้นเรารีบทำภารกิจดีกว่า”

“โอเค กล้องนี่เอาลงน้ำได้ใช่ไหมครับ?” แจ็คสันตะโกนถาม ก่อนจะทำสัญญาณมือโอเค “งั้นเดี๋ยวฉันถือกล้องเอง” แล้วคว้ากล้องจากมือมาร์คมา “มาร์คลงไปก่อนเลยก็ได้”

กล้องวูบไหวไปมาตามการเคลื่อนไหว ก่อนจะเผยภาพมาร์คที่ลงไปในน้ำแล้วเรียบร้อย ระดับน้ำสูงประมาณไหล่มาร์ค และเสื้อผ้าสีดำนั่นก็เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องเปียกจนทะลุได้ดี

“หนาวววววว” เสียงแหลม ๆ ของพี่ใหญ่โวยวาย เรียกให้แจ็คสันหัวเราะกร๊าก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมาร์คสาดน้ำขึ้นมา

“โหย เล่นอะไรเนี่ย”

“รีบ ๆ ลงมาเลย หนาวจะตายอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวก็ชินน่า”

ทั้งที่อาทิตย์ก่อนตอนทำมิชชั่นดูพระอาทิตย์ขึ้นอากาศยังหนาวเยือกอยู่เลย แต่อาทิตย์นี้อากาศอุ่นขึ้นมาก นับว่าสภาพอากาศเป็นใจพอสมควร

แจ็คสันค่อย ๆ ลงสระอย่างระมัดระวังเพราะมือข้างหนึ่งถือกล้องอยู่ เสื้อยืดสีดำแนบไปกับรูปร่างสมส่วนที่เจ้าตัวเพียรสร้างมาอย่างดี ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเสยผมสีบลอนด์ขึ้นไม่ให้ปรกหน้าปรกตา

“โอเค อยู่ในน้ำกันแล้ว อ้อ ลืมบอกไปเลยว่ามิชชั่นนี้พวกผมโต้ตอบกับทุกคนไม่ได้นะ เพราะว่าใช้กล้อง ไม่ใช่มือถือ”

“มือถือลงน้ำไม่ได้”

“นั่นแหละครับ” แจ็คสันพยักหน้ารับคำพูดของมาร์ค พลางขยับมุมกล้องให้เห็นมาร์คชัดขึ้น อีกคนก็รู้ว่าต้องทำอะไรเลยรีบเข้ามาใกล้ ๆ กล้อง

“หนาวมากครับ” มาร์คกระซิบ เขย่าตัวเหมือนหนาวเสียเต็มประดา จนแจ็คสันอดทอดสายตามองด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“โอเวอร์น่า” ชายหนุ่มว่า ไม่สนใจสายตาค้อน ๆ ของคนขี้หนาว “งั้นก็รีบเข้าเหอะ ใครจะเริ่มก่อน”

“ฉัน ๆ ฉันเริ่มก่อน” มาร์ครีบยกมือเหมือนกลัวคนแย่ง ทั้งที่ก็มีกันแค่สองคนทั้งสระ

“ได้ ๆ นายเริ่มก่อนนะ” แจ็คสันพยักหน้ารับรู้ “งั้นฉันลงไปก่อน กี่นาทีครับ?” เขาหันไปถามทีมงาน “หนึ่งนาที? โอเค ได้เลย”

“นายจะไม่ขาดใจตายก่อนฉันลงไปใช่ไหม” มาร์คแซว เลยโดนแจ็คสันดีดน้ำใส่หน้าไปทีหนึ่งอย่างหมันไส้

“ลงไปละ นายถือกล้องไปเลย”

“เออ ๆ”

มาร์ครับกล้องมาถือไว้บ้าง แจ็คสันค่อย ๆ ก้มลงไปแล้วศีรษะก็มิดน้ำในที่สุด ขณะที่มาร์คมองอย่างกังวล

“เอาจริง ๆ ผมก็กลัวเขาจะเป็นอะไรนะ ถึงแจ็คสันจะว่ายน้ำเป็นก็เถอะ” ดวงหน้าหวานซีดลงเล็กน้อยเพราะน้ำที่เย็นจัด “น่าจะครบนาทีแล้ว ว่าแต่ผมจะถือกล้องยังไงไม่ให้มันร่วงเหรอ”

