#จาร์คแฟนบอย – 5 Comeback Stage

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


THE SECRET LIFE OF MARK TUAN

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

5
Comeback Stage

จริง ๆ แล้วเวลาสามอาทิตย์ไม่ได้นานมากมายนักหรอก โดยเฉพาะสามอาทิตย์ที่วุ่นวายสายตัวแทบขาด งานถาโถมเหมือนพระเจ้ากลัวว่ามนุษยชาติจะรู้สึกว่าตัวเองว่างเกินไปแล้วหาเรื่องทำอะไรแปลก ๆ สรุปว่าสามอาทิตย์ที่ผ่านมาของเดือนมีนาคมนี้ จูเนียร์ทำงานแทบจะตลอดเวลา หายใจเข้าออกเป็นเอกสาร เดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้องทำงานของตัวเองกับของคุณมาร์คจนสุดท้ายเขาก็ขอย้ายโต๊ะตัวเองเข้าไปในห้องของเจ้านายเลย ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านยิ่งพาให้จูเนียร์ได้แต่ภาวนากับตัวเองในใจ ขอให้เขามีร่างแยกสักทีเถอะ

แต่ถึงจะบ่นอย่างไรก็เลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นงานที่กองสุมอยู่บนโต๊ะของเขากับบอสแล้วจูเนียร์ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจ นี่ขนาดเคลียร์กันวันต่อวัน เขากับบอสกว่าจะได้ออกจากบริษัทก็ค่ำแล้วทุกที เป็นอย่างนี้ติด ๆ กันอยู่สองอาทิตย์ แต่อาจเพราะความพยายามตลอดช่วงระยะเวลานรกจะเห็นผล เพราะพอเข้าสัปดาห์นี้งานส่วนใหญ่ก็ลดลงไปมาก เอกสารก็น้อยลงจนหายใจหายคอโล่งขึ้น และในวันสุดท้ายก่อนที่เขากับบอสจะบินไปเกาหลีใต้นั้น พวกเขาก็ชิลล์กันมากถึงขั้นเปิดเพลงแจ็คสัน หวัง ไปเซ็นต์เอกสารไป เช็คตลาดหุ้นไป

ในห้องทำงานของมาร์ค ต้วน เลขาฯ ปาร์คนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง (ที่ขอย้ายเข้ามาเพื่อความสะดวกในการทำงาน) ต่างฝ่ายต่างเอาแต่ขีดเขียนเอกสารในมือสลับกับมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงเพลงที่เคยดังอยู่เมื่อครู่เงียบไปพักใหญ่แล้ว คงเหลือแต่เสียงเข็มนาฬิกาที่บอกว่าเวลายังคงเดินไปเรื่อย ๆ และพวกเขาต้องเร่งมือจัดการเอกสารชุดสุดท้ายให้ทัน เลขาฯ หนุ่มจัดการตรวจสอบเอกสารในมืออีกครั้งก่อนเก็บมันใส่แฟ้มเป็นอันเสร็จสิ้นการทำงานอันแสนยาวนานของเขา ส่วนบอส…

“…คุณมาร์คมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”

จูเนียร์ทำลายความเงียบด้วยประโยคแสดงน้ำใจ มาร์คพยักหน้า

“ดูให้ผมทีว่าคัมแบ็คสเตจของแจ็คสันเริ่มกี่โมง จะได้กะเวลาถูกว่าต้องไปรอที่สถานีตอนไหน”

หมายถึงงานเอกสาร… จูเนียร์แย้งในใจ แต่ปากตอบไปว่า “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเช็กให้”

ชายหนุ่มไล่เปิดข้อมูลที่ต้องแยกไฟล์ไว้ว่า Jackson Wang ในคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จริง ๆ เขาจะส่งไฟล์นี้ให้มาร์คเลยก็ได้ แต่เจ้านายสั่งห้ามไว้ก่อน

“ถ้าผมรู้เรื่องของเขามากกว่านี้ก็ไม่ต้องทำงานทำการพอดี คุณรู้คนเดียวก็พอ ไว้ผมถามค่อยบอก”

ช่างแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างน่านับถือ

นัยน์ตาสีเข้มของคนเป็นเลขาฯ เหลือบมองเจ้านายที่หน้าตาเคร่งเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มาร์ค ต้วน เวลาทำงานดูแตกต่างกับมาร์ค ต้วน มาสเตอร์บ้านแฟนไซต์แจ็คสันหวังชนิดหน้ามือกับหลังมือ บอกว่าเป็นคนละคนก็คงเชื่อ จูเนียร์สังเกตว่าเวลาเจ้านายของตนตามถ่ายรูปแจ็คสัน จะกลายร่างเป็นชายหนุ่มยิ้มง่าย ยิ้มสดใสให้ไอดอลหนุ่มทุกครั้งที่อีกคนสังเกตเห็นตัวเอง หรือมีท่าทีขัดเขินเวลาตกเป็นเป้าสายตา (ซึ่งจูเนียร์ประหลาดใจมาก เพราะมาร์คดูดีจนน่าจะเคยชินกับการได้รับความสนใจจากคนอื่น แต่ ไม่ เจ้านายของเขาเป็นคนขี้อายเกินคาด) ส่วนเวลาทำงานเป็นคุณมาร์ค จะกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มความมั่นใจสูง มีรอยยิ้มวาดบนใบหน้าเสมอ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มสดใสดอกไม้บานเหมือนตอนเจอแจ็คสัน เป็นรอยยิ้มแบบคนที่อยู่เหนือคนอื่นก้าวหนึ่งเสมอ ก็น่าแปลกอีกเหมือนกันที่ไม่โดนคู่แข่งดักตีก่อน เพราะรอยยิ้มของมาร์คแบบนั้นมันน่าหมันไส้มากจริง ๆ

ถึงอย่างนั้นก็มีจุดร่วมอยู่อย่างหนึ่ง คือความตั้งใจและทุ่มเท

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร มาร์คไม่เคยทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ จูเนียร์คิดว่าอาจเป็นเพราะนิสัยชอบเอาชนะของคนเป็นเจ้านายด้วย

ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี

แต่บางทีก็เกินตัวไปนิดนึง…

มือขาวจดข้อมูลคัมแบ็คสเตจของแจ็คสัน แล้วเดินไปยื่นให้มาร์คที่โต๊ะ ชายหนุ่มเจ้าของผมสีน้ำตาลพยักหน้ารับ แล้วปิดคอมพิวเตอร์

“เสร็จแล้วเหรอครับ?” จูเนียร์ถาม

“อื้ม พอดีเลย ไปหาอะไรกินกันดีไหม?”

“ตามที่คุณมาร์คสะดวกเลยครับ”

“เอาที่คุณสะดวกด้วยสิ” มาร์คยู่หน้า “ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ผมก็กลัวว่าคุณจะมีนัด”

“…คุณมาร์คกำลังสงสัยว่าผมมีแฟนเหรอครับ?”

จูเนียร์หรี่ตามองเจ้านายที่หัวเราะอยู่ในลำคอ มาร์คเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ตรวจสอบเรียบร้อยว่าไม่ลืมอะไรทิ้งไว้ในห้องทำงานแล้วเดินออกมาพร้อมกับคุณเลขาฯ ภายในออฟฟิศเงียบสงัดเพราะทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว เหลือแสงไฟเพียงแค่ตามระเบียงทางเดิน

สามทุ่ม

จูเนียร์มองนาฬิกาแล้วถอนหายใจเบา ๆ ยังพอมีเวลาให้พักผ่อนก่อนไฟลท์บินพรุ่งนี้

“…แล้วตกลงจูเนียร์ยังโสดเหรอ?”

จู่ ๆ คนเป็นเจ้านายก็โพล่งกลับมาถามคำถามเดิม คนโดนถามสะดุ้งเฮือก

“เปล่าหรอกครับ ก็มีคนที่กำลังคบกัน…”

“จริงเหรอ?” กลายเป็นว่าคนถามเหวอไปแทน “เฮ่ย ขอโทษที คือผมถามเล่น ๆ ไม่นึกว่า… จะมีจริง ๆ”

จูเนียร์หรี่ตา “แปลกหรือไงครับ?”

มาร์คส่ายหน้าขำ ๆ “ไม่หรอก ก็ดีนี่ครับ มีคนคอยดูแล แต่อย่างนี้ผมต้องระวังเวลาให้คุณตามไปไหนมาไหนหรือเปล่า? แล้วเป็นคนที่นี่หรือเป็นคนเกาหลีใต้เหรอครับ?”

ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เลขาฯ คนเก่งหลุดยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เราต่างคนต่างทำงาน แต่ก็ได้เจอกันบ่อย เขาเป็นคนเกาหลีใต้น่ะครับ”

มาร์คพยักหน้ารับ ท่าทางสนใจ “ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากเจอเขาบ้างเหมือนกันนะ”

จูเนียร์หัวเราะ “ไว้ถ้ามีโอกาสนะครับ”

แต่ในใจเลขาฯ หนุ่มแอบพูดกับตัวเอง จริง ๆ คุณมาร์คก็เจอเขาหลายครั้งแล้วล่ะครับ แค่ไม่รู้เท่านั้นเอง

ทั้งสองเดินออกมาหน้าบริษัท ตรงไปที่ลานจอดรถ มาร์คกดกุญแจเปิดรถ เก็บข้าวของไว้เบาะด้านหลังแล้วหันมาถามคุณเลขาฯ ที่ยืนมองส่งเขาอยู่

“…แล้วจะไม่ไปกินข้าวด้วยกันจริง ๆ เหรอ?”

จูเนียร์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ขอโทษครับ แต่ผมว่ารีบกลับดีกว่า วันนี้คุณมาร์คกินกับที่บ้านเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่สนามบิน”

“ก็ได้” มาร์คยิ้มบาง ๆ “แล้วเจอกัน กลับดี ๆ นะ”

“โชคดีครับ บอส”

 

 

 

เวลาผ่านไปเร็วมากจนอิมแจบอมนึกกลัว จริง ๆ มันอาจไม่ได้ผ่านไปไวกว่าปกติ เพียงแต่สามอาทิตย์ที่ผ่านมาตารางงานของแจ็คสันแน่นเอียด และเขาที่เป็นผู้จัดการก็ต้องคอยจัดการและบริหารเวลาให้ไอดอลหนุ่มที่แม้จะยังคงรอยยิ้มไว้ให้แฟน ๆ เสมอ แต่พออยู่กับเขาสองคนก็มักจะทำหน้าเศร้าเซื่องซึมผิดปกติ เห็นแล้วแจบอมอยากโทร.หาแฟนตัวเองแล้วบอกให้เขารีบพาคุณมาร์คคนนั้นมาเร็ว ๆ เหลือเกิน ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เดี๋ยวก็ลืม แต่นี่จะเดือนนึงแล้ว พ่อคุณแจ็คสันไม่ได้มีอาการดีขึ้นเลย

“นายซึมขนาดนี้ฉันไปไม่ถูกเลยนะ” แจบอมพึมพำขณะขับรถพาคนในความดูแลไปอัดรายการสำหรับการคัมแบ็ค วันนี้แจ็คสันหวังจะปล่อยเพลงใหม่ล่าสุดที่เพิ่งมีทีเซอร์ออกไปวันก่อน คิดว่าแฟน ๆ คงล้นสตูดิโอน่าดู แม้จะคัดกรองคนไปมากแล้วก็ตาม

“ฉันซึมขนาดนั้นเลยเหรอ?” คนที่นั่งอยู่เบาะหลังถาม หน้าตาง่วง ๆ หลายวันนี้มานี้แจ็คสันไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่เพราะต้องวุ่นวายกับการเตรียมการแสดง ชายหนุ่มเสยผมสีทองที่เพิ่งย้อมใหม่ของตนขึ้นไปลวก ๆ พยายามไม่ขยี้ตาแม้ง่วงจนพร้อมจะหลับทุกเมื่อ

“…ถ้าง่วงจะนอนก็ได้นะ” นัยน์ตาเรียวของผู้จัดการมองกระจกหลังแล้วว่า “กลัวนายจะไปหลับในสตูดิโอ”

“ไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า” ว่าแล้วก็หาวอีกรอบ “เฮ้อ ง่วงจริง ๆ นะ น่าเบื่อ”

“พูดแบบนั้นแฟน ๆ ที่รอนายอยู่เสียใจแย่”

คำพูดที่ทำให้เขานึกถึง แฟนคลับ คนหนึ่ง… ที่ไม่ได้เจอกันเกือบเดือนแล้ว

มาร์ค ต้วน คนนั้น

ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดเล่น เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่คิดถึงคน ๆ นั้น ติดตามความเคลื่อนไหวที่แทบไม่มีอะไรเลยในทวิตเตอร์ นาน ๆ มาร์คจะโผล่มาทวีตสักที ที่โผล่มานาน ๆ ล่าสุดก็ตอนแจกไฟล์ภาพ HQ ของงานแฟนมีตของเขาที่นิวยอร์ก ซึ่งนั่นก็เกือบเดือนเข้าไปแล้ว แถมยังทวีตในแอคเคาท์ของแฟนไซต์อีกต่างหาก แอคเคาต์ส่วนตัวที่แจ็คสันฟอลโลว์ไว้นี่ยิ่งกว่าเงียบ

ไม่ใช่ว่าลืมรหัสไปแล้วหรอกนะ

แต่ก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อแจ้งเตือนทวิตอีกคนดังขึ้น

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               5s

ไม่ได้เจอเขาตั้งนาน ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง

 

…….เขาไหน???

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน กดย้อนทวีตอีกคนอ่านแล้วก็ไม่เห็นจะพูดถึงอะไรนอกจากเรื่องของแจ็คสัน หวัง–เขานั่นแหละ แล้วยังจะมีคนไหนอีก?

ชายหนุ่มกดรีเฟรชหน้าเว็บ

 

BamBam @bambam1a                                                                    8s

@mtuan93 แจ็คสัน?

 

“…”

“…ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ? เป็นอะไร?” เสียงแจบอมถามมาจากหน้ารถ แจ็คสันละสายตาจากจอมือถือมามองเขาก่อนส่ายหน้า

“เปล่า…”

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               15s

@bambam1a จะมีใครในโลกที่ฉันบ่นถึงอีกเหรอ?

BamBam @bambam1a                                                               9s

@mtuan93 รักเดียวใจเดียวจริง ๆ เห็นพี่ไม่ค่อยทวีตช่วงนี้นึกว่าหายไปตามคนอื่น

Mark Tuan @mtuan93                                                                 4s

@bambam1a คนมันชอบไปแล้ว จะเลิกชอบกันง่าย ๆ แบบนั้นเลยเหรอ?

 

“…ทำไมน่ารักแบบนี้” คนที่ถูกเอ่ยถึงในบทสนทนาระหว่างแฟนคลับซุกหน้ากับกระจกรถที่ติดฟิล์มหน้าเหมือนคนบ้า แจ็คสันรู้สึกเลยว่ารอยยิ้มบนหน้าตัวเองแทบฉีกถึงหู ทำไงได้ ตอนนี้เขาโคตรมีความสุขเลยอะ

นึกว่าจะโดนเกลียดซะแล้ว

“…อารมณ์ดีอะไร?”

“เปล่า”

เขาตอบผู้จัดการเสียงใส ก่อนจะตัดสินใจคืนกำไรให้แฟนคลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการยกมือถือขึ้นมา หามุมดี ๆ แล้วกดถ่ายรูป อัปโหลดขึ้นอินสตาแกรม

 

♥︎ 825 likes

jacksonwang852g7 Ready for ma comeback? xxx

 

หลากหลายคอมเมนต์ที่ทำให้เขายิ้มกว้าง แต่คอมเมนต์หนึ่งที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และทำให้ชายหนุ่มต้องสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะกดแคปหน้าจอนั้นไว้อย่างอดไม่ได้

 

jswang94 See ya! Always support you. Hope I can see you through my eyes. Can’t wait for your performance today. FIGHTING!!

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากนะครับ” เมเนเจอร์อิมกล่าวขอบคุณกับพีดีรายการเพลงและเหล่าผู้เกี่ยวข้อง ขณะพาร่างของไอดอลหนุ่มที่เพิ่งอัดการแสดงสำหรับคัมแบ็คสเตจออกจากหลังเวทีเตรียมจะกลับไปที่ตึกต้นสังกัด ทั้งเขาและแจ็คสันโค้งศีรษะซ้ำ ๆ ให้กับทุกคนที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นรอยยิ้มและคำชื่นชมที่ทำให้ทั้งสองอดโล่งใจไม่ได้

คุ้มกับที่เหนื่อยจริง ๆ

“แต่จะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าได้เห็นว่ามีอะไรรอนายอยู่ข้างนอก” แจบอมยักคิ้วกวน ๆ ให้ และแจ็คสันรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เมื่อก้าวออกจากตึกของสถานีโทรทัศน์ ชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างให้แฟนคลับจำนวนมากที่รอส่งอยู่หน้าสถานี แม้หลายคนจะเข้าไปในสตูดิโอด้วยกันตอนอัดการแสดงสดแล้ว แต่ก็ยังรอส่งเขาอยู่ตรงนี้ (และอาจจะตามไปถึงหน้าตึกเหมือนที่แจ็คสันเจอประจำ) ชายหนุ่มโบกมือทักทายกลุ่มแฟน ๆ ที่พร้อมใจกันรัวชัตเตอร์ใส่อย่างสุภาพ ไม่ได้มีเสียงกรี๊ดกร๊าดให้คนที่เดินผ่านไปมารำคาญ แต่แม้มือจะโบกอยู่กลางอากาศ สายตาก็ยังกวาดมองหาคนที่เขาอยากเจอที่สุด

แต่สิ่งที่เขาเห็นมีแต่เลนส์กล้องเต็มไปหมด

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อแฟนคลับคนหนึ่งลดกล้องลง และดวงหน้าหลังเลนส์กล้องก็คือคนที่แจ็คสันอยากเจอมานาน

มาร์ค ต้วน

แน่นอนว่าปฏิกิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาผู้จัดการอิม

“ขึ้นรถก่อน” เขากระซิบกับไอดอลหนุ่มที่ยืนค้างอยู่นานเกินไป แต่เหมือนสติของคนที่ยืนนิ่งอยู่จะยังไม่กลับมา แจบอมเลยต้องดันร่างอีกคนให้ตรงไปที่รถตู้ แจ็คสันได้แต่เดินไปงง ๆ ยิ้มเกลื่อนกลาดให้แฟน ๆ แล้วถ้ามีใครสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นว่าพ่อคุณหันไปโบกมือและยิ้มกว้างเป็นพิเศษให้แฟนไซต์ทางทิศสองนาฬิกา

ไอ้หมอนี่

“ไปสักที แจ็คสัน เดี๋ยวก็ซวยกันหมด” แจบอมทำหน้าดุ แจ็คสันเลยต้องรีบขึ้นรถตู้ไป แต่ก็ยังไม่วายหันมาอมยิ้มให้คนที่เริ่มมีสีหน้างง ๆ ขณะมองเขาผ่านเลนส์กล้อง และนั่นก็เป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็นเมื่อประตูรถเลื่อนปิดลง

“ขอเปิดกระจกได้ไหม?”

เขาถาม และไม่รอคำตอบ แต่ลดกระจกลงให้เห็นแค่ครึ่งหน้า แจ็คสันเห็นแฟนคลับที่พากันโบกมือส่งเขา และหนึ่งในนั้นมีมาร์คที่ยิ้มสดใสให้ไม่ต่างจากเมื่อเดือนก่อนที่เจอกัน

คิดถึง

ในตอนนั้น คงเป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกของเขากับมาร์คตรงกัน

 

 

 

“วันนี้ฉันมีนัดที่กังนัม” อิมแจบอมบอกไอดอลหนุ่มที่เมื่อกลับมาถึงหอก็แทบจะทิ้งตัวลงนอนทันที เขาเข้าใจดีว่าภายใต้รอยยิ้มสดใสและท่าทางกระตือรือร้นตลอดเวลาของแจ็คสันเต็มไปด้วยความอ่อนล้าจากการฝึกซ้อม “นอนไปก่อนก็ได้ อยากกินอะไรไหม จะได้ซื้อมาให้”

“มาร์ค…”

“อะไรนะ”

“เปล่า”

ผู้จัดการหนุ่มขมวดคิ้วมองท่าทางเพ้อ ๆ ของอีกคนแล้วอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดีดหูนั่นสักที แจ็คสันร้องโวยวายเสียงดัง ก่อนจะโดนคนประทุษร้ายดุ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย นายน่ะ หัดตั้งสติซะบ้าง ทำอะไรคิดถึงคนอื่นเยอะ ๆ นายเป็นไอดอลนะ แจ็คสัน ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป”

คนเป็นไอดอลยู่หน้า เห็นแล้วน่าฟาดอีกสักที แต่เจบีทำเพียงถอนหายใจ ขยับสูทสีดำของตนให้เข้าที่แล้วขอตัวออกไปจากห้อง แจ็คสันมองส่งผู้ที่เป็นเหมือนทั้งผู้จัดการ เพื่อน และตอนนี้ใกล้จะพัฒนาเป็นพ่อ ก่อนจะกดส่งข้อความบอกให้ซื้อนักเก็ตมาฝากด้วย

หลังจากเกลือกกลิ้งในห้องอยู่นาน แจ็คสันก็ตัดสินใจไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับมาเปิดแล็ปท็อปอัปเดตข่าวสารและปั่นยอดวิวยูทูปของตัวเองสักหน่อย ชายหนุ่มกดเข้าทวิตเตอร์ ดูสถานการณ์บ้านเมืองและกระแสต่าง ๆ คร่าว ๆ เซฟภาพสวย ๆ จากกลุ่มแฟนไซต์ และอดไม่ได้ที่จะเข้าไปส่องหน้าโปรไฟล์ของคนที่เขาอยากเจอหน้าหนักหนา

ภาพเฮดของทวิตเตอร์เป็นรูปที่มาร์คถ่ายให้เขาที่น้ำพุบีเทสต้า แต่โดนปรับแสงจนดูไม่ออกว่าเงาร่างที่ยืนอยู่คือแจ็คสัน ส่วนรูปดิสเพลย์เป็นรูปเจ้าของทวิตที่มีผ้าพันคอบังครึ่งหน้าด้านล่างจนเห็นแค่ตา

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               10m

ง่วง แต่ก็อยากออกไปข้างนอก จูเนียร์จะไปแถวกังนัม ไปดีไหมนะ

 

นั่นเป็นทวิตล่าสุดของมาร์ค แจ็คสันไล่อ่านย้อนลงไปเรื่อย ๆ

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               30m

โดนจูเนียร์ดุเลย

Mark Tuan @mtuan93                                                               30m

กลับมาถึงโรงแรมแล้ว เจ็ตแล็ก เมื่อกี้ยืนถ่ายรูปอยู่แล้วล้ม หน้ามืด แต่คนข้าง ๆ ช่วยพยุง…

 

“ดูแลตัวเองหน่อยสิ…” เขาพึมพำ ขมวดคิ้วมุ่น “ว่าแต่ใครคือจูเนียร์วะ” ก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านทวิตเก่า ๆ

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               5h

คนเยอะมาก

Mark Tuan @mtuan93                                                               5h

หิว ที่กินมาเมื่อเช้าไม่พอ แจ็คสันกินอะไรหรือยังนะ

 

ข้อความสั้น ๆ ที่ทำเอาเผลอยิ้มแก้มแทบฉีก ก่อนจะพิมพ์ทวีตตัวเองบ้าง

 

GG @jgsg89542                                                                         7s

ดีใจจังที่เจอคุณวันนี้ อยากให้ดูแลตัวเองมากกว่านี้ จะบอกยังไงดี?