บ่นพึมพำได้แป๊บเดียวก็ตัดสินใจสูดหายใจลึก ก่อนจะดำน้ำตามลงไป

กล้องในมือลดระดับตามไปด้วย ภาพใต้น้ำที่ปรากฏคือภาพสีฟ้าเรือง ๆ ที่เกิดจากการหักเหของแสง แจ็คสันหลับตาคู้ตัวอยู่ใต้น้ำ มาร์ครีบเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ สะกิดให้อีกคนรู้สึกตัว แจ็คสันลืมตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนส่งสัญญาณมือให้รีบ ๆ ทำสักที

ดวงหน้าของคนเป็นพี่ฉายแววกังวลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดในท้ายที่สุด ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าของตนเข้าไปใกล้ หลับตา และประกบริมฝีปากของตนกับอีกฝ่ายทันที สัมผัสของริมฝีปากบางชวนให้รู้สึกพิกล แต่มาร์คก็เมินมันและมุ่งสนใจแต่เรื่องภารกิจ (ที่ประหลาดและไม่น่าเชื่อว่าจะยอมให้ถ่าย) เขาค่อย ๆ ส่งลมหายใจที่ตนเก็บไว้ผ่านทางเรียวปาก มือข้างหนึ่งประคองดวงหน้าของอีกคนให้อยู่กับที่ ส่วนมืออีกข้างก็ต้องคอยประคองกล้องไว้ โชคดีที่ในตอนท้ายมือของแจ็คสันมาช่วยยึดไว้

มาร์คค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนจะพุ่งตัวพรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ ขณะที่อีกคนตามมาทีหลังและหัวเราะลั่น แจ็คสันลูบน้ำที่พราวเต็มหน้าของตนแล้วลืมตามองมาร์คชัด ๆ ดวงหน้าขาวซีดของคนเป็นพี่ดูจะมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนเพราะอะไรนั้นแจ็คสันรู้อยู่แก่ใจ

“อยากให้นายเห็นหน้าตัวเองชะมัด”

“นายเห็นเหรอ” มาร์คหันมาทำหน้าเหวอ พอเห็นแจ็คสันหัวเราะก็รีบดีดน้ำใส่ทันที

“โห ใจเย็น เขินเหรอ” แจ็คสันพยายามกลั้นขำ แต่มาร์คที่หน้าแดงลามไปถึงหูน่าแกล้งน้อยเสียเมื่อไหร่

“เอาน่า มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เมกันบอยขี้อายจังเลย”

มาร์คพึมพำบางคำซึ่งแจ็คสันอ่านได้ว่า “ใครจะหน้าด้านเหมือนนาย”

อูย หน้าชาเลยทีเดียว

“ต่อไปตาฉัน”

“ฮะ มีอีกเหรอ” มาร์คสะดุ้ง ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย “ได้ ๆ โอเค”

แล้วมาร์คก็ลงไปใต้น้ำ

แจ็คสันยิ้มกว้างให้กล้อง “ตอนนี้มาร์คลงไปในน้ำแล้วครับ ถ้าพูดอะไรตรงนี้เขาก็จะไม่ได้ยินเพราะอยู่ใต้น้ำ งั้นผมขอบอกเลยว่า ปากมาร์คนุ่มมากเลยครับ ฮะ? อะไรนะครับ เรื่องนี้ไม่ควรพูดออกอากาศ? แต่พูดไปแล้วนี่ รายการสดด้วย ทุกคนช่วยทำเป็นไม่ได้ยินทีนะครับ”

แม้จะพูดแบบนั้นแต่สีหน้ายิ้มเยาะที่ปรากฏบนหน้าจอก็ชัดเจน แจ็คสันเงียบไปไม่นานก็ค่อย ๆ ลดระดับตัวเองลงไปใต้น้ำ