 

แล้วทวิตก็แจ้งเตือนทันทีว่ามีคนเมนชั่นตอบเขา

 

Henty Lau @HenryLau89                                                           4s

@jgsg89542 เมนชั่นเอาดิ

 

เพื่อนร่วมงานพิมพ์ภาษาจีนตอบกลับมา เขากลอกตาใส่หน้าจอคอมก่อนจะกดเข้า Direct Message

 

ก็ถ้าจะกรุณาช่วยกลัวคนขุดเจอทวิตเตอร์ฉัน ก็อย่าเมนชั่น

1m

               จะรู้ไหมล่ะ? เห็นเพ้อ ๆ มีความรักหรือไง ฉันจะไปบอกดิสแพตช์

               17s

งั้นเรื่องนายกับแอมเบอร์ก็พร้อมจะให้โลกรับรู้แล้วสินะ

9s

               F*CK

               5s

 

เขากดออกจาก DM ปล่อยให้เพื่อนรักเป็นบ้าไปคนเดียว พอดีกับที่แจ้งเตือนทวิตเตอร์ของมาร์คขึ้นมาพอดี

อืม… ใช่ เขาตั้งแจ้งเตือนทวิตเตอร์มาร์คในโทรศัพท์…

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               1m

สงสัยฝันไป

Mark Tuan @mtuan93                                                                 4s

แฟนจูเนียร์คือเจบี………….

 

เจบี? แจ็คสันขมวดคิ้ว ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นมานั่งในอีกสามวินาทีถัดมา

“เจบี………. เฮ่ย!!!!? อิมแจบอมอะนะ!?”

ค่อนข้างมั่นใจว่าบนโลกนี้ไม่น่าจะมีคนชื่อซ้ำกับผู้จัดการเขาอีกแล้ว เจบีคือชื่อที่อิมแจบอมเคยบอกเขาว่าเป็นชื่อตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา

แจ็คสันกดเข้าไปทวีตนั้นอีกครั้ง แต่มันถูกลบไปแล้ว มาร์คคงไม่อยากให้คนถามอะไรมากมาย

เพราะแจ็คสันเห็นเมนชั่นหนึ่งที่ทักมาร์คมา

 

BamBam @bambam1a                                                               9s

@mtuan93 แฟนพี่จูเนียร์? เจบีไหนอะ?

 

บางทีโลกนี้ก็มีเรื่องบังเอิญมากเกินไปหน่อย

มาร์คนั่งเบิกตาค้างขณะมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้เยื้องกับเขาในร้านอาหารหรูที่เขาอาสาเลี้ยงมื้อนี้เอง ตอนแรกจูเนียร์ทำท่าไม่อยากให้เขาตามมาด้วย บอกว่าเขาเจ็ตแล็กก็ควรจะนอนอยู่ห้อง แต่นาน ๆ จะได้โอกาสเลี้ยงอาหารเลขาฯ คนเก่งที่ทำทุกอย่างเพื่อเขาสักที ทำไมมาร์คจะต้องปฏิเสธล่ะ

จูเนียร์เลยยอมเออออให้เขามาด้วย แม้ดวงหน้าน่ารักนั่นจะมุ่ยลงนิดหน่อย แต่มาร์คก็ตบบ่าปลอบใจเลขาฯ ของตนเบา ๆ แล้วเลือกร้านหรู ๆ แถวกังนัมสักร้านพร้อมบอกว่ายินดีเลี้ยงทั้งโต๊ะรวมถึงคนที่จูเนียร์นัดไว้ด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นแฟนที่เพิ่งพูดถึงเมื่อวันก่อน มาร์คอยากเจอจะแย่

แต่เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาในร้าน และตรงมาที่โต๊ะของเขา หยุดยืนข้างเก้าอี้ตรงข้ามจูเนียร์ด้วยชุดสูทกึ่งทางการสีดำอวดช่วงไหล่กว้าง ดวงหน้าคมที่เสยผมขึ้นไปให้เห็นหน้าผากลาดและโดดเด่นด้วยไฝสองจุดที่ตาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาร์คก็อึ้งไป

แฟนจูเนียร์เป็นผู้ชาย… อันนี้เขาตกใจนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะอเมริกาก็มีแบบนี้เยอะแยะ

แต่…

“…คุณ? ผู้จัดการอิม?”

คนตรงหน้าพยักหน้ารับ “อิมแจบอมครับ เรียกเจบีก็ได้ ครั้งแรกที่เจอกันตรง ๆ สินะ? ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณมาร์ค ต้วน”

มาร์คโค้งให้อีกฝ่ายรับคำทักทายเล็กน้อย ก่อนที่เจบีจะทิ้งตัวลงนั่ง เขาเหลือบมองคนที่นั่งข้าง ๆ จูเนียร์กำลังเบะปาก

“…ฉันตกใจนิดหน่อย”

“ไม่ คุณตกใจมาก ผมรู้” จูเนียร์แทบมองค้อนเขาแล้ว แต่เลือกจะไม่ทำ แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้คนที่นั่งตรงข้าม “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ขอผมไปนั่งข้างเขานะครับ”

“เอาสิ”

แล้วจูเนียร์ก็เดินอ้อมไปนั่งข้าง ๆ เจบี มาร์คบอกไม่ถูกว่าตัวเองตอนนี้รู้สึกยังไง เขาบอกเจบีว่าสั่งอาหารได้ตามสะดวกเลย ก่อนจะพิมพ์ความตกใจตัวเองลงทวีต และนึกได้ว่าไม่ควรพูดถึงจึงรีบลบ แต่เหมือนแบมแบมจะเห็นเสียก่อน

ยังไม่ตอบแล้วกัน

“ไม่นึกว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้นะครับ” เจบีเปิดบทสนทนาให้มาร์คต้องรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋า แล้วนั่งหลังตรงคุยกับอีกคน “คุณดู… ต่างจากที่คาดไว้นิดหน่อย แต่ก็พอทำให้เข้าใจสถานการณ์”

“สถานการณ์?” มาร์คงง แน่นอนว่าจูเนียร์ก็ด้วย แต่ไม่มีใครถามอะไรต่อและเจบีก็ปิดปากเงียบไปเลย พวกเขาคุยกันเรื่องอื่นแทน มาร์คเลยถือโอกาสถามทั้งสองเรื่องชีวิตคู่ แล้วก็มานึกเสียใจทีหลัง

“เราไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะอย่างนั้นทุกครั้งที่ได้เจอกันเลยมีค่ามากครับ”

บรรยากาศหวานฟุ้งกรุ่นกลิ่นไอรักมันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

ไม่นานอาหารก็ลงเสิร์ฟ ต่างคนต่างเริ่มจัดการอาหารของตน เจบีตักอาหารให้จินยองบ้าง สลับกับแนะนำอาหารเกาหลีให้มาร์คบ้าง ซึ่งเจ้ามือก็รับคำแนะนำไว้อย่างยินดี และจำไว้ว่าต้องลองเมนูเด็ด ๆ ให้ได้ในคราวหน้า

“อ้อ เดี๋ยวจะมีตารางงานที่ไทยเร็ว ๆ นี้นะ”

จู่ ๆ เจบีก็โพล่งขึ้นมาเป็นภาษาเกาหลี ให้มาร์คกับจูเนียร์ชะงักมือที่กำลังตักอาหารเข้าปากเล่น มาร์คเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ให้เสียกริยา ขณะที่จูเนียร์รีบถามต่อ

“งานอะไรครับ วันไหน”

“แฟนมีตติ้ง เดือนพฤษภาคม น่าจะกลาง ๆ เดือนถ้าจำไม่ผิด”

จูเนียร์คว้ามือถือขึ้นมาจด “มีรายละเอียดอื่นอีกไหม?”

“จินยองอยากรู้อะไรล่ะ เที่ยวบิน?”

“ถ้าพี่แจบอมอยากบอกก็บอกมาเหอะ…”

จูเนียร์ทำปากยื่น คนข้าง ๆ เลยอดยื่นมือไปบีบปากอิ่มนั่นเบา ๆ ผลคือคนโดนแกล้งฟาดอีกคนเบา ๆ

มาร์คมองทั้งสองคนสลับไปสลับมา ก่อนจะตัดสินใจพูด “เอ่อ… คือฉันฟังภาษาเกาหลีไม่ออก…”

เลขาฯ หนุ่มสะดุ้ง “ผมลืมไปเลย ขอโทษครับ เอ่อ… พี่แจบอมบอกว่าจะมีแฟนมีตติ้งของแจ็คสันที่ไทยเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ บอสจะให้ผมจองไฟลท์ให้เลยไหม”

คนเป็นเจ้านายอึ้งไป “เอ่อ…ได้ จัดการเลย ผมได้หมด”

แล้วจูเนียร์ก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับเรื่องตารางงานของมาร์ค ขณะที่คนเป็นเจ้านายกำลังคิดถึงแผนงานในอนาคต

แฟนมีตติ้งที่ไทย… หาบัตรยังไงดี แล้ว… อืม แบมแบมอยู่ไทยสินะ?

“คุณต่างจากที่ผมคิดไว้มากเลย”

เจบีหันมาพูดกับเขา และนั่นทำให้มาร์คหลุดจากภวังค์ “คุณหมายถึง?”

“ผมเคยเจอคุณที่แฟนไซต์ ตอนนั้นก็แปลกใจว่ามีแฟนคลับแจ็คสันที่เป็นผู้ชายด้วยเหรอ แต่คุณดูนิ่งมาก ตอนแรกก็ดูเหมือนเข้าถึงยาก แต่เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น”

“อ่า…” แพขนตายาวขยับไหวเมื่อเขากะพริบตาปริบ ๆ “…เหรอครับ”

“ขอบคุณที่สนับสนุนเขานะครับ คุณแปลกดี ปกติคนที่มีเส้นสายระดับนี้น่าจะหาทางใกล้ชิดเขา แต่คุณ… บล็อกคาทกเขาใช่ไหมครับ?”

มาร์คหัวเราะแห้ง ๆ “…ผมคิดว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่น่ะ”

เจบียิ้ม “งั้นผมก็มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่คิดร้ายต่อแจ็คสันแน่นอน”

มาร์คยิ้มตอบ

“เพราะหมอนั่นยังเติบโตต่อไปในฐานะไอดอลได้อีกมาก ผมดีใจที่มีแฟนคลับแบบคุณที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ยินดีนะครับที่ได้เจอกันวันนี้ นี่ถ้าแจ็คสันรู้ว่าผมกับคุณรู้จักกันคงตกใจน่าดู”

“ทำไมล่ะครับ?” มาร์คงง และนั่นทำให้เจบีหลุดหัวเราะ

“คุณนี่มัน… เอาเถอะครับ”

เควสชั่นมาร์กเต็มหน้ามาร์คไปหมด พอดีกับที่จูเนียร์กลับมาสนใจโต๊ะอีกครั้ง

“เรียบร้อยแล้วนะครับบอส”

“อืม ขอบคุณมาก” ก่อนเขาจะลุกจากโต๊ะ ทำให้คนเกาหลีอีกสองคนประหลาดใจ “ผมว่าผมกลับโรงแรมก่อนดีกว่า พวกคุณกินต่อเถอะ ฝากเจบีดูแลจูเนียร์ด้วยนะครับ”

เจบีพยักหน้ารับ มาร์คส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะไปจัดการค่าใช้จ่ายที่เคาท์เตอร์ร้านอาหาร แล้วรีบร้อนออกมาจากร้าน เรียกแท็กซี่เพื่อจะกลับโรงแรม

แต่ก่อนหน้านั้นต้อง…

มือขาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดอะไรอยู่สักพัก พอดีกับที่แท็กซี่เคลื่อนมาจอดพอดี มาร์คก้าวขึ้นไปนั่ง บอกพิกัดโรงแรมเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ แล้วก้มหน้าก้มตากับมือถืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋า

ประเทศไทยเหรอ… ชายหนุ่มครุ่นคิด ขณะทอดสายตามองถนนใจกลางกรุงโซล

 

Mark Tuan @mtuan93                                                               5m

@bambam1a เดือนหน้าฉันจะไปไทย สนใจแนะนำที่พักดี ๆ ให้ไหม

BamBam @bambam1a                                                             3m

@mtuan93 ที่บ้านผมไง! ฟรีที่พักและอาหาร เดี๋ยวผมดีเอ็มไปนะ แล้วอย่าลืมตอบเรื่องเจบีแฟนพี่จูเนียร์ด้วย

 

TBC

 

#จาร์คแฟนบอย – 4 A Secretary & A Manager

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


THE SECRET LIFE OF MARK TUAN

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

4
A Secretary & A Manager

ปาร์ค จินยอง หรือที่เจ้านายของเขาเรียกจนติดปากว่า จูเนียร์ และคนส่วนใหญ่เรียกเขาว่า เลขาฯ ปาร์ค เพิ่งวางสายจากคุณเจ้านายที่รีบร้อนต่อสายตรงจากนิวยอร์กมาหาเขาทั้งที่ตัวเองยังไม่ขึ้นเครื่องดี จูเนียร์รู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องคุยทางโทรศัพท์ก็ได้ แต่เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้คุณมาร์คคงอยากยืนยันการตัดสินใจตัวเองทันที เลยเลือกจะโทร.มาหาเขาแบบเร่งด่วน จะได้ไม่ลืมความตั้งใจของตน

ความตั้งใจที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับไอดอลแจ็คสัน หวัง กลับไปเป็นเหมือนเดิม

กลับไปเป็นแฟนคลับกับไอดอลเหมือนเดิม ไม่ใช่ในฐานะลูกชายของคุณต้วนกับคุณหวังที่เป็นเพื่อนสนิทกัน

มาร์คคงลำบากใจ จูเนียร์รู้จักเจ้านายคนนี้ดี

เขาทำงานกับมาร์คมาเกือบสองปีแล้ว แม้มาร์คจะเพิ่งยี่สิบสองและกำลังจะเข้าสู่ปีที่ยี่สิบสามในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แต่เจ้านายของเขาก็มีความสามารถสมกับเกียรติคุณมากมายที่ได้รับการกล่าวถึง เขาเข้ามาเป็นเลขานุการของมาร์คได้จากการที่เจ้านายของเขาดั้นด้นไปที่โรงเรียนเลขานุการแล้วเลือกเขาขึ้นมาจากประวัติของนักเรียนที่จบในรุ่นนั้นร่วมร้อยคน

“คุณเป็นคนเกาหลีใต้ใช่ไหม?”

นั่นเป็นคำถามที่เขาได้รับตอนสัมภาษณ์ ตอนนั้นมาร์ค ต้วน อายุแค่ยี่สิบปี ยังเรียนไม่จบดีด้วยซ้ำ แต่บุคลิกดูเป็นคนน่านับถือ

จูเนียร์พยักหน้ารับ

“ปาร์ค…จินยอง? ออกเสียงยากแฮะ อืม ผมเรียกคุณว่าจูเนียร์แล้วกัน อาทิตย์หน้าเริ่มงานเลยนะ ผมขอไม่แนะนำตัว เพราะคุณน่าจะรู้จักว่าที่เจ้านายของคุณอยู่แล้ว”

นั่นเป็นบทสนทนาในวันแรกที่พวกเขาเจอกัน

หลังจากนั้นจูเนียร์ก็เข้ามาทำงานในบริษัทเครือตระกูลต้วน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และมีเงินหมุนเวียนในเครือบริษัทเป็นจำนวนตัวเลขที่น่าตกใจ ภาระงานที่ดูหนักหนาสาหัสทำให้เขาสงสัยมากว่าทำไมมาร์คถึงให้นักเรียนเลขานุการจบใหม่ไม่มีประสบการณ์แบบเขามาทำงานด้วย

“ไว้ผ่านไปสักห้าปีแล้วคุณค่อยมาถามผมใหม่นะ”

“…ครับ?”

“เรื่องบางอย่างมันก็ไม่แสดงผลในตอนนี้หรอก ต้องมองไปให้ไกลกว่านั้น คาดเดาอนาคตให้ได้มากที่สุด มองความเป็นไปได้ที่ชัดเจนที่สุด ก้าวนำคนอื่นให้ได้มากที่สุด”

“…”

“…เดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจเอง”

มาร์คยิ้มให้เขา แล้วไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้อีก แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้จูเนียรู้สึกนับถือผู้ชายคนนี้อยู่ลึก ๆ สายตาของมาร์คเฉียบขาด และคาดเดาอนาคตได้ราวกับรู้เห็นล่วงหน้า

“นั่นไง หุ้นที่ผมบอกให้ซื้อไว้คราวก่อน ตอนนี้ขึ้นสูงแล้วจริง ๆ ด้วย” มาร์คหัวเราะสดใสขณะดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ท่าทางเหมือนเด็กวัยรุ่นกำลังดูรายการวาไรตี้มากกว่านักธุรกิจหนุ่มกำลังตรวจสอบตลาดหุ้นเสียอีก “จูเนียร์ ซื้อหุ้นของเครือหวังไว้เยอะ ๆ หน่อยนะ”

“ทำไมล่ะครับ?” จูเนียร์ขมวดคิ้ว “หุ้นนี่ราคาต่ำมาก แนวโน้มก็ดูจะไม่โตไปมากกว่านี้ ผมว่าอีกไม่นานอาจจะล้มก็ได้ ทำไมถึงซื้อล่ะครับ”

มาร์คหัวเราะ “เชื่อผมเถอะ นี่แหละว่าที่ผู้นำธุรกิจของฮ่องกง”

ตอนนั้นจูเนียร์ไม่ปักใจเชื่อคำพูดของมาร์คนัก แต่ก็ยอมซื้อตามที่เจ้านายว่า หลายเดือนต่อมาผลก็ปรากฏ หุ้นของเครือหวังพุ่งสูงจนน่าตกใจ

และอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้จูเนียร์หมดข้อครหาในตัวเจ้านาย ผันตัวเองมาเป็นเลขาฯ คนสนิทผู้ซื่อสัตย์และภักดี

เขาเฝ้าดูคุณมาร์คอยู่ตลอด กระทั่งในวันที่คุณมาร์คเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนั่นด้วย

“รู้จัก แจ็คสัน หวัง ไหม?”

คำถามที่ทำเอาจูเนียร์ที่กำลังตรวจเอกสารชะงัก

ก่อนจะพยักหน้ารับ “รู้จักสิครับ เขาดังพอตัวเลย”

“คุณพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับวงการแฟนคลับพวกนี้ไหม?”

“ครับ?”

แล้วจูเนียร์ก็ได้งานเพิ่มมาเป็นการตรวจสอบตารางการทำงานของแจ็คสัน หวัง และหาทางให้เจ้านายของตนไปตามไอดอลคนดังคนนี้ให้ได้ โดยที่คุณเรย์มอนด์ไม่สงสัยว่าลูกชายหายไปไหน และธุรกิจงานไม่ติดขัด

จริง ๆ เรื่องพวกนี้ไม่ได้เดือดร้อนอะไรจูเนียร์เท่าไหร่ เขาไม่ได้ลำบากอะไรเลยสักนิด

ถ้าไอดอลที่คุณมาร์คไปชอบเป็นคนอื่น เขาอาจจะลำบากอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นแจ็คสัน หวังล่ะก็…

มือเรียวกดโทรศัพท์ต่อสายหาคนที่ไม่ต้องบันทึกเบอร์ไว้ในเครื่อง เขาก็จำได้ขึ้นใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังบันทึกไว้และเขียนกำกับไว้ด้วยภาษาเกาหลีที่เมื่ออยู่อเมริกาก็แทบไม่ได้ใช้

พี่แจบอม

“…ฮัลโหล”

เสียงทุ้ม ๆ ที่ทำให้หลุดยิ้มน้อย ๆ ทุกครั้งที่ได้ยินดังขึ้น จูเนียร์ตอบกลับทันที “พี่แจบอม”

“จินยอง” ปลายสายดูสดใสขึ้นมาทันที “โทร.มามีอะไรเหรอ? หรืออยากไปเที่ยวไหนอีก? ฉันกลับพรุ่งนี้”

จูเนียร์หัวเราะเบา ๆ “ไม่หรอกครับ ผมอยู่แคลิฟอร์เนียแล้ว คงให้บินกลับไปกลับมาอีกรอบไม่ไหว” ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างขณะพูดตอบ แม้อีกคนจะมองไม่เห็นก็ตาม “พี่ก็เดินทางปลอดภัยนะครับ ไฟลท์พรุ่งนี้กี่โมงล่ะ?”

“เช้าเลย ตีห้า กว่าจะถึงก็… อืม ฉันคำนวณเวลาไม่ถูกแฮะ”

“ไม่เป็นไรครับ ถึงแล้วค่อยบอกก็ได้” จูเนียร์หัวเราะเบา ๆ “ว่าแต่…คุณเมเนเจอร์อิมวันนี้ดูจะงานหนักนะครับ ถ้าให้ผมเดา คุณแจ็คสัน หวัง คงกำลังหงุดหงิด”

“…รู้ได้ไงน่ะ”

จินยองหัวเราะดังกว่าเดิม “เพราะผมเป็นแฟนพี่ไง”

“…พี่ก็เขินอยู่หรอกนะ ดีใจด้วยที่จินยองพูดออกมาเอง แต่พี่ว่าไม่ใช่ละ ตกลงรู้ได้ไงเนี่ย? หรือว่าที่ไอ้… เอ่อ ที่แจ็คสันเป็นแบบนี้เพราะบอสของจินยอง?”