ภาพในกล้องกลับมาเป็นภาพกึ่งเบลอสีอมฟ้าอีกครั้ง มาร์คคู้ตัวอยู่ใต้น้ำขณะที่หลับตา เสื้อยืดสีเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นหน้าท้องขาว ๆ จนแจ็คสันต้องรีบหันกล้องหนี แล้วทำหน้าดุใส่กล้อง ก่อนจะรีบเคลื่อนตัวไปหาอีกคน

เขาสะกิดมาร์คเบา ๆ ให้อีกคนรู้สึกตัว มาร์คลืมตาขึ้นมามองแต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เขาก็พุ่งเข้าไปประกบริมฝีปากกับอีกคนทันที

มาร์คดูตกใจ อย่างน้อยก็สังเกตได้จากอาการที่ยกมือข้างหนึ่งมาทุบไหล่เขาแรง ๆ แต่เพราะแรงดันใต้น้ำทำให้มันเบาเหมือนปุยนุ่น แจ็คสันส่งผ่านลมหายใจให้อีกคนอย่างช้า ๆ จนมาร์คยอมเปลี่ยนจากทุบไหล่เขามาเกาะเบา ๆ พอแจ็คสันผละริมฝีปากออกเท่านั้น อีกคนก็รีบพุ่งตัวทะยานขึ้นเหนือผิวน้ำทันที

แจ็คสันรีบขึ้นไปบ้าง แต่ก็ต้องโวยวายใหญ่เพราะมาร์คทำท่าจะกดเขาให้จมน้ำตาย

“เฮ่ย ๆ ใจเย็น” แจ็คสันหัวเราะ แม้ตอนนี้มาร์คจะล็อกคอเขาไว้ก็ตาม “ไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนี้เลย”

“นายนี่มัน…” มาร์คกัดฟันกรอด ก่อนจะยอมผละออกเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

แจ็คสันไม่ปิดบังท่าทีขำเป็นบ้าเป็นหลังเลย มาร์คถอนหายใจ ก่อนจะเสยผมที่เปียกจนลู่แนบใบหน้าขึ้นไปให้เข้าที่เข้าทาง เขาหันไปจับกล้องที่แจ็คสันพยายามถือไว้มาถือเอง

“ภารกิจเสร็จสิ้นครับ ทฤษฎีนั่นก็เชื่อถือได้นะ แต่จะใช้กับใครก็ระวังด้วย” ว่าพลางสะกิดแจ็คสันให้หันมามองกล้อง “ปิดรายการได้แล้ว”

“โอเค ๆ” แจ็คสันยิ้มแป้น “ถ้างั้น จนถึงตอนนี้ พวกคุณอยู่กับแจ็คสัน”

“และมาร์ค”

“ก็อตเซเว่น… ช่วยติดตามภารกิจต่อไปของเราด้วยนะครับ ส่วนภารกิจนี้จริง ๆ แล้วดูได้เฉพาะบางคนนะ เห็นทีมงานบอกว่าไม่ได้เปิดสาธารณะ” เขาหันไปพูดกับมาร์คที่ทำหน้าประหลาดใจ “เพราะงั้นมาร์คไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครเห็นรูปแปลก ๆ หรอก”

ผลคือโดนฟาดแขนไปหนึ่งทีเบา ๆ

“เอาเถอะ… แล้วเจอกันครับ”

“See ya.”

TBC

 

[My Book Shelf] เล่มที่ 1 – โยดายาบอย

cth4eusvyaarvcf-jpg-large

 

อานนท์: It’s hurt when you’re supposed to feel something but you don’t.

– โยดายาบอย

 

“โยดายา” แปลว่า คนไทย ในภาษาพม่า

แล้ว…หากพูดถึง “พม่า” เรานึกถึงอะไร?

ภาพของพม่าในหัวคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ต่างกัน เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ดูจะล้าหลังกว่าเมืองไทยอยู่พอสมควร และอุดมไปด้วยแรงงานต่างด้าวที่ตอนนี้เต็มเมืองไทยไปหมด หรือโด่งดังเรื่องการค้ายาเสพติด

เหล่านั้นเป็นภาพด้านลบที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมา และมันก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกขยาดกับการไป “อาศัยอยู่” ในประเทศพม่า

วิชัย มาตกุล เองก็เช่นกัน สำหรับเด็กมัธยมปลายที่กำลังจะเรียนจบ แม้ความฝันของเขาจะไม่ชัดเจน หรือให้ชัดคือยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะก้าวไปทางไหน ว่างเปล่ายิ่งกว่าหน้ากระดาษดับเบิลเอเสียอีก แต่วิชัยก็ไม่มีทางเลือก เมื่อพ่อบอกให้เขาไปอยู่พม่า เหตุผลหลักคือเพื่อเรียนภาษา

เรียนภาษาที่พม่า – เชื่อเถอะว่าความคิดนี้แทบไม่อยู่ในหัวคนไทยเลย วิชัยก็เช่นกัน

แต่สุดท้ายเขาก็จำใจต้องจากเมืองไทยไปเพื่อใช้ชีวิตที่พม่าเป็นเวลากว่าสองปี และที่นั่นเขาได้เรียนรู้อะไรมากมายกว่าที่เคยคิดไว้เยอะ

 

สิ่งที่ทำให้หยิบเล่มนี้ขึ้นมา ไม่ใช่เพราะชื่อเรื่องหรือภาพปก (ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสีสวยมาก) แต่คือชื่อคนเขียน คุณวิชัย เจ้าขอผลงานสิ่งมีชีวิตในโรงแรม ซึ่งเราเคยรีวิวไว้ (ในเฟสบุ๊กส่วนตัว) เมื่อสองเดือนก่อน

คุณวิชัยมีสำนวนการเขียนที่โดดเด่นมาก ที่แน่ ๆ คืออารมณ์ขันที่หาไม่ได้จากงานเขียนของคนอื่น งานของคุณวิชัยไม่ได้สละสลวย ไร้การปรุงแต่งให้สวยงาม ติดจะดิบเถื่อนและเซอร์เรียลมากด้วยซ้ำ แต่เพราะลักษณะการเขียนแบบนั้น เลยได้เห็นการใช้ภาพพจน์แบบแปลก ๆ การเปรียบเทียบแบบที่คาดไม่ถึง (แต่โคตรถึงในอารมณ์) เต็มไปหมด

โยดายาบอย รวบรวมบันทึกที่คุณวิชัยเขียนไว้สมัยที่อยู่พม่า ซึ่งก็เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว มีการเกลาสำนวนนิดหน่อย (ตามที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในคำนำเล่ม) แต่โดยรวมแล้วก็คือตัวคุณวิชัยในตอนนั้น ตอนที่ยังไม่ได้เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แบบทุกวันนี้ เนื้อหาจึงมีความคิดและมุมมองแบบเด็กมัธยมที่เพิ่งจะออกเผชิญโลก แถมมีปัญหากับคนที่บ้านอีก ณ จุดที่ทุกอย่างดูสิ้นหวังไปหมด วิชัยก็ต้องระหกระเหินไปอยู่ย่างกุ้ง เพื่อจะพบว่าในความลำบากบัดซบเหล่านั้น เขาก็ยังได้เรียนรู้อะไรดี ๆ กลับมา

การปรับตัวในโลกที่ไม่คุ้นชิน ภาษาที่ไม่คุ้นหู และเพื่อนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ

 

พออ่านจบแล้ว มุมมองที่เรามีต่อประเทศเพื่อนบ้านนี้ ก็เปลี่ยนไปพอสมควร

ที่แน่ ๆ คือ… อยากไป…

อาจจะไม่ใช่พม่า แต่เป็นที่ไหนก็ได้ ที่ไม่เคยไปได้ยิ่งดี

พอถึงตอนนั้นเราอาจจะพบเจออะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกก็ได้ แบบที่วิชัยในเล่มได้พบเจอ unexpected thing พวกนั้น

#จาร์คคนแมน – Special: Crush

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


BE MINE

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

Special Chapter
– Crush –

 

 

 