จูเนียร์ไม่พูดอะไร แค่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนไปเรื่องอื่น “เดือนหน้ามีออกรายการวาไรตี้แล้วก็เตรียมคัมแบ็คใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมส่งข้อความไปถามอีกทีว่าวันไหนนะ จะล็อกวันไว้ให้บอส”

“จินยองนี่จะซื่อสัตย์กับคุณมาร์คเกินไปแล้วนะ” แจบอมถอนหายใจ “แต่บอสของจินยองก็ดีนะ น่ารักดี แจ็คสันดู… ติดใจ ไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ๆ ที่เจอ”

“บอกให้เขาระวังใจตัวเองหน่อยก็ดีครับ ถึงบอสจะดูเป็นคนซื่อ ๆ แต่ยังไงเขาก็เป็นนักธุรกิจนะครับ”

ปลายสายหัวเราะขำ ๆ “ก็ได้ แล้วตกลงจะไม่บอกใช่ไหมว่าทำไมถึงรู้ ไว้ก่อนเถอะปาร์คจินยอง เจอคราวหน้าฉันจะเอาคืน”

แม้น้ำเสียงจะดูเข้ม แต่ก็ฟังออกว่าเป็นการหยอกเล่น จูเนียร์หัวเราะเบา ๆ  กับประโยคนั้นก่อนจะพูดปิดบทสนทนา

“ถ้าอย่างนั้นก็… ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ เดินทางปลอดภัยนะ อย่าลืมส่งข้อความมาหาผมด้วย”

“อื้ม…”

“…”

“คิดถึงจินยองนะ”

“…คิดถึงพี่แจบอมเหมือนกัน”

“รักนะครับ”

“…อื้ม”

“…”

“…รักพี่แจบอมเหมือนกัน”

ปลายสายวางไปแล้ว ขณะที่จูเนียร์ฟุบหน้ากับโต๊ะทำงาน พยายามซ่อนใบหน้าแดงก่ำของตนและรอยยิ้มที่แทบจะฉีกไปถึงใบหู นัยน์ตากลมเหลือบมองหน้าจอมือถือของตนแล้วยิ่มหุบยิ้มไม่ลง

รูปเขากับอิมแจบอมที่กำลังเซลฟี่ มีฉากหลังเป็นนิวยอร์กมุมสูง เพราะพวกเขาถ่ายจากยอดตึกเอ็มไพร์สเตท

อย่างที่คุณน่าจะเดาได้นั่นแหละ

เมเนเจอร์อิมของแจ็คสัน หวัง กับเลขาฯ ปาร์ค ของมาร์ค ต้วน เป็นแฟนกัน

 

 

 

 

ประมาณสามสิบสองชั่วโมงก่อนหน้านี้

“ไม่ไปด้วยกันเหรอ?” แจ็คสัน หวัง เอ่ยถามคำถามนี้กับผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ตอนที่เขาเพิ่งกลับมาถึงห้อง หยิบข้าวของที่จะใช้สำหรับการท่องเที่ยววันนี้ และตอนที่เช็คสภาพตัวเองเสร็จเรียบร้อย

อิมแจบอมยังยืนยันคำเดิม “ไม่ล่ะ ตามสบาย” พูดพลางนอนกดโทรศัพท์เล่น “อยากไปไหนก็ไป ระวังตัวเองด้วยแล้วกัน”

“แน่ใจนะ?”

“เออสิ นี่ให้อิสระแล้วยังมาทำแบบนี้อีก เดี๋ยวก็ห้ามไม่ให้ไปเลยนี่”

“ล้อเล่นน่า” แจ็คสันหัวเราะ “แล้วเจอกันตอนเย็น บาย”

“บาย”

แจ็คสัน หวัง ออกไปแล้ว อิมแจบอมรออยู่อีกประมาณสองนาที ก็กดเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยดี ก่อนกดโทร.ออก

รอสัญญาณอยู่ไม่นาน ปลายสายก็รับ เสียงใส ๆ ที่ทำให้เขายิ้มทุกครั้ง “สวัสดีครับ”

“จินยอง ถึงแล้ว?”

“พี่แจบอม?” น้ำเสียงตื่นเต้นนิด ๆ ยิ่งทำให้คนฟังยิ้มกว้าง “อ่า เพิ่งออกมาจากเกทเมื่อกี้นี้เลย”

“งั้นรอแป๊บนึง เดี๋ยวพี่ไปรับ…”

“ไม่ต้อง ๆ เจอกันที่เอ็มไพร์สเตทเลยดีกว่า” ปลายสายแนะนำ “นั่งไป ๆ มา ๆ มันเสียเวลาน่ะ ไว้เจอกันเลยดีกว่า”

“…ก็ได้”

“งั้นไว้เจอกันนะครับ”

ทันทีที่วางสาย อิมแจบอมก็รีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ชายหนุ่มที่ปกติมักโดนเจ้าไอดอลแจ็คสัน หวัง เอ็ดอยู่เสมอเรื่องแต่งตัว วันนี้ใส่ยืดสกรีนลายดูดีกับกางเกงขายาวและสูทกึ่งทางการอวดช่วงไหล่กว้างที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนา ไม่ลืมหยิบแว่นกันแดดไปเผื่อด้วย

ตึกเอ็มไพร์สเตท ตั้งอยู่ในย่านมิดทาวน์ ใกล้กับถนน 33rd Street ตัดกับ 5th Avenue หากเดินทางด้วยรถส่วนบุคคล ใช้เวลาจากโรงแรมแถวลีน็อกซ์ฮิลล์ที่แจบอมอยู่ประมาณสิบนาที ส่วนคนที่เขารอนั้นต้องนั่งรถมาจากท่าอากาศยานลากวาร์เดีย ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที ซึ่งแจบอมไม่มีปัญหาอยู่แล้วกับการรอแค่ไม่กี่นาที

แท็กซี่จอดตรงหน้าอาคารสูง หนึ่งในสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์ก แจบอมเดินฝ่าฝูงชนเข้ามานั่งในบอนชอน สั่งอาหารนิดหน่อยกินเล่นระหว่างรอคนของตน ไม่ลืมส่งข้อความไปบอกพิกัด

สิบนาทีต่อมา ประตูร้านเปิดออกพร้อมกับร่างในเสื้อคลุมสีเข้มท่าทางรีบร้อน ปาร์คจินยองหันซ้ายหันขวาก่อนจะชะงัก และขยับยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่นั่งรอตัวเองอยู่

“พี่แจบอม”

“จินยองอา”

คนที่เพิ่งมาถึงรีบสาวเท้าเร็ว ๆ เข้ามาที่โต๊ะ วางกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ใบเดียวของตนลงที่เก้าอี้ที่ว่าง แล้วทรุดตัวลงนั่ง ฉีกยิ้มสดใสที่ทำใหคนมองยิ้มตาม

“คิดถึงมากเลย ไม่เจอกันตั้งนาน”

“อื้ม” แจบอมคว้ามือข้างหนึ่งของอีกคนมากุมหลวม ๆ “คิดถึงเหมือนกัน”

คนตัวเล็กกว่าปล่อยให้คนที่นั่งตรงข้ามกุมมือโดยไม่ได้ตำหนิอะไร ก่อนจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นเมื่อสายตากวาดมองรอบโต๊ะ

“แล้วนี่บอนชอนแต่เช้าเลยเหรอ? อ๋า น่ากินจัง”

“จินยองกินอะไรหรือยัง? สั่งเลยไหม เดี๋ยวปวดท้อง”

จินยองพยักหน้าหงึกหงัก ทำปากจู๋ขณะมองรายการอาหาร หลังจากจัดการออเดอร์กับพนักงานแล้วก็หันมายิ้มจนตาหยีให้คนที่นั่งเงียบมองเขาเจื้อยแจ้วอีกครั้ง

“ทำไมเงียบจังอะ พี่แจบอม”

“ก็อยากฟังจินยองพูด”

“ผมก็อยากฟังพี่พูดนะ” จินยองหัวเราะ มืออีกข้างลูบหลังมือที่กำมือข้างหนึ่งของตนเบา ๆ “เราไม่เจอกันตั้งแต่งานแฟนไซน์ที่อิลซานหรือเปล่า?”

แจบอมพยักหน้า ก่อนจะเริ่มพูดเรื่อยเปื่อยรอเวลาอาหารของจินยองมาเสิร์ฟ

จินยอง… หรือที่คุณมาร์คเรียกจนติดปากว่า จูเนียร์ ชอบเวลาแบบนี้ที่สุด

จริงอยู่ว่าเขาเป็นเลขานุการคนเก่งที่จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วฉับไว แต่เวลาที่สบายใจที่สุดคือตอนที่ได้นั่งอยู่กับพี่แจบอม ได้พูดภาษาเกาหลีที่เขาแทบไม่ได้ใช้เลยเมื่ออยู่อเมริกา ฟังเสียงทุ้ม ๆ ของพี่แจบอมเล่าเรื่องนู่นนี่ไปเรื่อย ๆ มองรอยยิ้มกว้างที่ยิ้มจนตาหยีเห็นไฝสองจุดบนเปลือกตาของคนข้าง ๆ

ช่วงเวลาที่สบายใจที่สุดของจูเนียร์

ตั้งแต่เขาตัดสินใจคบหากับอิมแจบอม ก็…สี่ปีได้แล้วมั้ง? ตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนเลขานุการ อาจเพราะการจะหาคนเกาหลีสักคนที่เรียนในโรงเรียนเลขานุการในอเมริกาเหมือนกันมีความเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นครั้งแรกที่พบว่ามีคนที่มาจากที่เดียวกัน พูดภาษาเดียวกันอยู่ในโรงเรียน จูเนียร์จึงอดตื่นเต้นไม่ได้

ตอนนั้นเขาเพิ่งสมัครเข้าเรียนโรงเรียนแห่งนั้นได้ ยังไม่สนิทกับใครเท่าไหร่เลย ขณะที่รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองในรั้วโรงเรียนนี้คงลำบากพอสมควร โทรศัพท์เครื่องหนึ่งก็หล่นลงตรงหน้าเขา

จูเนียร์ชะงัก…

เขายืนอยู่หน้าอาคารเรียน โทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวตกลงมาอยู่ตรงหน้าเขา ใกล้แบบแทบเฉียดปลายจมูก มันเป็นโทรศัพท์ที่สภาพเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก หรืออาจเพราะมันเพิ่งตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก จูเนียร์ย่อตัวลงไปเก็บมันอย่างระมัดระวัง พยายามไม่สัมผัสหน้าจอที่แตกร้าวจนน่ากลัวว่าจะใช้ไม่ได้อีกแล้ว

ซึ่งดูสภาพแล้วก็ไม่น่าจะใช้ได้อีกแล้วนั่นแหละ

“เฮ่!” เสียงตะโกนมาจากข้างบน จูเนียร์เงยหน้าขึ้นไปแล้วต้องหยีตาลงอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนั้นเป็นตอนพักเที่ยงที่แดดแรงเหลือเกิน เขามองเห็นหน้าคนด้านบนไม่ชัดเพราะตาสู้แสงไม่่ได้

“รอตรงนั้นแป๊บนึง เดี๋ยวผมลงไป” อีกฝ่ายพูดมาอีกประโยค เป็นภาษาอังกฤษ จูเนียร์ขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าอีกคนพูดอะไรเพราะเพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่เดือน แม้คะแนนภาษาอังกฤษเขาจะระดับดีถึงดีมาก แต่ตะโกนแบบนี้แถมอยู่ในที่โล่ง เลยไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินถูกไหม

แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เขาควรจะยืนรอนั่นแหละ

ไม่นานคน ๆ นั้นก็รีบร้อนเดินลงมาจากตึกเรียน ชายหนุ่มรูปร่างสูงเจ้าของผมสีดำสนิทตัดสั้น มีหน้าม้าปรกอยู่เหนือคิ้วเข้ม และดวงตาเรียวแบบคนเอเชีย

เห็นแล้วจูเนียร์ถึงกับประหลาดใจ

คนเอเชีย?

มีคนเอเชียคนอื่นในโรงเรียนด้วยเหรอ?

“เป็นอะไรไหม? มันตกโดนหัวคุณหรือเปล่า?” คน ๆ นั้นถามอย่างกังวล จูเนียร์ส่ายหน้าช้า ยื่นซากโทรศัพท์ให้อีกคน

“นี่ของคุณ… ขอโทษทีที่ผมช่วยมันไว้ไม่ได้…”

สีหน้าเจ้าของโทรศัพท์ดูสลดลงไปหลายจุด เห็นแล้วน่าสงสารมาก

“ไม่เป็นไรครับ” รับไปแล้วลูบขอบเบา ๆ เหมือนกำลังทำใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันมาหาจูเนียร์ “ขอโทษนะครับ เกือบโดนหัวคุณแน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ไม่โดนสักหน่อย” จูเนียร์ยิ้มปลอบใจ ก่อนถาม “เอ่อ… เป็นคนเอเชียเหรอครับ?”