ช่วงนี้คิมฮีชอลชอบแวะเวียนไปอุดหนุนร้านกาแฟหน้าคณะมนุษยศาสตร์บ่อย ๆ

ในฐานะนักศึกษาปี 4 ใกล้จบ เขาไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาที่ม.บ่อยนัก อย่างมากก็มาปรึกษาเรื่องภาคนิพนธ์กับอาจารย์ ทว่าเมื่อราวสองเดือนก่อน ฮีชอลพบสิ่งที่น่าสนใจที่ร้านกาแฟของคณะมนุษยศาสตร์ สถานที่ซึ่งปกติแล้ว ชาวคณะสังคมศาสตร์อย่างเขามักเดินผ่าน (เพราะคณะตัวเองก็มีร้านกาแฟเหมือนกัน อร่อยกว่าด้วย แถมแถวนี้ก็ไม่มีอะไรน่ามอง /แค่ก ๆ) ถ้าวันนั้นยายฮานิรุ่นน้องที่สนิทด้วยไม่นัดมาคุยงานที่นี่ เขาก็คงไม่เห็นอะไรดี ๆ แบบนี้

“คาราเมลมัคคิอาโต้ของคุณฮีชอลได้แล้วนะครับ”

เสียงประกาศดังกังวานไปทั่วร้านที่มีลูกค้าประปราย ฮีชอลยิ้มกว้างเท่าที่ชีวิตนี้จะยิ้มได้ตรงไปที่เคาท์เตอร์รับเครื่องดื่ม มองเจ้าของผมสีชมพูสดใสที่กุลีกุจอพันกระดาษรอบแก้วแล้วยื่นให้เขาด้วยใบหน้าที่เห็นแล้วอารมณ์ดีไปได้ทั้งวัน

“คาราเมลมัคคิอาโต้ใช่ไหมครับ? นี่ครับ”

เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่ประดับตัดกับริมฝีปากสีแดงสดใสแล้วฮีชอลรู้สึกว่า ภาพตรงนั้นชวนให้ใจเต้นแรงกว่ากาแฟแรง ๆ สักแก้วเสียอีก

เขารับกาแฟไปนั่งกินที่โต๊ะไม่ห่างจากเคาท์เตอร์ ป้ายชื่อที่กลัดอยู่บนอกเสื้อของหนุ่มน้อยผมสีลูกกวาดนั้นเขียนว่า “มาร์ค” ซึ่งฮีชอลก็รู้มาได้สักพักแล้ว แถมยังมีหน้าไปถามฮานิอีกว่าเด็กคนนี้คือใคร

“เดือนปี 3 เด็กวิศวะฯ มาทำแค่ช่วงนี้ ปกติอยู่อีกแคมปัส” ฮานิตอบเขา

สำหรับฮีชอลแล้ว การจะเล็งงาบ— แค่ก ๆ คว้าเด็กน่ารัก ๆ มาไว้ในสังกัดสักคนไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่กับน้องมาร์คคนนี้ แค่จะเข้าไปใกล้ฮีชอลก็ใจสั่นจะบ้าตาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพูดคุย แค่ได้ยินเสียงน้องเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

นิ้วเรียวสวยเคาะโต๊ะเบา ๆ อย่างครุ่นคิด คาราเมลมัคคิอาโต้นี่ก็อร่อยดีอยู่หรอก แต่น้องคนนั้นน่าอร่อยกว่า… ให้ตายเถอะ

เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังขึ้น ฮีชอลเห็นเจ้าของผมสีชมพูหันไปมองก่อนจะเดาะลิ้นเบา ๆ ท่าทางที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้เขาต้องมองตาม ก่อนจะส่งเสียงเรียกเมื่อพบว่าคนที่เพิ่งเข้ามาคือคนที่เขารู้จัก

“แจ็คสัน!”

แจ็คสัน หวัง หันมามองเขาทันที ก่อนจะทักกลับ “พี่ฮีชอล” แล้วเดินตรงมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว อาจเพราะความเกรงใจเพราะเขาเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันหรือยังไงก็ตามแต่ แต่ฮีชอลแอบเห็นว่าเจ้าน้องคนนี้เหลือบมองน้องมาร์คไม่วางตาเลย

เฮ้ย ๆ เขามาก่อนนะ ไม่มีทางปล่อยให้หลุดไปหาเจ้าแจ็คสันหรอก

“มาทำอะไร? ไม่ได้เรียนที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”

เขารู้ว่าแจ็คสันหวังอยู่คณะพลศึกษา ซึ่งอยู่อีกแคมปัสหนึ่ง ไม่ใช่ที่นี่ ขณะที่ฮีชอลสิงสู่อยู่แคมปัสนี้ตลอด บังเอิญรู้จักกันตอนทำงานอาสาด้วยกันแล้วเจ้าแจ็คสันมาเก็บชั่วโมงกิจกรรม เห็นเป็นคนคุยสนุก ไป ๆ มา ๆ เลยสนิทกันไปเสียอย่างนั้น

แจ็คสันมองเขาแล้วตอบด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ “มารับแฟนครับ”

“อ๋อ…” ฮีชอลพยักหน้ารับ รู้มาตั้งนานแล้วว่ามันมีแฟน แต่ไม่เคยเห็นสักที

“แล้วไหนล่ะแฟนนาย?” เขาแกล้งทำมองซ้ายมองขวา แจ็คสันเกาหัวแกรก ๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อโดนสันหนังสือฟาดหลังเขาให้เบา ๆ

ฮีชอลตาค้าง ขณะที่แจ็คสันหันไปยิ้มกว้างให้คนที่เพิ่งประทุษร้ายตัวเอง

“มาร์ค”

น้องมาร์ค

“สวัสดีครับ” หนุ่มน้อยผมสีลูกกวาดโค้งให้เขาอย่างมีมารยาท ก่อนหันไปมองแจ็คสัน

คนโดนมองเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวเลยรีบพูด

“อ่า มาร์ค นี่พี่ฮีชอล รุ่นพี่ที่ฉันรู้จัก อยู่คณะสังคมฯ” แจ็คสันผายมือมาทางเขา ฮีชอลยิ้มกว้าง รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังจะมีโอกาสดี ๆ รีบยื่นมือไปจะเชคแฮนด์กับคนตรงหน้า

ถ้าไม่ติดว่าแจ็คสันพูดประโยคหลังต่อ

“พี่ฮีชอล นี่ที่ผมว่ามารอไงครับ แฟนผมเอง มาร์ค อยู่วิศวะฯ”

“……………”

มือที่กำลังจะเชคแฮนด์ค้างอยู่กลางอากาศ แต่น้องมาร์คก็ยังอุตส่าห์ยืนมือมาจับอย่างมีมารยาท สัมผัสนุ่มนิ่มของมือเรียวเล็กทำเอาชีพจรของฮีชอลเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งเห็นรอยยิ้มน่ารัก ๆ นั่นแล้ว…

แต่แม่งเอ๊ย

ฮีชอลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ

“…แฟนเหรอ?”

“ครับ” แจ็คสันตอบหน้าซื่อ เอื้อมมือไปขยี้ผมสีหวานนั่นอย่างมันมือด้วย “นี่แฟนผมเอง”

มาร์คมองแรงใส่คนข้าง ๆ ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้เขาอีกรอบ แล้วก็ดึงแขนแฟนตัวเองออกมา

“รีบกลับได้แล้ว หิวข้าว” เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ แต่ฮีชอลได้ยินชัดเจน แจ็คสันยิ้มแหยให้แล้วหันมาโค้งให้เขา

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฮีชอล”

“…อืม” คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มฝืดเฝื่อน “ไว้เจอกันนะ”

“ครับ” ว่าแล้วก็หันไปรุนหลังคนข้างกาย “ไปเถอะ มาร์ค”

น้องมาร์คโค้งให้เขาอีกรอบ “แล้วเจอกันคราวหน้านะครับ” ก่อนจะรีบเดินนำไป

ฮีชอลมองตามแผ่นหลังของทั้งสองจนหายลับไป แล้วกลับมามองแก้วคาราเมลมัคคิอาโต้ที่โดนวางทิ้งไว้อย่างหมดอารมณ์

 

เป็นคนอยู่ดี ๆ นั่งไปนั่งมาเป็นนกเฉยเลยกู

 

 

 

FIN