อีกคนชะงัก พยักหน้ารับ “เป็นคนเกาหลีใต้ครับ”

จูเนียร์เบิกตากว้าง น้ำเสียงเรียบเรื่อยเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที “คนเกาหลีใต้! จริงเหรอครับ…”

“ใช่ ทำไมเหรอ? หรือว่าคุณก็…”

นั่นแหละ ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน

ตอนหลังจูเนียร์จึงทราบว่า ชายคนนี้ ที่เกือบประทุษร้ายเขาโดยไม่เจตนามีชื่อว่า อิมแจบอม หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่า เจบี เป็นรุ่นพี่เขาอยู่ปีหนึ่ง ปกติถ้าอยู่กันสองคนก็จะคุยภาษาเกาหลีกัน แต่จูเนียร์ก็ไม่รังเกียจที่จะคุยภาษาอังกฤษกับอีกคนเหมือนกัน ด้วยความสนิทสนมและนิสัยที่เข้ากันได้ ความสัมพันธ์จากรุ่นพี่รุ่นน้องก็เปลี่ยนเป็นคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“คบกันไหม?”

แจบอมเอ่ยประโยคนี้ในวันหนึ่ง… จูเนียร์จำได้ดี วันที่ 22 กันยายน วันเกิดของเขาเอง หลังจากรู้จักกันมาได้เกือบสองเดือน

“เพิ่งรู้จักกันแค่สองเดือนเองนะ พี่แจบอม?” จูเนียร์ตอนนั้นว่ายิ้ม ๆ แต่ไม่ได้ค้านอะไร สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงมีสถานะแบบนี้จนถึงปัจจุบัน

ในปีสุดท้ายของการเรียน อิมแจบอมบินกลับมาทำงานที่เกาหลีใต้ตามคำขอของที่บ้าน ส่วนจูเนียร์เลือกจะหางานทำในอเมริกาต่อไป แม้จะอยู่ห่างกันทั้งในเรื่องของระยะทาง และความต่างของเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาหยุดลงเลย

จูเนียร์เคยคิดว่าคงยากที่จะได้เจอพี่แจบอมอีกครั้งถ้าไม่ได้ตั้งใจนัดกันจริง ๆ แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่ง บอสของเขาจะเดินมาถามเรื่องแจ็คสัน หวัง คนที่พี่แจบอมเคยบอกว่าทำงานเป็นผู้จัดการให้อยู่

ยิ่งกว่าพรหมลิขิตเสียอีก อะไรจะบังเอิญขนาดนี้

ดังนั้นเขาเลยได้คุยกับพี่แจบอมมากขึ้น แถมได้เจอกันบ่อยขึ้นเวลาติดตามบอสไปที่เกาหลีใต้ (เพราะบอสพูดเกาหลีไม่ได้) ชีวิตช่วงนี้ของจูเนียร์เลยจัดว่าดีมากถึงมากที่สุด

หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเรียบร้อย สองหนุ่มเกาหลีใต้ก็พากันมาเดินเล่นในตึกเอ็มไพร์สเตท โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดและช่วงเทศกาล ถึงอย่างนั้นคนก็ยังเยอะอยู่ดี

“วันนี้อยู่ได้ถึงเกือบห้าโมงเลยล่ะครับ ไม่รีบหรอก” จูเนียร์ยิ้มให้ เมื่อแจบอมทำท่าเหมือนว่าวันนี้คงไม่ได้ไปไหนนอกจากที่นี่

“แล้วจะอยู่แต่ในนี้เหรอ?”

“แค่ได้อยู่กับพี่ก็ดีแล้วนี่ครับ”

คำพูดนั้นแจบอมเลยยอมทิ้งอารมณ์หงุดหงิด มาหยิกแก้มนิ่ม ๆ ของคนที่ยิ้มกว้างจนหน้ายับให้เขา

สุดท้ายพวกเขาก็ใช้เวลาอยู่ในเอ็มไพร์สเตทเกือบทั้งวันจริง ๆ กว่าจะได้ขึ้นไปถึงชั้น 102 แจบอมกับจูเนียร์ก็หาเรื่องคุยฆ่าเวลากันไปหลายเรื่อง เล่นเกมในมือถือรอบ้าง พอถึงคิวกว่าจะชื่นชมความอลังการของแมนฮัตตันจากมุมสูง และถ่ายเซลฟี่กันอีกหลายรูป ก็พอดีบ่ายสองแล้ว

“ใช้รูปหน้าจอมือถือคู่กันเหอะ พี่แจบอม” จูเนียร์ชวน สุดท้ายพวกเขาก็ได้รูปคู่ที่ต่างก็ทำมือเป็นรูปตัวเจอยู่บนหน้าผาก

“อย่างกับซีรี่ส์เรื่อง Glee แน่ะ” จูเนียร์หัวเราะ แจบอมเลยขำบ้าง

“นี่ JJ The Series”

“JJ Project เหอะพี่ ชื่อเจเจเดอะซีรี่ส์นี่ตลกแปลก ๆ อะ”

“งั้นเหรอ ว่าแต่ทำไมต้องโปรเจกต์อะ?”

“ไม่รู้สิครับ… อืม? โครงการระยะยาวมั้ง?”

เรื่องของเราจะกลายเป็นโครงการอะไรหรือไง? แบบว่าแต่งงาน?”

“…….เปลี่ยนเรื่องเถอะครับ”

จูเนียร์ตัดสินใจปิดบทสนทนา และแจบอมก็ไม่ว่าอะไรด้วย เพราะท่าทางเขิน ๆ ของคนข้าง ๆ ทำให้เขารู้ดีว่าจูเนียร์เลี่ยงไม่พูดเรื่องนี้เพราะอะไร

ปาร์คจินยองของเขานี่น่ารักจริง ๆ เลย 😀

 

 

 

“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริง ๆ เหรอ?” อิมแจบอมถามย้ำอีกครั้ง ขณะที่พวกเขาสองคนยืนรอรถแท็กซี่อยู่แถว ๆ ตึกเอ็มไพร์สเตท

ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว สมควรแก่เวลาที่จูเนียร์จะกลับเสียที แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกันแค่สั้น ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน แค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้ว

รู้สึกดีจนไม่อยากกลับเลย

“อื้ม ผมกลับคนเดียวได้น่า พี่ต้องกลับไปรอคุณแจ็คสันอีกไม่ใช่หรือไง” จูเนียร์ว่า คว้ามือข้างหนึ่งของอีกคนมากุมแล้วบีบแน่น “เดี๋ยวก็เจอกันอีก”

“อืม… กลับดี ๆ นะครับ เป็นห่วง รู้ใช่ไหม?”

จูเนียร์พยักหน้าหงึกหงัก ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาอีกคน

“จินยอง…”

“…”

“จินยองอา เงยหน้ามามองพี่หน่อยสิ”

ชายหนุ่มยอมเงยหน้าขึ้นมาตามคำขอ ก่อนที่แก้มขาว ๆ จะขึ้นสีเมื่ออีกคนขยับดวงหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากกับเขาอย่างดรวดเร็ว สัมผัสเพียงแผ่วเบาที่ทำให้จูเนียร์เผลอกำมืออีกคนที่จับไว้แน่นกว่าเดิมด้วยความตกใจ

“…ไว้เจอกันนะ”

“…พี่แจบอมฉวยโอกาสนะ…”

แจบอมหัวเราะไม่ปฏิเสธคำต่อว่านั้น พอดีกับที่แท็กซี่มา พวกเขาจากกันอย่างอ้อยอิ่ง เมเนเจอร์หนุ่มมองส่งคุณเลขาฯ จนรถแท็กซี่หายลับไปจากสายตา

ส่วนเขาก็ต้องกลับโรงแรมสักที

 

 

 

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุขเหลือเกินนะ คุณอิมแจบอม”

น้ำเสียงจิกกัดที่ไม่น่าจะดังมาจากไอดอลชื่อดังทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปยักคิ้วกวน ๆ ให้ ผลคือโดนกระดาษที่ขยำเป็นก้อนปาถูกหน้าเบา ๆ

“…แจ็คสัน หวัง นายจะอารมณ์เสียยังไงก็ไม่ควรจะเอากระดาษปาใส่หน้าผู้จัดการของนายแบบนี้นะ”

“เออ ฉันอารมณ์เสีย หงุดหงิดโว้ย ทำไมวะ ทำไมขณะที่ฉันหงุดหงิดอยู่นี่ แกที่ควรจะเข้าข้างฉันตลอดถึงได้อารมณ์ดีนัก”

“พาลว่ะ”

แจบอมขมวดคิ้ว แล้วปากระดาษกลับไปทางแจ็คสัน แต่ไม่ได้ปาให้โดนหน้าหรอกนะ ปาให้มันลงถังขยะ

เขาเหลือบมองแจ็คสัน หวัง ที่ตาคล้ำกว่าปกติเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลย ก็ควรอยู่หรอก ตอนแรกหมอนี่ก็มีความสุขกับการเล่นโทรศัพท์ดี แต่สักพักก็เริ่มมีสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วก็กลายเป็นหงุดหงิด มากขึ้นเรื่อย ๆ จนนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย และเช้านี้พวกเขาก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามรอไปสนามบิน ตอนนี้สีหน้าที่หงุดหงิดอยู่แล้วเลยยิ่งทวีคูณเพราะนอนไม่พอ

ซึ่งแจบอมเดาได้หรอกว่าเพราะอะไร จากการที่คุยกับจูเนียร์ไปเมื่อตอนบ่าย

“ถ้าหงุดหงิดเรื่องมาร์ค ต้วน” แค่ชื่อนี้หลุดออกมา แจ็คสันก็ชะงัก “แนะนำให้ทำหน้าที่ของตัวเองไปเถอะ ไม่ต้องไปหงุดหงิดมากหรอก”

“ได้ไงวะ?” แจ็คสันชักสีหน้า “เขาบล็อกเบอร์คาทกนะ เขา-บล็อก-ฉัน”

“เขามีเหตุผลน่า”

“…เขาเกลียดฉันแล้วเหรอวะ?”

“คนที่ลงทุนบินตามนายถึงเกาหลีใต้เนี่ยนะจะเกลียดนายง่าย ๆ ไม่มีทาง สงบสติอารมณ์แล้วไปเข้าเกทสักที”

แจ็คสันถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะพากันเดินเข้าเกทในสนามบินไป ไม่ลืมโบกมือลาแฟน ๆ ที่มาส่งด้วย และโดยไม่ได้ตั้งใจ แจ็คสันอดมองหาเจ้าของร่างโปร่งที่มักสวมบินนี่สีเทาและถือกล้องตัวใหญ่ตามถ่ายเขาไม่ได้

เขาไม่ได้บอกมาร์ค ว่าเขาจำมาร์คได้ตั้งแต่แฟนไซน์ครั้งแรกที่เจอกัน

อาจเพราะไม่บ่อยนักที่จะมีแฟนคลับเป็นผู้ชาย แถมน่ารักขนาดนี้ พอเจอกันบ่อย ๆ แจ็คสันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มทะเล้นให้อีกคนอย่างลืมตัว ถ้าใครสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นว่าเขาเล่นตากับกล้องบ้านนี้เป็นพิเศษ

นิ้วเรียวหยิบมือถือขึ้นมา กดล็อกอินเข้าทวิตเตอร์ แล้วกดเข้าดูแอคเคาท์ที่ชื่อ mtuan93

แอคเคาท์ส่วนตัวของเจ้าของบ้านแฟนไซต์ jswang94 ที่เขาบังเอิญเจอ และเพิ่งฟอลโลว์เมื่อวานสด ๆ ร้อน ๆ

ไล่ดูความเคลื่อนไหวแล้วพบว่าไม่มีอะไรน่าติดตาม แจ็คสันเลยได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกดทวีตสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตอีก

 

GG @jgsg89542                                                                                                5s

หวังว่าจะได้เจอคุณอีก และผมคงไม่ได้คิดมากไป… ไม่ได้โกรธผมใช่ไหม? @.mtuan93

 

TBC

 

#จาร์คแฟนบอย – 3 Fan Meeting

บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
หากไม่ชอบกรุณากดปิด

บทความนี้เป็นแฟนฟิกชั่นซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น


THE SECRET LIFE OF MARK TUAN

GOT7 Fan Fictions

Jackson x Mark

3
Fan Meeting

บรรยากาศหน้าอาคารอเนกประสงค์สำหรับจัดประชุมเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังยืนต่อแถวกัน กว่าร้อยละแปดสิบเป็นผู้หญิง และทุกคนก็พร้อมใจกันชี้ไม้ชี้มือไปทางป้ายที่บอกงานประชุมสำหรับวันนี้

Jackson Wang the First Fan Meeting in New York

ข้อความที่ทำให้มาร์คอดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้

งานวันนี้เริ่มตอนสิบโมงเช้า แต่มาร์คมารอตั้งแต่แปดโมงเพราะรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ก็มารอกันแต่เช้านี่แหละ มันคือช่วงเวลาแห่งการซื้อขายของแฟนคลับที่จะได้้พบกันในงานแบบนี้สักครั้ง มาร์คเพิ่งส่งโฟโต้บุ๊คเล่มสุดท้ายให้สาวน้อยจากชิคาโก้คนหนึ่งก่อนจะกดพิมพ์ในทวิตเตอร์

 

 JSWANG94 @jswang94                                             2s

ขอบคุณสำหรับวันนี้มากครับ เตรียมตัวเข้างานแล้ว 🙂 #jswangnyc1stfanmeeting

 

หลายคนเข้ามารีทวิตหรือเมนชั่นขอบคุณ อาจเป็นหนึ่งในคนที่เพิ่งรับของไปจากเขา แต่มาร์คจำหน้าไม่ได้ วันนี้เขาสวมแว่นตากรอบหนาสีดำ และสวมเสื้อยืดสีขาวเรียบ ๆ ทับด้วยเสื้อลายสก็อตสีน้ำเงินเข้มของแซงโลแรงค์ กางเกงยีนส์เพื่อความคล่องตัวเข้ากับบู๊ททิมเบอร์แลนด์คู่โปรดดี พยายามเซ็ตผมให้ดูฟู ๆ ขึ้นมานิดนึง เพราะคิดว่าน่าจะเข้ากับการแต่งตัววันนี้

ดูเนิร์ด ๆ บอกไม่ถูก

หวังว่าแจ็คสันจะไม่ทันสังเกตเขา… มั้งนะ

ปกติแฟนคลับน่าจะอยากได้รับการจดจำจากไอดอล แต่วันนี้มาร์คไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นเท่าไหร่ ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น เขาอยากให้มันเป็นแค่ฝันเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะอะไรบางอย่างบอกเขาว่า ชีวิตจริงมันไม่ได้สวยงามแบบนั้นหรอก

ชายหนุ่มยืนอยู่ในแถวที่ซ้ายขวารายล้อมด้วยกลุ่มสาว ๆ จำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร นี่ไม่ใช่งานแรกของเขาสักหน่อย นัยน์ตาใต้กรอบแว่นไล่อ่านข้อความในทวิตเตอร์ไปเพลิน ๆ ระหว่างรอคิวเข้างาน

 

Bambam

ถ่ายรูปแจ็คสันมาเยอะ ๆ นะ พี่มาร์ค

 

ข้อความจากในคาทกเด้งขึ้นมา เป็นข้อความจากแบมแบม รุ่นน้องที่รู้จักกันในบอร์ดแฟนคลับแจ็คสัน รู้สึกจะเป็นคนไทย มาร์คมองนาฬิกา ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว ที่ไทยก็น่าจะสักสามทุ่ม?

 

Mark

เดี๋ยวจะถ่ายมาเยอะ ๆ เลย นายก็รีบนอนเถอะ

 

กดส่งไปแล้วตั้งใจจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋า แต่ดันมีแจ้งเตือนใหม่ขึ้นมาก่อน

 

Jackson

แล้วเจอกันในงานนะครับ มาร์ค

 

เผลออมยิ้มกับข้อความสั้น ๆ นั้น ก่อนจะส่งอิโมติคอนตอบรับคำพูดนั้นแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าจริง ๆ สักที

 

 

 

งานแฟนมีตติ้งเริ่มขึ้นตอนเวลาสิบโมงพอดีเป๊ะ หลังจากที่ทุกคนเข้าไปนั่งรอในห้องโถงกว้างที่จัดไว้สำหรับงานในครั้งนี้ได้ไม่ถึงห้านาที แจ็คสัน หวัง ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเพลงเพราะ ๆ ที่เป็นซิงเกิลใหม่ของเขา เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ขณะที่มาร์คก็ยิ้มไปรัวชัตเตอร์ไป น่ายินดีที่แฟนมีตครั้งนี้ไม่มีกฎห้ามถ่ายรูป มาร์คเลยสบายใจไม่น้อยที่ไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนบางงานที่เขาเคยไป

หลังจากแสดงไปสองเพลง ก็เป็นช่วงกิจกรรมและเกมต่าง ๆ ตามประสาแฟนมีตติ้ง มีช่วงทอล์คสนุก ๆ แจ็คสันมองดูเหล่าแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นไปถ่ายรูป เล่นเกมกับแจ็คสันแล้วอดยิ้มขำไม่ได้ พวกเธอ (ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง) ดูเงอะงะแต่ไม่ได้มีท่าทีเขินอายมากนัก ตามประสาอเมริกันชนผู้ตรงไปตรงมาและไม่ได้ขี้อายแบบชาวเอเชีย ขณะที่แจ็คสันก็ดูจะรับมือแฟนคลับได้เป็นอย่างดี มียิ้ม พูดคุย แฟนเซอร์วิสเรียกเสียงกรี๊ดลั่นฮอลล์

แฟนเซอร์วิส…

คำที่คิดแล้วให้เผลอกัดริมฝีปากอย่างลืมตัว มาร์คเผลอลดกล้องลงเล็กน้อย เขามองแจ็คสันผ่านเลนส์แทบจะตลอดเวลาเพราะต้องคอยเก็บภาพ ถามว่าแบบนี้มีความสุขเหรอที่ไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อของตน ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเห็นหรือไม่เห็นด้วยตา แต่แค่ได้มาอยู่ตรงนี้ มาร์คก็รู้สึกดีมากพอแล้ว

ตำแหน่งที่เขาอยู่คือมุมทางซ้ายของฮอลล์ ภาพแจ็คสันที่กำลังชูสองนิ้วถ่ายรูปกับลัคกี้แฟนหลังจากเล่นเกมทำให้มาร์คเผลอลดกล้องลงต่ำกว่าเดิม รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่มอบให้แฟนคลับเรียกให้มาร์คเผลอยิ้มตามไปด้วย

เขาหลงรักรอยยิ้มนั้น

ก็เหมือนทุกครั้งที่ได้เจอแจ็คสัน หวัง

ไม่ว่ากี่ครั้งก็มีความหมาย แม้ว่าจะไม่ได้เห็นกันตรง ๆ แม้ว่าอีกคนจะไม่เคยรับรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ แม้ต้องมองผ่านเลนส์ หรือทำได้เพียงมองจากที่ไกล ๆ

แต่ทุกอย่างที่ทำไม่เคยไร้ความหมาย

ทุกภาพที่เขาถ่าย ทุกครั้งที่แจ็คสันยิ้มให้กล้องของเขา ไม่ว่าจะด้วยบังเอิญหรืออะไรก็ช่าง ทุกวินาทีนั้นมีความหมายสำหรับเขาหมด สำหรับคนที่หลงรักเสียงของคน ๆ หนึ่ง นำไปสู่การเป็นแฟนคลับที่ยอมพาตัวเองบินข้ามทวีปเพื่อไปหา

มาร์ครู้ว่าตัวเองโชคดีกว่าหลาย ๆ คน ทั้งฐานะทางการเงิน หรือสถานะของเขา โดยเฉพาะเรื่องเมื่อวาน…

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…

ทันใดนั้นนัยน์ตาที่ไม่ได้มองผ่านเลนส์กล้องก็หันไปสบกับคนที่อยู่บนเวทีพอดี แจ็คสันยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะรีบหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไร และนั่นทำให้มาร์คทั้งดีใจและวูบโหวงไปพร้อม ๆ กัน

มันไม่ได้สำคัญว่าเป็นแค่แฟนเซอร์วิสหรืออะไร

แต่ด้วยฐานะของ ‘แฟนคลับ’ เขาไม่ควรพาตัวเองไปใกล้อีกคนมากกว่านี้

มาร์คขยับยิ้มให้แจ็คสันที่ไม่ได้หันมามองทางเขาอีกแล้ว ก่อนจะยกขึ้นมามองอีกฝ่ายผ่านเลนส์…เหมือนเดิม

เหมือนทุกครั้ง

ให้มันเป็นแบบนี้แหละ ดีแล้ว

 

 

 

ในตอนท้ายของแฟนมีตติ้งคือการไฮทัชกับแจ็คสันทุกที่นั่ง มาร์คต่อแถวรอคิวขณะที่สาวน้อยสาวใหญ่ที่ยืนต่อด้วยกันมองมาทางเขาอย่างสนใจ จนมาร์คต้องยิ้มบาง ๆ ให้ แล้วผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนที่พวกเธอจะกลับไปเมาท์อะไรกันต่อ

เขามีอะไรติดหน้าหรือไง?

จริง ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คเจอคนมีปฏิกิริยาแบบนี้กับตัวเอง แต่เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมต้องมองเขาแบบนั้นด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมายเลยปล่อยเลยตามเลย แม้บางทีจะอึดอัดอยู่หน่อย ๆ ก็เถอะ

คนที่พวกคุณควรสนใจคือเจ้าของงานไม่ใช่หรือไง

ระหว่างรอมาร์คก็ถ่ายรูปแจ็คสันไว้บ้าง ตอนนี้เขาก็น่าจะใช้เมมฯ กล้องไปกว่าครึ่งแล้ว พอหมดสาวน้อยข้างหน้านี่ก็ถึงตาเขาแล้ว

“สวัสดีครับ”

การไฮทัชเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ

แจ็คสันนั่งอยู่ตรงโต๊ะสีขาวตัวใหญ่ ขยับมือไม้ให้พร้อมกับการไฮทัชกับแฟน ๆ เมื่อถึงมาร์ค ชายหนุ่มยิ้มให้คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย ปล่อยให้กล้องห้อยอยู่ที่คอของตัวเอง ก่อนจะยื่นมือออกไปแปะมือแจ็คสันเบา ๆ

“ขอบคุณนะครับ”

มาร์คพูดยิ้ม ๆ ตั้งใจจะรีบผละออก แต่แจ็คสันกลับ… สอดนิ้วเข้ามาประสานแล้วกำมันไว้แน่น

คนเป็นแฟนคลับเบิกตากว้าง

แต่แจ็คสันยังยิ้มแล้วพูดต่อ ไม่สนใจสายตาแปลก ๆ ที่แฟนคลับด้านหลังมองมา

“มาขอบคุณอะไร ผมสิต้องขอบคุณ” แจ็คสันพูดกับอีกคนเป็นภาษาจีน ยิ่งทำเอามาร์คเหวอหนัก “ดีใจที่เจอคุณที่นี่นะ”

“…ผมสิต้องพูด ปล่อยได้แล้วครับ เดี๋ยวการ์ดจะมาไล่ผมแล้ว”

เพราะอย่างนั้นแจ็คสันเลยยอมปล่อยมือแต่โดยดี ขณะที่มาร์คแทบวิ่งออกจากตรงนั้น

ตะกี้มันอะไร แจ็คสัน หวัง บ้าไปแล้วหรือไง?

คำถามนี้ดังอยู่ในหัว ขณะที่หัวใจเต้นระรัวไปหมด มาร์ครู้สึกเลยว่ามือตัวเองสั่น และถ้าให้เดาหน้าตัวเองตอนนี้คงแดงจัดแน่ ๆ

ให้ตายเถอะ มาร์คลูบหน้าตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสะบัดหน้าแรง ๆ เพื่อลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู กดเข้าแท็กงานวันนี้

 

CassE @casslokd                                                                            10m

ช่วงไฮทัชแล้ว ให้ตายเถอะ แจ็คสันตัวจริง ๆ หล่อมาก ๆ เลย #JSWangNYC1stFanMeeting

 

NADIA WANG @NDWangJS94                                                        6m

ได้จับมือกันด้วย ฮือ ดีใจมากเลย TTTT ทำอะไรไม่ถูกเลย แต่เขาดูดีมากจริง ๆ #JSWangNYC1stFanMeeting

 

JS4Life @jacksonw4life                                                                     5m

อิจฉาลัคกี้แฟนที่ได้ขึ้นเวทีวันนี้จัง #JSWangNYC1stFanMeeting

 

ทุกคนดูสนุกสนานกับแฟนมีตวันนี้ดี ข้อความเหล่านั้นทำมาร์คอดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดอันนึง

 

 Jessi K. @jessikk345                                                                          4m

               มีแฟนบอยแจ็คสันด้วย! น่ารักมาก ๆ เลย หน้าหวานมาก แจ็คสันจับมือเขานานมากแถมคุยกันเป็นภาษาจีนด้วย เสียดายที่ฉันฟังจีนไม่ออก #JSWangNYC1stFanMeeting

 

ฉิบหาย

มาร์คเบิกตาโพลง กดเข้าไปดูทวีตนั้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่มีคนรีทวีตไม่กี่คน คิดว่าอีกไม่นานคงลืมกันไป

ขออย่าให้ใครจำหน้าเขาได้เลยเถอะ T____T

ชายหนุ่มนึกอยากร้องไห้ในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ต้องรอให้ไฮทัชครบทุกคนแล้วจะมีของที่ระลึกแจกก่อนเลิกงาน มาร์คตัดสินใจทำใจเย็น ๆ แล้วกลับไปนั่งที่ อัพพรีวิวรูปของวันนี้ดีกว่า

อัพไปไม่กี่ทวีตก็มีแฟนคลับคนอื่นมาเมนชั่นขอบคุณ มาร์คอ่านแล้วก็ได้แต่ยิ้มเพราะยังไม่รู้จะตอบอะไร ไม่นานก็ได้ยินเสียงประกาศว่าไฮทัชเสร็จสิ้นแล้ว สุดท้ายจะเป็นการกล่าวขอบคุณของแจ็คสัน หวัง

เจ้าของงานที่วันนี้ดูดีเหมือนปกติ (แน่นอนสิ ก็เป็นไอดอลนี่) ยืนอยู่กลางเวทีพร้อมกับไมค์หนึ่งตัว รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้าที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องมองตาม และมาร์คเองก็ละสายตาไปจากดวงหน้านั้นไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าตาไม่ฝาด เขาเห็นแจ็คสันหันมายิ้มให้เขาอีกแล้ว

“…”

ไม่หรอก คิดไปเองมากกว่า แฟนคลับอยู่ตรงนี้เยอะแยะ สุ่มยิ้มมากกว่า มองเห็นเขาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“ก่อนอื่นก็ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะครับที่มาวันนี้” แจ็คสันเริ่มพูดด้วยสำเนียงอเมริกันชัดแจ๋วไม่ต่างจากคนพื้นที่ “ผมดีใจมากจริง ๆ ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มีพวกคุณผมก็คงไม่มีโอกาสได้มาเหยียบที่นิวยอร์ก แล้วมีแฟนมีตติ้งในเมืองที่เป็นเหมือนนครในฝันแบบนี้”

จู่ ๆ มาร์คก็นึกได้ว่า แล้วที่มาติดต่อธุรกิจกับคุณหวังล่ะ… อ๋อ นั่นไม่ได้มาในฐานะไอดอลสินะ

“ขอบคุณจริง ๆ ครับ ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ช่วยสนับสนุนแจ็คสัน หวัง ต่อไปด้วยนะครับ แล้วก็นิวยอร์กเป็นเมืองที่ดีจริง ๆ ครับ น่าประทับใจมาก หวังว่าคราวหน้าจะได้ไปที่อื่นบ้าง อย่างแคลิฟอเนียร์ ผมอยากไปแอลเอน่ะครับ

เสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากแฟนคลับสาว ๆ ที่น่าจะถ่อมาจากแคลิฟอเนียร์ ขณะคนเป็นแอลเอบอยหน้าเหวอไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรหรอก แจ็คสันหวังก็พูดเอาใจแฟนคลับไปแบบนั้น

อ้อ เขาต้องดีใจสิ ก็เขาเป็นแฟนคลับนี่นา ไอดอลจะไปบ้านเกิดตัวเองต้องดีใจสิ ใช่ ๆ ดีใจ…

               …แต่ทำไมรู้สึกเขินวะ………

แจ็คสันหัวเราะขึ้นมา ก่อนเอ่ยปิดท้าย “สุดท้ายก็ หวังว่าแฟนมีตติ้งครั้งนี้จะประทับใจทุกคนนะครับ ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ อย่าลืมตามคัมแบ็คผมด้วยนะ”

ไอดอลหนุ่มโบกมือลาไปแล้วพร้อมกับเสียงกรี๊ดส่งท้าย ไม่กี่นาทีถัดมาก็อนุญาตให้แฟนคลับเดินออกจากฮอลล์ หลายคนไปยืนออกันแถวถนนเพื่อหวังจะเห็นรถของแจ็คสัน ขณะที่มาร์คยืนถือกล้องรอเผื่อได้ช็อตดี ๆ เหมือนกัน

ในที่สุดแจ็คสัน หวัง ก็ออกมาพร้อมกับบอดี้การ์ด เดินเร็ว ๆ ไปขึ้นรถแวนสีดำที่มาร์คเห็นผ่านฟิล์มหนาว่าเมเนเจอร์อิมฯ นั่งอยู่ นับว่าฝีมือการถ่ายรูปของมาร์คเดี๋ยวนี้ไม่เลวเลย เพราะเขาถ่ายตอนที่แจ็คสันเดินออกมาได้หลายช็อตมาก

รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปขณะที่แจ็คสันลดกระจกลงเล็กน้อยโบกมือให้แฟน ๆ กระทั่งรถหายไปจนลับสายตา มาร์คจึงลดกล้องลง

ได้เวลากลับบ้านแล้ว

โชคดีที่ของเขาไม่เยอะมาก มาร์คเลยเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้าเลย เสร็จจากนี่ก็จะนั่งแท็กซี่ไปสนามบินแล้วกลับแอลเอเลย ชายหนุ่มสะพายกระเป๋าสัมภาระใบเขื่องที่ตนฝากไว้หน้างานแล้วเดินไปเรียนแท็กซี่ตรงถนน ไม่นานเขาก็มาอยู่บนรถยนต์ที่เปิดเครื่องปรับอากาศพอให้รู้สึกหายใจหายคอโล่ง

มาร์คหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเหมือนที่ทำปกติ เลื่อนดูภาพแจ็คสันจากแฟนไซต์อื่น ๆ กด favorite ไว้บ้างเผื่อตามไปเซฟรูปใหญ่ รีทวีตอะไรไปเรื่อย ทันใดนั้นก็มีแจ้งเตือนจากคาทกดังขึ้น

Jackson: ผมไม่เจอคุณที่โรงแรม

Jackson: กลับไปแล้วเหรอครับ?

ไม่รู้เพราะอะไร แต่ประโยคสั้น ๆ นั้นทำให้มาร์คถึงกับนิ่ง

มือเรียวสั่นน้อย ๆ ขณะเรียบเรียงประโยคจะตอบกลับ ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ความรู้สึกวูบโหวงบังเกิดขึ้นมาจนชวนให้รู้สึกไม่ดี ฟันขาวขบริมฝีปากล่างด้วยความกังวล

Mark: ผมออกมาสนามบินแล้วครับ

Mark: ขอบคุณนะครับ และขอโทษด้วย

Jackson: ขอโทษเรื่องอะไรครับ?

มาร์คมองข้อความนั้นอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจไม่ตอบ แล้วกดบล็อกอีกคน…

ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะครับ

ชายหนุ่มถอนหายใจ มองหน้าจอมือถืออยู่นานก่อนกดโทรศัพท์โทร.หาเลขาฯ คนสนิท

“ครับ คุณมาร์ค”

“ตารางงานของแจ็คสันที่คุณให้ผมมาคราวก่อน เดือนหน้านี้ยังไม่มีอะไรใช่ไหม?”

ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง “ยังครับ ก็มีวาไรตี้นิดหน่อย รอคัมแบ็คปลายเดือนครับ”

“โอเค” มาร์คพยักหน้ารับ “งั้นจองตั๋วไปเกาหลีใต้ช่วงเดือนนั้นให้ผมด้วย เคลียร์ตารางช่วงนั้นไว้เลยนะ ส่วนงานของช่วงนั้นเดี๋ยวผมจะเอามาทำตอนกลับไปถึง ตอนนี้ผมกำลังจะถึงสนามบิน”

“ได้ครับ” ปาร์คจูเนียร์รับคำ ก่อนเอ่ยขึ้นมา “…มีอะไรหรือเปล่าครับ ดูคุณอยากทำงานเป็นพิเศษ”

มาร์คหัวเราะเบา “…อยากหาอะไรที่มีสมาธิทำน่ะ แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกัน”

เขาวางสายจูเนียร์ไปแล้ว ขณะทอดมองภาพตึกสูงของนิวยอร์กที่มองเห็นผ่านกระจกรถ หวนนึกถึงสิ่งที่ทำแล้วอดถอนหายใจอีกรอบ นี่เขาถอนหายใจบ่อยกว่าเวลาทำงานอีกนะ

  แต่ทำแบบนี้ดีแล้วล่ะ

               ให้ความสัมพันธ์มันเป็นแบบเดิมดีกว่า

               อย่าใกล้ไปมากกว่านี้เลย

               เพราะมาร์คก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าถ้าพวกเขาใกล้กันมากกว่าเดิม อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

 

WangwithU @wwuthegreat                                                                           3h

ไปรับโฟโต้บุ๊คจากบ้าน jswang94 มาแล้วค่ะ มาสเตอร์นิมเป็นผู้ชาย! ตัวจริงน่ารักมาก! หน้าหวานมาก ๆ เหมือนไอดอลเลย

124 RETWEETS 85 FAVORITES

 

 

TBC